โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สไมธ์ เบเดน-โพเอลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden - Powell)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ผู้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ประมุขคณะลูกเสือโลก
ถ้าท่านต้องการเข้าใจเรื่องลูกเสือโดยตลอด ท่านจำเป็นต้องรู้เรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับคนที่ได้ให้กำเนิดกระบวนการลูกเสือ ซึ่งเป็นคนของเด็กโดยแท้จริงผู้หนึ่งซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ ท่านผู้นี้คือ ลอร์ด เบเดน-โพเอลล์ แห่งกิลเวลล์ ประมุขคณะลูกเสือโลก ซึ่งบรรดาลูกเสือพากันเรียกชื่อท่านด้วยความรักว่า "B.-P."
โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สไมธ์ เบเดน-โพเอลล์ (Robert Stephenson Smyth Baden - Powell) เกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1857 ตรงกับวันที่พวกอเมริกันฉลองวันเกิดของยอร์ช วอชิงตัน อายุครบรอบร้อยปี บิดาของท่านชื่อ Reverend H.G. Beden-Powell เป็นศาสตราจารย์ที่ออกซ์ฟอร์ด มารดาของท่านเป็นธิดาของพลเรือเอกดับ ที. สไมธ์ (W.T. Smyth) แห่งราชนาวีอังกฤษ ทวดของท่านคือ โจเซฟ บรูเออร์ สไมธ์ (Joseph Brewer Smyth) ได้อพยพไปอยู่อเมริกา ในนิวเจอร์ซี่แกต่ได้เดินทางกลับไปอังกฤษและเรือแตกในระหว่างที่เดินทางกลับถึงบ้าน ฉะนั้นเบเดน-โพเอลล์ จึงเป็นผู้สืบสันดานผู้ที่เป็นพระสายหนึ่ง และของผู้อพยพที่กล้าผจญภัยในโลกใหม่อีกสายหนึ่ง
บี.พี.เมื่อเป็นเด็ก
บิดาของ บี.พี.ถึงแก่กรรมเมื่อ บี.พี.มีอายุประมาณ 3 ปี ทิ้งมารดาของ บี.พี. ไว้พร้อมด้วยบุตร 7 คน ซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบสี่ปี มักจะมีเวลาเดือนร้อยบ่อยๆ สำหรับครอบครัวใหญ่นั้นแต่ความรักร่วมกันของมารดาที่มีต่อบุตร และของบุตรที่มีต่อมารดาได้ทำให้ครอบครัวนี้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ บี.พี.ได้ดำรงชีวิตกลางแจ้งอย่างสนุกสนานกับพี่น้องสี่คนของเขา โดยได้เดินทางไกลและไปพักแรมร่วมกันตามที่ต่างๆ ในประเทศอังกฤษหลายแห่ง ในปี ค.ศ. 1870 บี.พี. ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชาร์ตเตอร์เฮาส์ในกรุงลอนดอน โดยได้รับทุนเล่าเรียน ท่านไม่ใช่คนเก่งทางหนังสือมากนัก แต่ทานก็เป็นคนที่สนุกสนานที่สุดคนหนึ่ง เมื่อมีอะไรในสนามของโรงเรียน ท่านจะอยู่ในกลุ่มนั้นเสมอ และในไม่ช้าก็เป็นที่รู้จักกันว่าท่านเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีในชุดฟุตบอลของโรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์ ความสามารถของท่านในทางละครได้รับความนิยมจากเพื่อนนักเรียนเป็นอันมาก เมื่อได้รับคำเรียกร้องท่านก็สามารถเสนอการแสดงซึ่งทำให้คนทั้งโรงเรียนหัวเราะกันจนท้องคัดท้องแข็ง เล่ห์เหลี่ยมการซุ่มตามจับสัตว์ซึ่ง บี.พี.ได้ฝึกฝนทีในป่ารอบๆ โรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์กลายเป็นคุณประโยชน์แก่เขาที่ในอินเดีย และแอฟริกา ท่านชอบดนตรีด้วย และคุณสมบัติพิเศษของท่านในการเขียนภาพร่าง ทำให้ท่านสามารถเขียนภาพประกอบหนังสือของท่านเองในภายหลัง
