รังสีอัลตราไวโอเลต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสีเหนือม่วง หรือรังสียูวี เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดี โดยเฉพาะโทษของรังสีชนิดนี้ที่ทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือผิวดำคล้ำ ทว่ารังสีนี้ก็มีคุณพอ ๆ กับโทษ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปในบทความ

รังสีอัลตราไวโอเลต แบ่งเป็นสามชนิดย่อย ได้แก่
- UVA มีความยาวคลื่น 400–315 นาโนเมตร
- UVB มีความยาวคลื่น 315–280 นาโนเมตร
- UVC มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 280 นาโนเมตร
ยิ่งความยาวคลื่นของรังสีสั้น ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้น และก็มีประโยชน์มากขึ้นเช่นเดียวกัน (ในการฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวี)
สารบัญ |
[แก้] ชื่อ
รังสีอัลตราไวโอเลต มาจากคำว่า อัลตรา (ultra) แปลว่า อยู่เหนือ กับคำว่า ไวโอเลต (violet) แปลว่าสีม่วง เมื่อนำมาประสมกันก็จะได้ อัลตราไวโอเลต หรือ เหนือม่วง นั่นคือ รังสีชนิดนี้มีความยาวคลื่นสั้นกว่าสีม่วง
[แก้] การค้นพบ
หลังจากที่รังสีอินฟราเรดถูกค้นพบ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ โยฮันน์ วิลเฮล์ม ริตเตอร์ (Johann Wilhelm Ritter) ได้ทดลองค้นหารังสีที่อยู่ตรงข้ามกับรังสีอินฟราเรด นั่นคือ รังสีอินฟราเรดมีความยาวคลื่นน้อยกว่าแสงสีแดง แต่ริตเตอร์ต้องการจะหารังสีชนิดหนึ่งที่มีความยาวคลื่นมากกว่าสีม่วง เขาได้ใช้กระดาษอาบซิลเวอร์คลอไรด์วางไว้กลางแดด พบว่ากระดาษนั้นเปลี่ยนเป็นสีดำ ริตเตอร์เรียกรังสีนี้ว่า deoxidizing rays ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นยูวีดังเช่นในปัจจุบัน
[แก้] โทษ
การรับรังสีอัลตราไวโอเลตมากเกินควร ก่อให้เกิดอันตรายกับระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ รังสีอัลตราไวโอเลตในช่วง UVC มีพลังงานสูงที่สุด และที่สำคัญคืออันตรายที่สุด แต่พบได้น้อยเพราะบรรยากาศกรองเอาไปหมดแล้ว ทว่าเครื่องมือฆ่าเชื้อในน้ำดื่มอาจปล่อยรังสีช่วงนี้ออกมาก็ได้
รังสีอัลตราไวโอเลตทั้งสามชนิดคือ UVA, UVB และ UVC สามารถทำให้คอลลาเจนในผิวหนังเสื่อมสภาพได้ ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย แต่ UVA มีความรุนแรงน้อยที่สุด เพราะไม่สามารถก่อให้เกิดอาการแดดเผา (sunburn) ทว่ายังน่ากลัวอยู่ที่สามารถแปลงสภาพ DNA ได้ จนอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง แต่ร่างกายก็สามารถป้องกันได้ โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมา เพื่อป้องกันการทะลวงของยูวี จึงทำให้ผิวคล้ำดำมากขึ้น
นอกจากผิวหนังแล้ว ยูวียังเป็นอันตรายต่อดวงตา โดยเฉพาะ UVB ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า arc eye คือรู้สึกเหมือนมีทรายเข้าตา หรือถ้ารุนแรงกว่านั้นอาจทำให้เป็นโรคต้อกระจก (cataract) ได้ โดยเฉพาะในหมู่ช่างเชื่อมโลหะ การป้องกันก็คือ สวมใส่แว่นป้องกัน
[แก้] คุณ
ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลตนั้นมีมาก ดังจะได้กล่าวคร่าว ๆ ต่อไปนี้
[แก้] แบล็กไลต์
แบล็กไลต์ (black light) เป็นหลอดที่เปล่งรังสียูวีคลื่นยาว มีสีม่วงดำ ใช้ตรวจเอกสารสำคัญ เช่น ธนบัตร, หนังสือเดินทาง, บัตรเครดิต ฯลฯ ว่าเป็นของจริงหรือปลอม หลายประเทศได้ผลิตลายน้ำที่สามารถมองเห็นได้ในรังสีชนิดนี้ นอกจากนี้ แบล็กไลต์ยังสามารถใช้ล่อแมลงให้มาติดกับ เพื่อที่จะกำจัดภายหลังได้
[แก้] หลอดฟลูออเรสเซนต์
หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดเรืองแสง ใช้หลักการผลิตรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการทำให้ไอปรอทแตกตัว รังสีที่ได้จะไปกระทบสารเรืองแสงให้เปล่งแสงออกมา
[แก้] ดาราศาสตร์
ในทางดาราศาสตร์ โดยปกติแล้ววัตถุที่ร้อนมากจะเปล่งยูวีออกมา เราจึงสามารถศึกษาวัตถุท้องฟ้าได้โดยผ่านทางยูวี ทว่าต้องไปปฏิบัติในอวกาศ เพราะยูวีส่วนมากถูกโอโซนดูดซับไว้หมด
[แก้] การวิเคราะห์แร่
รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถใช้ตรวจวิเคราะห์แร่ได้ แม้ว่าจะดูเหมือนกันภายใต้แสงที่มองเห็น แต่เมื่อผ่านยูวีแล้วก็จะเห็นความแตกต่างได้
[แก้] การฆ่าเชื้อโรค
รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ โดยเฉพาะในน้ำดื่ม แต่ยังสามารถนำไปฆ่าเชื้อในเครื่องมือ หรืออาหารได้ด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์จากรังสียูวี ทว่ายังมีรายละเอียดมากกว่านี้ซึ่งหาอ่านได้จากลิงก์ทางซ้ายมือ
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
![]() |
รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นบทความเกี่ยวกับ ฟิสิกส์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |