งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ (แล้วแต่ว่าปีนั้นสถาบันไหนเป็นเจ้าภาพ โดยจะเรียกชื่อเจ้าภาพนำก่อน ซึ่งทั้งสองสถาบันจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ ฝ่ายละปี) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมฟุตบอลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนมกราคม ความสนุกของงานรวมไปถึงการเข้าเชียร์และการแปรอักษรจากกองเชียร์ของทีมของทั้งสองฝ่าย โดยนำโดยเชียร์ลีดเดอร์ซึ่งมีการจัดเลือกทุกทุกปี มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และเก็บค่าผ่านประตู ทั้งนี้ รายได้ทั้งหมดจากการจัดงานจะมอบเป็นการกุศล
งานฟุตบอลประเพณีนี้จะแตกต่างจากกีฬามหาวิทยาลัยโดยทั่วไปคือ นักกีฬาของทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นจะต้องเป็นนิสิตนักศึกษาปัจจุบัน จากทางมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยมักจะให้นิสิตนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เป็นนักฟุตบอล ทีมชาติของประเทศไทยมาแข่งขันกัน โดยภาพรวมของตัวงาน อาจจะแบ่งกิจกรรมภายในงานได้เป็น 2 ส่วนคือการแข่งขันฟุตบอลและกิจกรรมของนิสิตนักศึกษา เช่น การเดินพาเหรด การเชียร์และการแปรอักษร
จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของงานนี้ก็คือ การล้อการเมืองโดยนิสิตนักศึกษา โดยก่อนการแข่งขันจะมีขบวนพาเหรดล้อการเมือง ประกอบด้วยหุ่นและป้ายข้อความล้อการเมืองต่าง ๆ และในการแปรอักษรก็จะมีการสอดแทรกเสียดสีการเมืองเป็นระยะ
ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน (2549) ธรรมศาสตร์ชนะ 21 ครั้ง จุฬาฯ ชนะ 13 ครั้ง เสมอ 28 ครั้ง
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
งานฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นงานเพื่อสานสามัคคีที่ควรค่าแก่การจดจำสำหรับนิสิตนักศึกษาทั้ง 2 สถาบัน
งานฟุตบอลประเพณีได้ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 จากบัดนั้นถึงบัดนี้เป็นเวลาล่วงเลยมากว่า 70 ปีแล้ว
ย้อนอดีตไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว กลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งต้องการให้ 2 มหาวิทยาลัยซึ่งใหญ่ที่สุดในขณะนั้นในประเทศไทย รักใคร่ เข้าใจกัน กลมเกลียวกัน จึงหารือกัน ระหว่างนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่ไปเรียนทางจุฬาฯ และ ทางธรรมศาสตร์ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีการมองกันว่า จุฬาฯเป็นนักเรียนที่จบ 8 แต่ธรรมศาสตร์ไม่จบ 8 จึงมีการมองว่าดูถูกกัน จึงอยากจะให้เข้าใจรักใคร่กัน รวมถึงมีความรู้สึกกันว่า ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเดิมเหมือน และเป็นคนละพวกกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบัน ได้จัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน ด้วยการแข่งขันกีฬาฟุตบอล
การจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอลนั้นมีที่มาจากกลุ่มผู้ริเริ่มได้เล็งเห็นถึงความสามัคคีของ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แห่งสหราชอาณาจักร ที่จัดการแข่งขันเรือประเพณีสืบต่อกันมาทุกปี แต่ทางกลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ครั้งเมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น
ผู้ริเริ่มทางฝ่ายจุฬาฯ คือ นายประถม ชาญสันต์ (หัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์) นายประสงค์ ชัยพรรค และนายประยุทธ์ สวัสดิ์สิงห์ ซึ่งในขณะนั้น ม.ร.ว.สุมนชาติ สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ได้ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมี ม.ร.ว.สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี ส่วนผู้ริเริ่มทางฝ่ายธรรมศาสตร์คือ นายต่อศักดิ์ ยมนาค และนายบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอ ดร.เดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อขออนุมัติจาก ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเมื่อได้รับฉันทานุมัติจากทั้ง 2 สถาบันเรียบร้อยแล้ว งานฟุตบอลประเพณีก็ได้เริ่มต้นขึ้นโดยฝ่ายธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2477 ในการจัดการแข่งขันครั้งแรกนั้นได้มีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายได้ทั้งหมดมอบให้กับสมาคมปราบวัณโรค ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปีว่ารายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วจะมอบให้กับการกุศลทุกครั้ง เช่น บำรุงการทหาร สมทบทุนสร้างเรือนพักคนไข้วัณโรค ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย บำรุงสภากาชาดไทย บำรุงมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก สมทบทุนอานันทมหิดล สร้างโรงเรียนชาวเขา ฯลฯ จนกระทั่งในปี 2521 จึงได้นำรายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
ด้านสถานที่จัดการแข่งขันนั้น ในครั้งแรกได้จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง ต่อมาในครั้งที่ 2 - 4 ได้ย้ายมาจัดที่สนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และครั้งที่ 5 ก็ได้ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันอีกครั้ง มาจัดที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ จนถึงปัจจุบัน
เหตุที่การจัดงานฟุตบอลครั้งนี้เป็นครั้งที่ 61 แทนที่จะเป็นครั้งที่ 70 เป็นเพราะในบางปีได้เกิดความวุ่นวายขึ้นจนไม่สามารถจัดงานได้ เช่น ปีพ.ศ. 2485 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ ปีพ.ศ. 2487 - 2491 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ปีพ.ศ. 2494 เกิดกบฎแมนฮัตตัน ส่วนในปีพ.ศ. 2516 - 2518 องค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์เห็นว่างานฟุตบอลประเพณีฯ เป็นงานที่ฟุ่มเฟือย เหตุการณ์ต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้เองเป็นสาเหตุให้จำต้องงดงานฟุตบอลประเพณีฯ ไป
อนึ่ง นับตั้งแต่การแข่งขันครั้งที่ 10 คือในวันที่ 30 ธันวาคม 2492 หลังจากเหตุการณ์สงครามมหาเอเชียบูรพาเป็นต้นมา เสียงเพลงพระราชทาน “มหาจุฬาลงกรณ์” และ “ยูงทอง” ได้ดังก้องขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัล ปีนั้นจึงเป็นปีแรกที่ได้เกิดการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน และตั้งแต่ปีพ.ศ. 2495 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เองมาโดยตลอด แม้ในปัจจุบันที่ทรงมิได้เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระองค์เองแล้ว ก็โปรดให้ผู้แทนพระองค์เสด็จแทนพระองค์มาเป็นองค์ประธานมิเคยขาด นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งของนิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบัน ในอันที่จะรักษาประเพณีอันดีงาม เพื่อเชื่อมความสามัคคีให้แน่นแฟ้นสืบไป
[แก้] ผลการแข่งขัน
ครั้งที่ | วันที่ | ผลการแข่งขัน | จำนวนประตู |
1 | 4 ธันวาคม 2477 | เสมอ | 1-1 |
2 | พ.ศ. 2478 | เสมอ | 3-3 |
3 | พ.ศ. 2479 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 4-1 |
4 | พ.ศ. 2480 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-1 |