บี.พี. ในอินเดีย
พออายุ 19 ปี บี.พี. ก็จบจากโรงเรียน และยอมรับโอกาสที่จะไปอินเดียทันทีโดยได้รับยศเป็นร้อยตรีในกองทหาร ซึ่งอยู่ในปีกขวาของแถวทหารม้าที่บรรยายไว้ในคำกลอนที่มีชื่อเสียง "Charge of the Light Brigade" ในสงครามไครเมีย นอกจากจะได้ปฏิบัติหน้าที่ทางทหารอย่างดีเด่นแล้ว ท่านได้รับยศร้อยเอก เมื่อายุ 26 ปี ท่านยังได้รับรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศอินเดียที่มีผู้อยากได้มากที่สุดคือ การแข่งขันแทงหมู "Pig sticking" ซึ่งเป็นการล่าหมูป่าบนหลังม้าโดยมีหอกสั้นเล่มเดียวเป็นอาวุธ ซึ่งอันตรายมากเพราะหมูป่าถูกให้คำนิยามว่าเป็น "สัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่กล้ากินน้ำแห่งเดียวกับเสือ"
กำเนิดของการลูกเสือ
บี.พี.ได้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ไปอังกฤษ ใน ค.ศ.1901 ในฐานะวีระบุรุษของทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ท่านได้รับเกียรติมากมายหลายประการ และได้ค้นพบด้วยความแปลกประหลาดใจว่า ความมีชื่อเสียงส่วนตัวของท่านได้ทำให้หนังสือของท่านที่แต่งไว้สำหรับการทหารชื่อ Aids to Scouting ได้พลอยมีชื่อเสียงไปด้วย มีผู้เอาหนังสือนั้นไปใช้เป็นแบบเรียนในโรงเรียนชายต่างๆ บี.พี.มองเห็นการท้าทายที่สำคัญในเรื่องนี้ ท่านหลับตามองเห็นโอกาสของท่านที่จะช่วยเด็กชายอังกฤษให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ถ้าหนังสือสำหรับผู้ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิบัติในการสอดแนมเป็นที่ถูกใจเด็ก และเร้าใจเด็กก็เป็นของแน่ว่าหนังสือที่เขียนขึ้นสำหรับเด็กเอง ก็คงจะก่อให้เกิดผลที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ท่านเริ่มทำงานโดยคิดดัดแปลงจากประสบการณ์ของท่านในอินเดีย และในแอฟริกาเมื่อท่านอยู่กับพวกซูลูและคนพื้นเมืองเผ่าอื่น ท่านจัดทำห้องสมุดพิเศษขึ้น และอ่านหนังสือเกี่ยวกับการฝึกอบรมเด็กทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่เด็กสปาตานคนอังกฤษในสมัยโบราณ พวกอินเดียนแดง จนถึงสมัยเรา บี.พี.ได้พัฒนาความคิดเห็นในเรื่องการลูกเสืออย่างช้าๆ และด้วยความระมัดระวัง ท่านต้องการทำให้แน่ใจว่า ความคิดเห็นของท่านอาจนำมาใช้ได้ ในทางปฏิบัติ ดังนั้นในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1970 ท่านจึงรวบรวมเด็กยี่สิบคนให้ไปอยู่กับท่านที่เกาะบราวน์ซี (Brownsea) ในช่องแคบอังกฤษ ซึ่งนับว่าเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือครั้งแรกซึ่งโลกได้เคยเห็นการอยู่ค่ายครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ชีวิตที่สองของ บี.พี.
