พระธรรมปิฎก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 มีการแนะนำว่า บทความนี้น่าจะรวมเข้ากับ พระพรหมคุณาภรณ์ (อภิปราย)
พระธรรมปิฎก
พระธรรมปิฎก

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ตลาดศรีประจันต์ ตำบลศรีประจันต์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี นามเดิมว่า ประยุทธ์ อารยางกูร เป็นบุตรคนที่ ๖ จากบุตรเก้าคน ของนายสำราญ และนางชุนกี อารยางกูร ทางครอบครัวประกอบกิจการค้าขายและโรงสีไฟ

สารบัญ

[แก้] การศึกษา

เรียน เข้าเรียนอนุบาลในโรงเรียนอนุบาลที่ตลาดศรีประจันต์ เมื่อจบจากระดับประถมที่โรงเรียนประชาบาลชัยศรีประชาราษฎร์ บิดาก็พาเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนวัดปทุมคงคา โดยพักอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ เด็กชายประยุทธ์เป็นเด็กเรียนเก่ง จึงได้รับทุนเรียนดีจากกระทรวงศึกษาธิการจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น และมีความใส่ใจในการเรียนมาก ช่วงเวลาปิดเทอมกลับมาอยู่ที่บ้าน ก็สามารถสอนภาษาอังกฤษแก่น้อง ๆ ได้

[แก้] การบรรพชา

เนื่องจากเป็นเด็กสุขภาพไม่ใคร่ดี หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ก็บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านกร่าง ตำบลศรีประจันต์ เล่าเรียนทางปริยัติธรรม จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาจำพรรษาที่ วัดพระพิเรนทร์ สอบได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม ๙ ประโยค ขณะยังเป็นสามเณร จึงได้รับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ รับเป็น นาคหลวง โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาจนกระทั่งได้รับปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ ๑ จาก มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

[แก้] งาน

หลังจากสอบชุดวิชาครู พ.ม. ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และดำรงตำแหน่งติดต่อกันมาถึง ๑๐ ปี มีบทบาททางด้านการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยพยายามเชื่อมโยงความรู้ทางธรรมให้เข้ากับปัญหาสังคมร่วมสมัย ในทางด้านการบริหารเคยดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๖ และลาออกจากตำแหน่งบริหารหลังจากนั้นในสามปีต่อมา โดยทุ่มเทเวลาและกำลังกายให้กับงานด้านวิชาการ มีผลงานเป็นหนังสือและบทความจำนวนมาก ทั้งร่วมเสวนาและสัมมนาทางวิชาการ กับนักวิชาการและปัญญาชนร่วมสมัยอย่างสม่ำเสมอ หนังสือพุทธธรรม ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรน้ำเอกของวงการพุทธศาสนา ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๑๐ กว่าแห่ง และได้รับรางวัล "การศึกษาเพื่อสันติภาพ" จากยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งท่านได้มอบเงินรางวัลทั้งหมดให้แก่กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งกองทุนการศึกษาพระธรรมปิฎกเพื่อสันติภาพ และตีพิมพ์ผลงานหนังสือออกมาอย่างแพร่หลาย พระ ป.อ. ปยุตโต ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นตามลำดับ เป็นพระเทพเวที และพระธรรมปิฎก ซึ่งเป็นนามที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดญานเวศกวัน ตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และดูแลสำนักสงฆ์สายใจธรรม บนเทือกเขาสำโรงดงยาง ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา

[แก้] สมณศักดิ์

  • พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ "พระศรีวิสุทธิโมลี"
  • พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นราช

ที่ "พระราชวรมุนี"

  • พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ

ที่ "พระเทพเวที"

  • พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ "พระธรรมปิฎก อดุลญาณนายก ปาพจนดิลกนิวิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"
  • ในมหาวโรกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยบัฏ ที่ "พระพรหมคุณาภรณ์ สุนทรธรรมสาธก ตรีปิฎกปริยัติโกศล วิมลศีลาจาร ศาสนภารธุราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี"

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] ลิงก์ภายนอก