พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี ทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ - เป็นเจ้านายพระองค์แรกและเป็นคนไทยคนที่ ๒ ที่จบการศึกษาในวิชาระดับปริญญาเอก พระนาม "ดิลกนพรัฐ" หมายถึง "ศรีเมืองเชียงใหม่"
สารบัญ |
[แก้] พระประวัติ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี [1] พระนามเดิม พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ พระราชโอรสองค์ที่ ๔๔ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดาเจ้าทิพเกษร ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือใน "ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)" ประสูติเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๗ ในพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่มีพระชนมายุได้เพียง ๑๖ พรรษา เจ้าจอมมารดาเจ้าทิพเกษร ณ เชียงใหม่ พระมารดาก็ได้ถึงแก่พิราลัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๔๓ เป็นต้นมา จึงทรงอยู่ในความดูแลของ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพระมารดา
พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้ทรงเสกสมรสกับ เจ้าหญิงศิริมา ณ เชียงใหม่ พระญาติซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองเหนือที่มีพระสิริโฉมยิ่งนัก ทรงครองรักอยู่ได้ไม่นาน พระชายาก็ถึงแก่พิราลัยอย่างกระทันหัน ด้วยทรงเป็นตะคริวขณะกำลังสรงน้ำในสระน้ำภายในพระราชวังดุสิต พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ทรงเสียพระทัยอย่างมิอาจจะหักห้ามได้ ทรงประชวรหนักและท้ายที่สุดได้ทรงตัดสินพระทัยปลงพระชนม์เองด้วยพระแสงปืนในวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๕ หลังจากทรงกรมได้เพียง ๒ เดือนเท่านั้น สิริพระชนมายุ ๒๘ พรรษา
[แก้] พระอัจฉริยภาพด้านการศึกษา
พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้เสด็จเข้ารับการศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก (พ.ศ.๒๔๔๐) ขณะมีพระชันษาได้ ๑๓ ปีบริบูรณ์ การเสด็จประพาสยุโรปครั้งนั้นมีพระราชโอรสตามเสด็จ ๔ พระองค์ คือ
- สมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์
- สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
- พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร และ
- พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี
เมื่อถึงอังกฤษ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนวอร์เรนฮิลล์ เพื่อศึกษาในระดับประถมศึกษาตอนปลาย ก่อนที่จะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมชาร์เตอร์เฮาส์ ทั้งๆ ที่โรงเรียนมัธยมกินนอนอีตัน ได้ตกลงรับเข้าศึกษาแล้ว โดยจะเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่นั่น เหตุผลที่ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ มิได้เสด็จไปเข้าอีตัน ก็เพราะเจ้าพระยาพระเสด็จฯ เมื่อยังเป็น พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ผู้ซึ่งได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นผู้ดูแลการศึกษาของพระราชโอรสในอังกฤษขณะนั้น มีความดำริเห็นว่าพระเจ้าลูกยาเธอยังขาด "ความพร้อม" ที่จะไปเรียนที่อีตัน
ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้เสด็จกลับกรุงเทพฯ เพราะ เจ้าจอมมารดาเจ้าทิพเกษร ณ เชียงใหม่ พระมารดาป่วยหนัก และถึงแก่พิราลัย คราวนั้น พระองค์ได้ประทับอยู่ในเมืองไทยนานถึง ๘ เดือน จนกระทั่งเสร็จสิ้นงานปลงพระศพของพระมารดา จึงทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เสด็จกลับไปศึกษาต่อที่อังกฤษในเดือนมิถุนายน ๒๔๔๔
การว่างเว้นการเรียนไปนานหลายเดือนทำให้ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ทรงเรียนตามพระสหายในชั้นเรียนไม่ทัน จึงต้องทรงย้ายไปเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมของเอกชนที่แครมเมอร์ และได้ทรงย้ายไปศึกษาที่เยอรมนีในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๔ ในระหว่าง พ.ศ.๒๔๔๔-๒๔๔๖ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมที่เมืองฮาลเล ภายใต้การควบคุมดูแลของ ดร.ตริน ศาสตราจารย์ชาวเยอรมัน พระองค์ทรงมีความขยันหมั่นเพียรเป็นอย่างสูง จนสามารถเรียนรู้ภาษาเยอรมันได้อย่างแตกฉาน และสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาภายในเวลาเพียง ๒ ปีเท่านั้น
ใน พ.ศ.๒๔๔๖ เมื่อมีพระชันษา ๑๙ ปีบริบูรณ์ และได้ประทับอยู่ในยุโรปมาแล้วกว่า ๖ ปี พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้ทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมิวนิกในหลักสูตรวิชา เศรษฐกิจการเมือง หรือที่รู้จักกันในสมัยนี้ว่าวิชา เศรษฐศาสตร์ พระองค์ทรงเลือกศึกษาวิชาที่เน้นในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม, ลัทธิเศรษฐกิจ, เศรษฐศาสตร์แรงงาน ตลอดจนวิชารัฐศาสตร์ คือวิชาที่เกี่ยวกับการเมืองและการปกครอง พระองค์ทรงเริ่มการค้นคว้าเพื่อเรียบเรียงวิทยานิพนธ์เรื่อง "เกษตรกรรมในสยาม : บทวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยาม" ใน พ.ศ.๒๔๔๗ โดยทรงขอข้อมูลจากเมืองไทย ซึ่งกระทรวงเกษตราธิการได้รวบรวมส่งไปถวาย นอกจากนั้นก็ยังทรงค้นคว้าจากหนังสือและเอกสารอีกมากมายที่มีอยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ทั้งที่เป็นภาษาเยอรมัน, ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส รายชื่อหนังสือและเอกสารเหล่านี้ปรากฏในบรรณานุกรมต่อท้ายพระวิทยานิพนธ์ของพระองค์ วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับนักเศรษฐศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจโลกที่สนใจประเทศไทย
ภายหลังที่ได้ทรงศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมิวนิกเป็นเวลา ๒ ปี พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ก็ได้ทรงย้ายไปศึกษาในแขนงวิชาเดียวกัน ณ มหาวิทยาลัยทึบบิงเงน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของเยอรมนีตอนใต้อีกแห่งหนึ่ง (เมืองทึบบิงเงนอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชตุทท์การ์ท และอยู่ไปทางทิศตะวันตกของเมืองมิวนิก) ณ มหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้ พระองค์ได้ทรงสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า ดอกเตอร์วิทสตาตส์วิสเซนชัฟท์ ใน พ.ศ. ๒๔๕๐ ขณะทรงมีชันษาได้ ๒๓ ปี ภายหลังที่ได้ทรงพิมพ์พระวิทยานิพนธ์เป็นหนังสือขนาดกะทัดรัดฉบับภาษาเยอรมันในชื่อว่า "เกษตรกรรมในสยาม : บทวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของราชอาณาจักรสยาม" โดย ปรินซดิลก ฟอน สิอาม พระนามเรียกในภาษาเยอรมันของพระองค์ ผลงานของพระองค์เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับนักเศรษฐศาสตร์และนักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของโลกที่สนใจประเทศไทยจักต้องค้นหามาศึกษา
ในพระอัจฉริยภาพด้านการศึกษานั้น กล่าวสรุปได้ว่า พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ
- ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับปริญญาทางเศรษฐศาสตร์
- ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ทำการศึกษาวิจัยสถานภาพและปัญหาเศรษฐกิจแห่งประเทศไทย
- ทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกและเป็นคนไทยคนที่ ๒ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก
นอกจากนั้น พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรส ๑ ใน ๔ พระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสำเร็จการศึกษาด้านพลเรือนได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัย อันได้แก่
- พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงได้รับปริญญาโท (บี.เอ.)จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
- สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ ทรงได้รับปริญญาโท (บี.เอ.) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
- สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ทรงได้รับปริญญาโท (บี.เอ.) จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
- พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี ทรงได้รับปริญญาเอก (ดอกเตอร์วิทสตาตส์วิสเซนชัฟท์) จากมหาวิทยาลัยทึบบิงเงน ประเทศเยอรมนี
[แก้] พระกรณียกิจสำคัญ
หลังจาก พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้โดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดาในคราวที่เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๔๕๐) นิวัติกลับสู่ประเทศไทยแล้ว ทรงเริ่มเข้ารับราชการในกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่ง ปลัดกรมพิเศษ แผนกอัยการต่างประเทศ ก่อนจะย้ายไปเป็น ปลัดสำรวจ กรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ
ต่อมาได้ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมเลขานุการ ปฏิบัติงานขึ้นตรงต่อ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ทรงได้รับพระราชทานยศเป็น อำมาตย์เอก (เทียบยศทหารพันเอก) และได้ดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมพลำภัง (อธิบดีกรมการปกครอง)
ในรัชกาลที่ ๖ ทรงได้เลื่อนยศขึ้นเป็น มหาอำมาตย์ตรี (เทียบยศทหารพลตรี) และได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น ผู้ช่วยราชปลัดทูลฉลอง ขณะที่ยังคงรั้งตำแหน่ง เจ้ากรมพลำภัง (อธิบดีกรมการปกครอง) ต่อไปด้วย
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี ซึ่งมีข้อความในประกาศว่า
"อนึ่ง ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ได้เสด็จออกไปทรงศึกษาวิชชา ณ ประเทศยุโรปที่เมืองอังกฤษก่อน แล้วได้เสด็จไปศึกษาในประเทศเยอรมนีต่อไป จนทรงสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรเป็นเปรียญรู้ในอรรถคดี ครั้นรัตนโกสินทร์ศก ๑๒๖ (๒๔๕๐) เสร็จการศึกษาแล้ว ได้เสด็จกลับมารับราชการในกระทรวงมหาดไทย ในหน้าที่ปลัดกรมพิเศษ แผนกอัยการต่างประเทศ แล้วเป็นปลัดสำรวจกรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ และเป็นเจ้ากรมเลขานุการเป็นลำดับมา ในบัดนี้ได้ดำรงพระเกียรติยศในตำแหน่งผู้ช่วยราชปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย และเจ้ากรมพลำพัง ทรงพระปรีชาสามารถ อาจให้ราชกิจในหน้าที่นั้นๆ สำเร็จโดยเรียบร้อยตลอดมา บัดนี้ก็ทรงวัยวุฒิสมควรจะได้รับพระเกียรติยศเป็นเจ้าต่างกรมพระองค์หนึ่งได้ จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี อัชนาม ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาน คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลมโหฬาร ทุกประการ"
นอกจากราชการในกระทรวงมหาดไทยแล้ว พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ ยังสนพระทัยในการศึกษาระดับอนุบาล (คินเดอร์การ์เต้น) ซึ่งเป็นการศึกษาที่ริเริ่มขึ้นในเยอรมนี และได้ทรงเคยพบเห็นมาในระหว่างที่ศึกษาอยู่ในประเทศนั้น เมื่อเสด็จกลับมาจากยุโรปใหม่ๆ ได้ทรงเป็นบรรณาธิการวารสารชื่อ กุมารใหม่ ซึ่งพิมพ์ออกมาได้ไม่กี่ฉบับอีกด้วย
[แก้] อ้างอิง
- ↑ ทรงนับเป็นชั้น ๗ สาย "พระบรมราชาธิบดีกาวิละ" ชั้น ๗ สาย "เจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้น" และ ชั้น ๘ สาย "พระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา" ใน "ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)"
- วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร, ดร. เศรษฐกิจแห่งสยาม (๒๔๕๐): บทวิเคราะห์ในพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิสัยนรบดี ดุษฎีบัณฑิตทางเศรษฐศาสตร์องค์แรกของไทย. http://myweb.shinbroadband.com/news.php?newsbook=art&idnews=211
- ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เพ็ชร์ล้านนา. (ครั้งที่ ๒) เชียงใหม่ :ผู้จัดการ ศูนย์ภาคเหนือ, ๒๕๓๘.
- เบญวรรณ ทองศิริ. พระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี ใน เจ้าหลวงเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, ๒๕๓๙.
- สลุงเงิน. ๙๐ ปี กับการจากไปของเจ้าชายที่ถูกลืม. [[1]]
- คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์, นาวาอากาศเอก. เจ้านายฝ่ายเหนือ. http://www.globalgroup.in.th/encyclopedia_lanna.html.