การปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศใหม่

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการ ตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไขรูปแบบหรือภาษา ในหลายส่วนด้วยกัน
คุณสามารถช่วยตรวจสอบ และแก้ไขบทความนี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือการเขียน และ นโยบายวิกิพีเดีย และเมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้
       สาเหตุที่ต้องมีการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ ใหม่ เนื่องจาก เดิม เรามุ่ง.... 

1.มุ่งรักษาอย่างเดียว ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น20%ทุกปี และ 2.มุ่งให้มีแพทย์เฉพาะทางไปอยู่ในอำเภอ อำเภอละ1สาขา1คน ผล ทำให้แพทย์เฉพาะทางไปอยู่แล้วมีงานให้ทำเฉพาะทางน้อย ต้องดูแลแบบแพทย์เวชปฏิบ้ติทั่วไป แพทย์เวชปฏิบัติที่ควรอยู่ที่ร.พ.อำเภอก็ลำบากใจเพราะประชาชนมุ่งหวังว่ามาที่ร.พ.อำเภอจะพบแพทย์เฉพาะทางตลอดเวลา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่แพทย์เฉพาะทาง คนเดียวจะรับดูแลคนป่วยเฉพาะทางตลอดเวลาได้ 3.ประชาชนมีความมุ่งหวังจะต้องพบ พ.เฉพาะทาง ผลทำให้ไม่มารักษาตามขั้นตอนเมื่อเจ็บป่วยต้องการพบแพทย์เฉพาะทาง เช่น เด็กไม่สบาย แทนที่ จะพบกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ในร.พ.อำเภอใกล้บ้าน ใจไม่ไปพบ จะขอไปพบกุมารแพทย์ ที่คลินิค หรือ ไปร.พ.จังหวัด หรือ มาร.พ.อำเภอซึ่งมีกุมารแพทย์เพียงคนเดียวไม่สามารถจะดูแลเด็กป่วยทุกคน ตลอดเวลาได้

      การปฏิรูประบบสาธารณสุขจึงควรมีการ

[แก้] 1.ปัญหาข้อที่ 1.

ที่มุ่งรักษาอย่างเดียว โดย มีนโยบาย เปลี่ยน ร.พ.ทั้งหมดให้เป็น ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ แทนที่จะมุ่งรักษาอย่างเดียว มารักษาแบบองค์รวมโดย   ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ ดังกล่าว ข้างต้น จะมุ่งเน้นการให้ความรู้ เรื่องสุขภาพ มากกว่าการให้ยารักษาเพียงอย่างเดียวตามแบบร.พ.สมัยก่อน ที่มุ่งเน้นรักษาโรคอย่างเดียว ไม่มุ่งเน้นกิจกรรมส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟู รักษาเริ่มแรก มี ร.พ.ที่สมัครนำร่องการเป็น ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ หลายแห่ง ขณะนี้มีร.พ.นำร่อง ดังกล่าว ได้รับการยกย่องเป็นร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ ต้นแบบแล้วหลายแห่ง รวมทั้ง ร.พ.พนมสารคาม ที่ผู้เขียนทำงานอยู่ ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัว และ ชุมชน ขณะนี้ มี ร.พ.ที่ต้องพัฒนา เป็น ร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ ตามแนวทาง ที่จะให้ ร.พ.ทั้งหมด ในประเทศ เป็นร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ มาดูงาน กันเป็นประจำ ถ้าผู้อ่านอยากเข้ามาดู สามารถมาศึกษาได้ ใน เวบไซด์ของร.พ.พนมสารคาม ที่ให้ไว้ด้านล่าง

[แก้] 2.ปัญหาข้อที่ 2.

