กษัตริย์ฮัมมูราบี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

รูปสลักหินไดโอไรท์ที่เชื่อว่าเป็นกษัตริย์ฮัมมูราบี
รูปสลักหินไดโอไรท์ที่เชื่อว่าเป็นกษัตริย์ฮัมมูราบี

ฮัมมูราบี (Hammurabi – ประมาณ 1810-1750 ปีก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 1267-1207 ปีก่อนพุทธกาล) กษัตริย์ชาวอามอไรท์องค์ที่ 6 และทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งจักรวรรดิบาบิโลน รู้จักกันดีที่สุดในด้านกฎหมายแต่ในขณะเดียวกับความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้านการทหารที่ทำให้อาณาจักรบาบิโลนมีอำนาจมากที่สุดในแถบเมโสโปเตเมียโดยการเอาชนะพวกซูเมอร์ (Sumerian) และพวกแอคคาด (Akkad)

กษัตริย์ฮัมมูราบี ปกครองจักรวรรดิบาบิโลนตั้งแต่ปี 1792 ก่อน ค.ศ. ในช่วงแรกๆ แห่งการครองราชย์บ้านเมืองค่อนข้างมีความสงบสุข ทรงบดขยี้และขับไล่กองทัพผู้รุกรานได้แก่พวกอีลาไมท์ (Elamite) และกองทัพอื่นๆ ออกไปจากอาณาจักรได้อย่างเด็ดขาด และได้ผนวกอาณาจักรลาร์ซา (Larsa) ยามัตบาล (Yamutbal) ไว้ในอำนาจเป็นราชอาณาจักรเดียวโดยมีบาบิโลนเป็นศูนย์กลาง การเฟื่องฟูด้านอักษรศาสตร์ที่รุ่งเรืองตามความเจริญของอาณาจักรบาบิโลนทำให้กฎหมายต่างๆ ของกษัตริย์ได้รับการยอมรับไปตลอดชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน มีการค้นพบแผ่นจารึกดินเผา (tablet) ที่เป็นสัญญาจำนวนมากที่สอบอายุได้ว่าตรงกับสมัยของพระองค์และกษัตริย์ที่ครองราชย์ต่อมา รวมทั้งที่เป็นจดหมายที่มีการลงนาม หนึ่งในจำนวนนั้นมีหนังสือคำสั่งให้เคลื่อนทหารจำนวน 240 นายจากอัสซีเรีย (Assyria) และไซทัลลัม (Situllum) ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าพวกอัสซีเรียอยู่ใต้การปกครองของบาบิโลน


กษัตริย์ฮัมมูราบีแผ่อำนาจการปกครองของจักรวรรดิบาบิโลนครั้งแรกไปทางใต้ก่อนแล้วจึงขยายขอบเขตครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของเมโสโปเตเมีย ชัยชนะเด็ดขาดทางการทหารเกิดขึ้นค่อนข้างล่าช้าในรัชสมัยของพระองค์ และที่สำเร็จลงได้อาจเป็นเพราะการล่มสลายของอาณาจักรแชมชิ-อดัด (Shamshi-Adad Empire)


แผ่นจารึกประมวลกฎหมายฮัมมูราบี
แผ่นจารึกประมวลกฎหมายฮัมมูราบี

ชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของกษัตริย์ฮัมมูราบีได้แก่การประกาศใช้กฎหมายที่เรียกกันว่า “ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี” (Code of Hammurabi) ที่เขียนลงบนสเตลา (stela) และติดตั้งไว้ในที่สาธารณะให้คนทั่วไปได้อ่านแม้จะมีคนรู้หนังสือไม่มากก็ตาม แผ่นสเตลานี้ถูกรื้อถอนจากการปล้นสะดมไปไว้ที่เมืองหลวงของเอลาไมท์คือซูซา (Susa) และถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2444 ซึ่งปัจจุบันตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ลูฟในกรุงปารีส

แม้บทลงโทษตามกฎหมายฮัมมูราบีจะดูว่าโหดเหี้ยมตามความคิดของคนสมัยใหม่ แต่การทำกฎหมายให้เป็นลายลักษณ์อักษรและพยายามใช้บังคับอย่างเป็นระบบกับทุกคน และการ “ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิด” นับเป็นหลักการสำคัญที่นับเป็นวิวัฒนาการทางอารยธรรมของมนุษย์

ทฤษฎีใหม่บางอันถือว่าการนับกฎหมายฮัมมูราบีให้สถานะอย่างประมวลกฎหมายอย่างปัจจุบันนั้นไม่ถูกต้องนัก ความจริงน่าจะนับได้เพียงการเป็นอนุสรณ์ยกย่องว่ากษัตริย์ฮัมมูราบีเป็น “ตัวอย่างกษัตริย์ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม” ได้เท่านั้นเพราะในชีวิตของคนย่อมมีความผิดอย่างอื่นที่ไม่ใช่การลักขโมย

นอกจากกฎหมายแล้ว กษัตริย์ฮัมมูราบียังได้ทรงทำให้บาบิโลนเป็นสถานที่ดีขึ้นโดยการปรับปรุงระบบชลประทาน

จักรวรรดิ์บาบิโลนล่มสลายลงโดยผู้ปกครองที่สืบต่ออำนาจจากกษัตริย์ฮัมมูราบีได้รับแรงกดดันทางอำนาจจากพวกฮิตไตท์ (Hittites) นำโดยกษัตริย์มิวซิลิสที่ 1 แต่โดยความเป็นจริงบาบิโลนถูกครอบครองโดยพวกแคสไซต์ (Kassite) นำโดยกษัตริย์อคุมคัครีนซึ่งได้ปกครองบาบิโลนต่อมาได้อีก 400 ปีโดยที่ยังยอมรับและใช้ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีสืบต่อมา