ราชวงศ์ฮั่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการ ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบหรือภาษา ในหลายส่วนด้วยกัน
คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย และเมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้

ราชวงศ์ฮั่น (พ.ศ. ๓๓๗-๗๖๓)

หลิวปัง ได้ตั้งราชวงศ์ฮั่นขึ้น แล้วยกเลิกกบิลเมืองอันโหดเหี้ยม ของฉินซีฮ่องเต้ทั้งหมด โดยสัญญากับราษฎรไว้ดังนี้ ใครฆ่าคนตายต้องถูกประหาร ใครลักขโมย หรือปล้นสดมภ์ต้องถูกลงโทษ ในต้นราชวงศ์ฮั่นนั้น บ้านเมืองยากจนมาก เนื่องจากเพิ่งผ่านสงครามมา หลิวปังจึงปล่อยให้ราษฎรทำมาหากิน โดยเก็บภาษีเพียง ๑/๓๐ ของที่เก็บเกี่ยวได้ เพื่อฟื้นฟูบ้านเมือง หลังหลิวปังครองราชย์ไม่นาน ด้วยความระแวง ก็ได้ถอดผู้ช่วยมือดีทั้ง ๓ ออกจากตำแหน่ง พอตอนปลายยุคหลิวปัง หลี่ฮองเฮาได้กุมอำนาจ หลังจากหลิวปังสวรรคต หลี่ฮองเฮาก็ใช้อำนาจกำจัดคนที่ขัดกับนางเสีย แถมยังทำให้หลิวอิง หรือฮั่นฮุ่ยตี้ฮ่องเต้สติแตกไป ทำให้นางมีอำนาจโดยสมบูรณ์ พอนางสวรรคต บรรดาเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ฮั่น ก็จัดการล้างโคตรเสียเลย แล้วยกหลิวเหิง โอรสอีกองค์ของหลิวปังขึ้นครองราชย์เป็น ฮั่นเหวินตี้ ฮ่องเต้องค์นี้ปกครองได้ดี ห่วงใยราษฎรและสมถะ พระเจ้าฮั่นจิงตี้ ฮ่องเต้องค์ถัดมาก็เช่นกัน สมัยของสองพระองค์นี้ บ้านเมืองฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ แต่พอถัดมา ในสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ (หลิวเช่อ) ฮ่องเต้องค์ที่ ๕ ได้มีการบุกเบิก ทางสายไหม (Silk Route) ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ตะวันตกของจีน ในการค้าขายต่างๆ แต่ก็ได้นำพาประเทศเข้าสู่สงคราม และความงมงายต่างๆ การท่องเที่ยวอย่างสิ้นเปลือง ผลาญเงินที่สะสมไว้จากสองรัชสมัยก่อนจนหมด จนเกิดกบฏชาวนา จึงได้สำนึกและขอโทษประชาชน ต่อมา ในยุคพระเจ้าฮั่นหยวนตี้ มีนางงามผู้กู้ชาติอีกคน คือ หวังเจาจวิน ผู้ถูกส่งไปอภิเษก กับกษัตริย์เผ่าซงหนู เพื่อกระชับไมตรี ทำให้เว้นว่างจากสงครามไปหลายสิบปี พุทธศาสนาก็เข้าสู่จีน ในราชวงศ์ฮั่นนี่เอง พระเจ้าหมิงตี้ ก็ได้ส่งคาราวานไปอัญเชิญพระคัมภีร์ต่างๆ มาประดิษฐาน และพระองค์ยังเป็นพุทธมามกะด้วย ราชวงศ์นี้ มีความเจริญมากในสาขาต่างๆ มีการทำกระดาษ พิมพ์หนังสือได้แล้ว


ในช่วงกลางราชวงศ์ จากความเละเทะในราชสำนัก หวางหม่างได้ชิงราชบัลลังก์ ตั้งราชวงศ์ซินขึ้นมา แต่ครองบัลลังก์ได้เพียงสิบกว่าปี หลิวซิ่ว เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ฮั่น ได้ทำสงครามยึดอำนาจคืน ตั้งราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาใหม่ แล้วย้ายเมืองหลวงไปลั่วหยาง ได้นามว่า พระเจ้าฮั่นกวงอู่ตี้ สมัยนี้เรียกว่า ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ตงฮั่น) ในยุคนี้ ได้มีการบุกเบิกลัทธิจริยธรรม มีการคัดเลือกผู้มีจริยธรรม ให้ทางส่วนกลางพิจารณาหาตำแหน่งให้ ฮั่นกวงอู่ตี้ (หลิวซิ่ว)


ในปลายราชวงศ์ฮั่น ฮ่องเต้อ่อนแอมาก เนื่องจากมีการแต่งงานกันในหมู่เครือญาติ ทำให้ฮ่องเต้หลายๆ องค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังเล็ก มิหนำซ้ำ ขันทีมีอิทธิพลสูงมากในราชสำนัก เนื่องจากใกล้ชิดฮ่องเต้มาก เป็นเหตุให้เกิดระส่ำระสายในราชวงศ์ สมัยพระเจ้าฮั่นเลนเต้ มีโจรโพกผ้าเหลืองอาละวาด หลิวเป้ย (เล่าปี่) เชื้อพระวงศ์, เตียวหุย และกวนอู สามพี่น้องร่วมสาบาน ได้ปราบปรามโจรจนราบคาบ หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าฮั่นเลนเต้สิ้นพระชนม์ ขันทีได้เหิมเกริมหนักขึ้น โฮจิ๋น พี่ชายของฮองเฮา ได้ให้ทหารเข้ามาฆ่าขันทีในวัง แต่ไม่หมด จึงถูกขันทีซ้อนแผน ปลอมราชโองการของฮองเฮา เรียกโฮจิ๋นเข้าวัง แล้วดักฆ่าเสีย โจโฉ ได้ยกทหารเข้าฆ่าขันทีจนสิ้นซาก แต่ว่า ต่อมา ตั๋งโต๊ะ แม่ทัพอีกคนหนึ่ง ได้เข้ามาในวัง แล้วบีบไม่ให้รัชทายาทได้ครองราชย์ ให้องค์ชายรองครองราชย์แทน พระนามว่า พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์ฮั่น ส่วนตั๋งโต๊ะตั้งตัวเป็นพระมหาอุปราช กุมอำนาจในมือ แถมต่อมายังลอบสังหารรัชทายาท และพระมารดาอีก ทำให้คนอื่นไม่พอใจมาก ต่อมา ลิโป้ ลูกบุญธรรมของตั๋งโต๊ะได้ฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย (ตอนนี้ในเรื่องสามก๊กว่า เป็นเพราะมารยาหญิงชื่อเตียวเสี้ยน แต่จริงๆ เป็นอย่างไรไม่รู้ เพราะเตียวเสี้ยนไม่มีตัวตนอยู่จริง) ลูกน้องของตั๋งโต๊ะที่เหลืออยู่ ได้คุกคามพระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ ต่อมา โจโฉได้มาช่วยปราบ และสวมรอยเป็นพระมหาอุปราชตามตั๋งโต๊ะไปอีกคน ทำให้คนอื่นไม่พอใจมาก เกิดการแตกแยกก๊กต่างๆ มากมาย แล้วเหลืออยู่ ๓ ก๊ก คือแคว้นสู่ของหลิวเป้ย เว่ยของโจโฉ และอู๋ของซุนกวน ดังในพงศาวดารสามก๊ก แล้วก็รบพุ่งกันอยู่นาน หลังจากโจโฉตาย โจผีลูกโจโฉ ได้บีบให้พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ให้สละบัลลังก์ หลังจากเป็นฮ่องเต้หุ่นอยู่ราว ๓๐ ปี ราชวงศ์ฮั่นก็ถูกถอนอาณัติไปเพียงเท่านี้ แล้วตั้งเป็นราชวงศ์เว่ยขึ้นมา


การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป จนสุดท้าย หลังจากนั้นอีกเกือบห้าสิบปี แคว้นสู่ล่มสลายลงเป็นแคว้นแรก หลังจากนั้น สุมาเอี๋ยนได้ชิงบัลลังก์จากราชวงศ์เว่ย ตั้งเป็นราชวงศ์จิ้น แล้วทำสงครามปราบแคว้นอู๋ได้สำเร็จ การสู้รบอันยาวนานก็สิ้นสุดลง