5 | พ.ศ. 2481 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-1 |
6 | พ.ศ. 2482 | เสมอ | 0-0 |
7 | พ.ศ. 2483 | เสมอ | 2-2 |
8 | พ.ศ. 2484 | จุฬาฯ ชนะ | 2-0 |
9 | พ.ศ. 2486 | จุฬาฯ ชนะ | 3-1 |
10 | 30 ธันวาคม 2492 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 3-2 |
11 | 30 ธันวาคม 2493 | จุฬาฯ ชนะ | 5-3 |
12 | 27 ธันวาคม 2495 | เสมอ | 0-0 |
13 | 19 ธันวาคม 2496 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 3-1 |
14 | 25 ธันวาคม 2497 | จุฬาฯ ชนะ | 1-0 |
15 | 24 ธันวาคม 2498 | เสมอ | 2-2 |
16 | 25 ธันวาคม 2499 | เสมอ | - |
17 | 21 ธันวาคม 2500 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 3-1 |
18 | 20 ธันวาคม 2501 | จุฬาฯ ชนะ | 3-2 |
19 | 26 ธันวาคม 2502 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-1 |
20 | 27 ธันวาคม 2503 | เสมอ | 1-1 |
21 | 23 ธันวาคม 2504 | เสมอ | 1-1 |
22 | 22 ธันวาคม 2505 | เสมอ | 0-0 |
23 | 8 มกราคม 2507 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 3-1 |
24 | 26 ธันวาคม 2507 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 3-0 |
25 | 25 ธันวาคม 2508 | ธรรมสาสตร์ชนะ | 2-1 |
26 | 24 ธันวาคม 2509 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-0 |
27 | 30 ธันวาคม 2510 | เสมอ | 1-1 |
28 | 21 ธันวาคม 2511 | จุฬาฯ ชนะ | 2-0 |
29 | 27 ธันวาคม 2512 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 1-0 |
30 | 30 มกราคม 2514 | เสมอกัน | 0-0 |
31 | 29 มกราคม 2515 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 4-0 |
32 | 23 ธันวาคม 2515 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-1 |
33 | 31 มกราคม 2519 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-0 |
34 | 21 มกราคม 2521 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 1-0 |
35 | 20 ธันวาคม 2522 | จุฬาฯ ชนะ | 2-0 |
36 | 20 มกราคม 2523 | เสมอ | 0-0 |
37 | 31 มกราคม 2524 | เสมอ | 1-1 |
38 | 27 มกราคม 2525 | เสมอ | 2-2 |
39 | 29 มกราคม 2526 | เสมอกัน | 1-1 |
40 | 21 มกราคม 2527 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 1-0 |
41 | 27 มกราคม 2528 | เสมอ | 1-1 |
42 | 26 มกราคม 2529 | เสมอ | 1-1 |
43 | 25 มกราคม 2530 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 1-0 |
44 | 30 มกราคม 2531 | จุฬาฯ ชนะ | 2-1 |
45 | 21 มกราคม 2532 | จุฬาฯ ชนะ | 2-1 |
46 | 20 มกราคม 2533 | เสมอ | 1-1 |
47 | 19 มกราคม 2534 | เสมอ | 0-0 |
48 | 18 มกราคม 2535 | เสมอ | 1-1 |
49 | 23 มกราคม 2536 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 2-1 |
50 | 22 มกราคม 2537 | เสมอ | 2-2 |
51 | 21 มกราคม 2538 | จุฬาฯ ชนะ | 2-1 |
52 | 20 มกราคม 2539 | ธรรมศาสตร์ชนะ | 1-0 |
53 | 18 มกราคม 2540 | เสมอ | 1-1 |
54 | 7 กุมภาพันธ์ 2541 | เสมอ | 0-0 |
55 | 23 มกราคม 2542 | จุฬาฯ ชนะ | 2-1 |
56 | 15 มกราคม 2543 | เสมอ | 0-0 |
57 | 20 มกราคม 2544 | จุฬาฯ ชนะ | 2-0 |
58 | 19 มกราคม 22545 | เสมอ | 2-2 |
59 | 25 มกราคม 2546 | เสมอ | 0-0 |
60 | 24 มกราคม 2547 | เสมอ | 0-0 |
61 | 22 มกราคม 2548 | ธรรมศาสตร์ ชนะ | 1 – 0 |
62 | 21 มกราคม 2549 | จุฬาฯ ชนะ | 2-0 |
63 |
[แก้] ดูเพิ่ม
- จตุรมิตรสามัคคี การแข่งขันฟุตบอลและแปรอักษรประเพณีระหว่าง 4 โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ของประเทศไทย
- กีฬา 5 พระเกี้ยว การแข่งขันฟุตบอลของโรงเรียนที่ใช้สัญลักษณ์พระเกี้ยว