กระบวนการลูกเสือได้เติบโตขึ้นโดยลำดับ และในปี ค.ศ.1910 ได้เจริญขึ้นถึงขนาดที่ทำให้ บี.พี. หลับตาเห็นว่าการลูกเสือจะเป็นงานสำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ท่านได้มองเห็นด้วยสายตาอันไกลและมีความเชื่อมั่นว่า ท่านสามารถทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองของท่านได้มากกว่า โดยการฝึกอบรมเด็กรุ่นหลังให้เป็นพลเมืองดี แทนที่จะไปเสียเวลาฝึกผู้ใหญ่สองสามคน สำหรับการรบพุ่งซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว บี.พี.จึงได้ลาออกจากกอลทัพบก ซึ่งท่านมียศเป็นพลโทและได้ย่างเข้าสู่ชีวิตที่สองของท่าน ซึ่งท่านใช้คำว่า "Second Life" อันเป็นชีวิตของท่านที่ให้บริการแก่โลกโดยการลูกเสือ ท่านได้เก็บเกี่ยวรางวัลของท่านซึ่งได้แก่ความเจริญก้าวหน้าของกระบวนการลูกเสือ และการที่เด็กทั่วโลกได้รักและนับถือท่าน
ความเป็นพี่น้องทั่วโลก ( World Brotherhood )
ในปี ค.ศ.1912 บี.พี.ได้เดินทางรอบโลกเพื่อไปพบกับลูกเสือในประเทศต่างๆ เรื่องนี้เป็นจุดตั้งต้นของการลูกเสือที่จะเสริมสร้างความเป็นพี่น้องทั่วโลก สงครามโลกครั้งแรกได้ทำให้งานนี้หยุดชะงักลงชั่วขณะหนึ่ง แต่พอการรบพุ่งยุติลง งานนี้ก็เริ่มต้นใหม่ และในปีค.ศ. 1920 ลูกเสือจากทุกประเทศทั่วโลกก็ได้มาพบกันในกรุงลอนดอน เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมลูกเสือระหว่างประเทศครั้งแรก กล่าวคือ เป็นการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งแรก First World Jamboree ในคืนสุดท้ายของการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 สิงหาคม บรรดาลูกเสือที่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุมได้โห่ร้อง ประกาศให้ บี.พี.ดำรงตำแหน่ง Chief Scout of th World ประมุขของคณะลูกเสือแห่งโลก กระบวนการลูกเสือมีความเจริญก้าวหน้าสืบต่อไป ในวันที่การลูกเสือมีอายุครบยี่สิบเอ็ดปี ซึ่งเป็นการบรรลุ "นิติภาวะ" ตามกฎหมายของอังกฤษปรากฏว่าบรรดาอารยประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้จัดให้มีกองลูกเสือและจำนวนลูกเสือก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองล้านคนเศษ ในโอกาสนั้นพระเจ้ายอร์ชที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ บี.พี.เป็นบารอนและมีชื่อว่า Lord Baden Powell of Gilwell กระนั้นก็ดี สำหรับลูกเสือทุกคนท่านจะยังคงเป็น "บี.พี.ประมุขของคณะลูกเสือแห่งโลก"
บั่นปลายชีวิต
ในที่สุดภายหลังที่มีอายุครบแปดสิบปี กำลังของ บี.พี. ก็เริ่มจะทรุดลง ท่านได้กลับไปอยู่แอฟริกาที่ท่านรัก พร้อมด้วยภริยาของท่านคือ เลดี้ เบเดน โพเอลล์ ผู้ซึ่งเป็นประมุขของคณะลูกเสือหญิงแห่งโลกอันเป็นกระบวนการหนึ่ง เบเดน โพเอลล์ก็ได้เป็นผู้จัดทั้งขึ้น บี.พี. กับภริยาได้พำนักอยู่ในคีเนีย ( Kenya) ในสถานที่อันสงบ มองเห็นป่าเป็นระยะยาวหลายไมล์ไปจนถึงยอดภูเขาซึ่งมีหิมะปกคลุม ณ ที่นั้น บี.พี. ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1941 และอีกเดือนเศษก็จะมีอายุครบ 84 ปีบริบูรณ์