ราชวงศ์จิ้นอยู่ได้ไม่นานนัก จากความอ่อนแอของกษัตริย์ ทำให้ประเทศจีนก็ถูกโจมตีจากภายนอก จนราชวงศ์จิ้นต้องย้ายเมืองหลวงไปทางใต้ เรียกว่า ราชวงศ์ตั้งจิ้น แผ่นดินจึงแตกแยกออกเป็นเหนือ-ใต้ ทางใต้มีราชวงศ์ต่างๆ ผลัดกันขึ้นมามากมาย คือ ราชวงศ์จิ้น, ซ่ง, ฉี, เหลียง, เฉิน ส่วนทางเหนือ เป็นแดนแห่งอนารยชน มีราชวงศ์ต่างๆ คือ เว่ยเหนือ, เว่ยตะวันออก, ฉีเหนือ, เว่ยตะวันตก, โจวเหนือหรือเป่ยโจว ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้นี้ มีบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง คือ พระโพธิธรรม (ตั๊กม้อ) ผู้เป็นอาจารย์องค์แรก ของพุทธศาสนานิกายเซ็น (ที่ไม่ใช่กินข้าวกับแม่ค้าแล้วเซ็น) ที่เน้นการถ่ายทอดสัจธรรมจากจิตสู่จิต ท่านเข้ามาในสมัยราชวงศ์เหลียง (ใต้) รัชกาลของพระเจ้าเหลียงบู้ตี้ ฮ่องเต้องค์นี้ศรัทธาในพุทธศาสนามาก แต่ถูกยอกย้อนเป็นปริศนาธรรมจากท่าน ทำให้ไม่พอใจมาก ท่านเห็นว่าคงจะคุยกันยาก จึงหยุดเสวนาด้วย (มีหนังสือประวัติฮ่องเต้องค์นี้ เขียนไว้ว่า ทรงสร้างความเจริญไว้มากมาย แต่ตอนท้ายสุด ได้ไปบำเพ็ญธรรมในป่าถ้ำ และชดใช้หนี้กรรมเก่า ที่เคยสร้างไว้ในชาติก่อนกับลิง ซึ่งได้มาเกิดเป็นแม่ทัพ ทำให้ต้องอดอาหารตายในถ้ำนั่นเอง แต่ก็ได้บรรลุธรรมในที่สุด *ผมไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะในหนังไม่ได้ว่าถึง ก็ฟังหูไว้หูนะครับ) ต่อมา ท่านได้ไปนั่งเข้าฌาณที่ถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือนานหลายปี โดยไม่แตะต้องอาหารหรือน้ำเลย (ไม่แน่ใจว่า ๗ หรือ ๙ ปี) จนมีศิษย์ผู้หนึ่งที่ศรัทธาแรงกล้ามาก มานั่งเฝ้าท่านหน้าถ้ำ (ในหนังจะเห็นว่า ยอมสละแขนเพื่อให้ท่านยอมสอนให้) ท่านเห็นใจในความตั้งใจ จึงถ่ายทอดสัจธรรมให้ และตำแหน่งของท่านด้วย


ความแตกแยกของจีนกว่าสี่ร้อยปีนี้ ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคมจีนพอสมควร เนื่องจากมีอารยธรรมของอนารยชนเข้ามาผสมด้วย ที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การให้อิสระและสิทธิกับผู้หญิงมากขึ้น จากเดิมที่เคยกดขี่แทบติดดิน (ดูได้จากกรณีของบูเช็กเทียน) ผู้ชายให้การยอมรับหญิงที่เคยมีสามีแล้ว (สามีตาย) จนนำมาเป็นภรรยาได้ (ถ้าเป็นแต่ก่อนน่ะเรอะ เมินซะเถอะอีนาย! แต่ช้าก่อน... ก่อนจะนำมาเป็นข้ออ้าง เพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเอง ในการเสียตัวก่อนแต่งงาน ขอให้สังเกตว่า ผู้ชายสมัยนั้นจะให้การยอมรับหญิงที่ "เป็นม่าย" ซึ่งหมายความว่าเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ไม่ใช่เสียตัวให้ผู้ชาย โดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกรณีเสียตัวก่อนแต่งงานแบบสมัยนี้นี่ ไม่รู้แฮะว่ารับกันได้ไหม อย่าลืมว่า คนสมัยก่อนเขารักนวลสงวนตัว ไม่ชิงสุกก่อนห่ามกันพร่ำเพรื่อเหมือนสมัยนี้) ในปลายราชวงศ์เป่ยโจว (เหนือ) หยางเจียน ซึ่งเป็นข้าราชการของราชวงศ์เป่ยโจว ได้อาศัยอิทธิพลของวงศ์ตระกูล ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย จากบรรดาเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ ซึ่งได้พยายามลอบสังหาร และใส่ไฟจะให้โดนประหารหลายครั้ง แต่สุดท้าย จากความช่วยเหลือของเหล่าขุนนาง ก็ได้ปฏิรูปการปกครองเสียใหม่ และในที่สุด ก็บีบให้ฮ่องเต้ราชวงศ์เป่ยโจวสละราชสมบัติ แล้วตั้งราชวงศ์สุยขึ้น จากนั้น ก็สามารถทำสงครามกับราชวงศ์เฉิน (ใต้) รวมแผ่นดินเหนือใต้ได้สำเร็จ ยุติความแตกแยกของจีนลง

ราชวงศ์จีน
ราชวงศ์เซี่ย - ราชวงศ์ซาง - ราชวงศ์โจว - ราชวงศ์ฉิน - ราชวงศ์ฮั่น - ราชวงศ์จิ้น

ราชวงศ์สุย - ราชวงศ์ถัง - ราชวงศ์ซ้อง - ราชวงศ์เหลียว - ราชวงศ์หยวน - ราชวงศ์หมิง - ราชวงศ์ชิง