ควรจัดเป็นรูปเครือข่ายช่วยเหลือกันระหว่างเครือข่าย มี 3 ระดับ โดย 2.1ด่านแรก ควรมีแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป หรือ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว หรือ แพทย์ที่เพิ่งจบแพทย์ใหม่เท่านั้น ไม่ควรมีแพทย์เฉพาะทางมาอยู่ด่านแรก เพราะคนไข้ในด่านแรกจะเป็นคนไข้ที่เพิ่งเริ่มป่วยเล็กน้อย แพทย์ทั่วไป ก็สามารถดูแลคนไข้ด่านแรกได้ ถ้าพบคนไข้หนักเกินความสามารถก็ส่งต่อไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ร.พ.ทั่วไป หรือ ร.พ.ด่านสอง คนไข้จะได้ไม่มุ่งหวังว่ามาด่านแรกแล้วจะพบแพทย์เฉพาะทางตลอดเวลา ถึงแม้ไม่มีแพทย์เฉพาะทางในด่านแรก แต่ก็สามารถพบแพทย์เฉพาะทางได้ ถ้าด่านแรก พบว่า เกินความสามารถ ก็จะเขียนใบส่งต่อให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางได้ หรือ ถ้าพบว่าอยู่ในขั้นอันตราย ก็จะได้รับการปฐมพยาบาล ให้ปลอดภัย และ มีรถส่งต่อให้ พร้อมใบส่งตัวให้ไปร.พ.ที่เหมาะสมต่อไป 2.2ร.พ.ด่านสอง ที่มีการแบ่งแผนก ชัดเจน มี แพทย์เฉพาะทางมากกว่า1คนตามปริมาณงานทำให้สามารถรับผิดชอบคนไข้เฉพาะแผนกได้ตลอด24ชั่วโมงเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางที่ไปอยู่ที่ด่านแรก ซึ่งมีแต่แพทย์เฉพาะทางใช้ให้ย้ายมารวมกันที่ร.พ.จังหวัด หรือ ด่านสองจะทำให้ได้ประโยชน์จากการใช้งานเครื่องมือดังกล่าวมากขึ้น คนไข้ได้รับบริการที่ถูกต้องเหมาะสม แทนที่จะต้องไปนอนสังเกตุอาการที่ด่านแรก เมื่อรักษาแล้ว หมดปัญหา ทราบคำวินิจฉัยมีแนวทางรักษาแล้วสามารถส่งกลับมารักษาต่อที่ด่านแรกได้ 2.3ร.พ.ด่านสาม ที่มีแพทย์เฉพาะทาง ที่ศึกษาต่อ ลงลึกจนสามารถดูแลโรคยากๆ ที่พบน้อย ต้องใช้เครี่องมือราคาแพง ให้ใช้ มีหน้าที่ดูแลคนไข้ที่เกินความสามารถของด่านสอง และ ยังมีเครื่องมือราคาแพงๆ โดยมีแพทย์ด้านสาม ที่มีความสนใจ การวิจัยค้นคว้าหาความรู้ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้นักเรียนแพทย์ หรือ ผู้ที่เข้ามาอบรม หรือ ร.พ.ด่านสอง หรือ ด่านหนึ่ง ได้เลือกใช้ การเผยแพร่นี้สามารถเผยแพร่ผ่านทางอินเตอร์เนต ที่ ร.พ.ด่านสาม เผยแพร่ทางเนต ให้ร.พ.ด่านสอง หรือ ด่านแรก หรือ ผู้ส่วนใจเข้ามาพิจารณา นำมาดัดแปลงเป็นแนวทางการรักษาพยาบาลของร.พ.นั้นต่อไป ผลจากการปฏิรูปเป็นร.พ.ส่งเสริมสุขภาพ และ การปฏิรูปจัดร.พ.ออกเป็น3ระดับ เป็นรูปเครือข่าย ช่วยเหลือกัน มีผลทำให้เกิดผลดี ต่อ 1. ประชาชนได้รับการรักษาในสถานพยาบาลใกล้บ้านมีแพทย์ประจำครอบครัวดูแลที่มีคุณภาพ ได้รับการดูแลแบบองค์รวม ให้ความรู้เรื่องส่งเสริมสุขภาพ เรื่องป้องกัน เรื่องสุขาภิบาล การรักษาเมื่อเริ่มป่วยเล็กน้อย และ การได้รับการฟื้นฟูเมื่อมีความพิการหลงเหลือเมื่อหายจากโรคแล้ว โดยแพทย์ประจำครอบครัว แต่ถ้าพบว่า เป็นเกินความสามารถ ก็จะได้รับการส่งต่อ ไปสถานพยาบาลที่เหมาะสม ที่เลือกให้โดยแพทย์ประจำครอบครัวที่อยู่ดูแลรักษาใกล้บ้านนั่นเอง 2. สถานพยาบาลระดับร.พ.ต่างๆจะมีคนไข้เฉพาะทางของตนเท่านั้น และ มีคนไข้ น้อยลง เพราะ คนไข้ที่ป่วยเล็กน้อยก็มีแพทย์ประจำครอบครัว ในพื้นที่ ในเกณฑ์ประมาณ 1 ต่อ หมื่น จากร.พ.อำเภอไปให้ดูแล รักษาใกล้บ้านที่สถานีอนามัยหรือ ศูนย์สุขภาพชุมชนในอนาคตนั่นเอง โรคที่พบก็จะเป็นโรคง่ายๆ เพิ่งเริ่มป่วยเป็นส่วนใหญ่ มีส่วนน้อยเท่านั้น ที่พบว่าเกินความสามารถก็จะส่งต่อพบแพทย์ด่านสอง หรือ ด่านสาม ที่่เหมาะสม ต่อไป และ คนไข้ที่รับผิดชอบ ก็ไม่ได้มีมาก ที่ผู้เขียนดูแลอยู่ ก็ไปตรวจพบว่ามีคนไข้ไม่มาก ครั้งละ50-80 คนตามที่เราบริหารจัดการนัดให้มาตรวจ ให้เป็นระบบได้ 3. แพทย์ก็จะมีความสุข สามารถที่จะเลือกทำงานที่สถานพยาบาลตามที่ตนชอบได้ ชอบด่านแรก ไม่ต้องทำหัตถการยากๆ ดูแลเฉพาะ คนเริ่มป่วยเล็กน้อยในด่านแรกแรก ออกเยี่ยมให้ความรู้คนไข้ในตอนบ่าย ก็เลือกเป็นแพทย์ด่านแรก ชอบงานรักษาเฉพาะทาง ก็เลือกลงที่ด่านสอง หรือ ด่านสาม เพื่อรักษาโรคยากๆ ที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษราคาแพง และ ชอบสอน ชอบถ่ายทอด ชอบเขียนมาตราฐานการรักษาถ่ายทอดลงในเวบไซด์ ให้แพทย์่ด่านสอง หรือ ด่านแรก เข้าไปศึกษา และ นำมาดัดแปลงเป็นแนวทางการรักษาต่อไป 4. ประเทศชาติ ได้รับประโยชน์จากการที่ประชาชนจะมีสุขภาพดีในราคาถูกตามนโยบาย ทำให้ประเทศประหยัด ป่วยเล็กน้อย ก็มีสถานพยาบาลด่านแรก ดูแลตั้งแต่เริ่มป่วย ที่ศูนย์สุขภาพชุมชน เกินความสามารถก็ได้รับการส่งต่อ การกระจายทรัพยากร ทางด้านสาธารณสุขก็กระจายได้เหมาะสม ในด่านแรก มีเพียงแพทย์ทั่วไป ใช้เครื่องมือรักษาพื้นๆ อย่างง่ายไม่ซับซ้อน ด่านสอง ก็มีแพทย์เฉพาะทางเฉพาะแผนกหลายคนคอยช่วยกันดูแล ฯลฯ ทำให้ประเทศประหยัดงบลงทุน งบประมาณด้านรักษาพยาบาลลงได้อย่างมาก แทนที่ค่าพยาบาลจะเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นเหมือนเดิม

หมายเหตุ:เมื่อรักษาตามระบบเครือข่ายจะใช้สิทธิรักษาฟรี หรือ โครงการ30บาท ประชาไทยห่างไกลโรคได้ มีข้อยกเว้นกรณีฉุกเฉิน หรือ อุบัติเหตุ สามารถรักษา ได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวจากด่านแรก

[แก้] 3.ปัญหาข้อที่3

ประชาชนมักจะไปพบแพทย์เฉพาะทาง ก่อนไปพบแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป หรือ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ใกล้บ้าน โดยการให้ความรู้ประชาชน ให้ทราบว่าการเจ็บป่วย จะเริ่มเป็นขั้นตอน จากการปฏิบัติตัวผิด เมื่อไม่มีผู้แนะนำให้แก้ไข หรือ แนะนำแล้วไม่แก้ไข ก็จะทำให้เริ่มป่วย ซึ่งแพทยเวชปฏิบัติทั่วไปสามารถให้การดูแลด่านแรกให้ได้ ถ้าพบว่าเป็นมากเกินความสามารถของด่านแรก ก็จะเขียนใบส่งตัว ให้ไปสถานพยาบาลด่านสอง หรือ ด่านสาม ที่เหมาะสมต่อไป คนไข้ได้รับความสะดวกไม่ต้องไปลำบากรักษาร.พ.อื่น รักษาร.พ.อำเภอใกล้บ้าน เพื่อดูแล พบว่า 90-95%สามารถรักษาใกล้บ้านได้มีส่วนน้อยเท่านั้นที่จะต้องส่งต่อ

บทความนี้เขียนมาเพื่อให้ความรู้กับประชาชน เพื่อ เกิดทัศนคติ ที่ถูกต้อง และ นำมาปฏิบัติเป็นวัฒนธรรมที่ถูกต้องต่อไป

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

ผู้เขียน น.พ.สำเริง ไตรติลานันท์ อว.เวชศาสตร์ป้องกัน และ อว.เวชศาสตร์ครอบครัว หัวหน้ากลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ร.พ.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา www.gotoknow.org/pskh เข้ามาแล้วคลิกเวบบล็อก เวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน จะพบเรื่องที่ผู้เขียนเขียนบทความ จุดประสงค์ของการดูแลสุขภาพ รูปเครือข่าย และ เรื่อง จุดประสงค์ของการมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ เวชศาสตร์ป้องกัน ติดต่อผู้เขียนได้ทางอีเมลล์ ที่ tsumruang@hotmail.com ทางมือถือ เวลากลางวันที่ mobile. 09-611-2714