ผู้ใช้:Nantadej
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิกิพีเดีย:บาเบล | ||
|
วิกิพีเดีย:บาเบล | ||
|
||
|
||
|
||
|
||
|
||
แม่แบบ:User |
อันดับเว็บวิกิพีเดียไทย 17 (10 ธ.ค. 2549) (สูงสุด 16, 5 ธ.ค. 2549) |
![]() ![]() [แก้] เริ่มเห็นยังไม่ได้อ่าน
[แก้] เริ่มอ่าน
วิกิพีเดียเป็นสารานุกรมที่ยังไม่มีอะไรที่ใช้ได้จริงๆเลยซักครั้งเดียว [แก้] เริ่มค้นหาสิ่งที่ต้องการใช้
วิกิพีเดียเป็นสารานุกรมที่ยังไม่มีเรื่องพระสมเด็จจิตรลดา เป็นอันว่า ใช้เป็นที่พึ่งไม่ได้ได้อีกตรั้งหนึ่งและหลายๆครั้ง [แก้] ค้นหาทุกวันเสียเงินค่าเนตฟรีๆวันละร้อยบาทเข้ามาค้นหาเรื่องพระสมเด็จ วัด ดาวหาง ดาวไถ ระบบสุริยจักรวาล หาไม่เจอซักอย่าง เสียเงินค่าเนตทุกวี่ทุกวัน ก็เลยต้องเขียนเอง เขียนให้วิกิพีเดียฟรีๆ ไม่คิดสตางค์ ผู้ใช้วิกิพีเดีย เลยกลายมาเป็นผู้เขียนของวิกิพีเดียโดยปริยาย [แก้] เริ่มเขียน
[แก้] ผลงานในวิกิพีเดีย
ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคหิน ยุคอื่นๆ จนกระทั่งถึง ยุคทอง ในปัจจับัน วัตถุมงคลต่างๆมักทำด้วยโลหะ ทองคำ มีการหล่อพระประธาน องค์ใหญ๋ด้วย ทองคำ จากการศึกษาค้นคว้า ยังไม่มีการเขียนบทความ วัดไทย เกี่ยวโยงไปถึงประวัติศาสตร์ของผืนแผ่นดินไทยในอดีต ยกตัวอย่าง จังหวัดหนึงในประเทศไทย ได้ปรากฎในหนังสือของกรีกโบราณ ที่เขียนโดย ปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีก ที่เป็นต้นตำรับปรัชญาสมัยกรีก สถานที่สร้างวัดไทยได้ปรากฎชื่อมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน การดำรงอยู่ของผืนแผ่นดินไทยมีความสัมพันธ์อะไรกับ ผงพระพิมพ์ พระสมเด็จจิตรลดา มีเหตุผลอะไรที่นำผงพระพิมพ์มาจากวัดไทย วัดแห่งนั้นมีประวัติอย่างไร เช่น ความกล้าหาญ เสียสละ เป็นแหล่งรวมแรงรวมใจรักษาชาติบ้านเมือง เป็นที่เกิด มาตุภูมิของผู้มีจิตใจเสียสละ มีน้ำใจรักใคร่สามัคคี ความเป็นอยู่อย่างสงบสุข การค้าขาย เป็นเมืองท่า ทำการพาณิชย์กับต่างประเทศ [แก้] เริ่มเข้าไปหาเรื่อง
[แก้] เริ่มเขียนประวัติของวัด
[แก้] ผู้เขียนคนนี้ยุ่งอย่างกับโดราเอม่อนในหนังการ์ตูนญี่ปุ่นเวลาเขียนสารานุกรม ชอบทำอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเค้า ทดที่นั่น ทดที่นี่ ทำเอาเพื่อนๆวิกิพีเดีย ปวดขมับ วิ่งหายา พารา เซ็ต ตา มอญ กันยกใหญ่ ขอร้องให้กินครั้งละเม็ดเดียวนะ อีกเม็ดนึงแบ่งให้ผู้เขียนเอาไปขายมั่ง เม็ดนึงสองบาท นะ นะ [แก้] กระดาษทดใช้เขียนประวัติของวัด ใช้กระบะทรายไม่เป็นทดแล้วก็ลบให้สะอาดทุกครั้งที่เอาข้อมูลไปใช้แล้ว http://www.mohanamai.com/boardzone/show.php?Category=board&No=6351 [แก้] ไม่ได้คัดลอกใครมา เขียนเองทั้งนั้น หน้านี้บอกว่าใช้ได้ ทดได้ ไม่ต้องตามมาลบอีกล่ะกระดาษทดใช้แค่ข้ามคืนเท่านั้นเอง อย่างมากก็แค่สองคืน เสร็จแล้วจะลบให้ ที่ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ได้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2549 โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.วีรพล วรานนท์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.สมหมาย ดาบเพ็ชร์ เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม ทั้งนี้ พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสมนำทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน ต่อมาเวลา 17.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งมายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร จากนั้น พล.ต.ดาว์พงษ์ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ 8 นายตามเสด็จ ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้เสด็จขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าประจำที่หน้าพลับพลา ต่อมา พล.อ.บุญสร้างได้นำนายทหารชั้นผู้ใหญ่กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะยอมตายเพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจะจงรักภักดี และจะถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่ และจะเชิดชูรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจะปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ” หลังจบคำถวายพระพร พล.อ.บุญสร้างทูลเกล้าฯ ถวายพานดอกไม้ ธูปเทียนแพ จากนั้นนำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณ และแถวทหารถวายคำปฏิญาณ โดยกล่าวตามผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยพร้อมเพรียงกัน ภายหลังเมื่อถวายคำสัตย์ปฏิญาณเสร็จ ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่งและแพรถวายพระพรทรงพระเจริญ ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด และปล่อยลูกโป่ง 7,200 ลูก ภายในบริเวณสนามเสือป่า จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังหน้าพลับพลาที่ประทับ พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ และทหารรักษาพระองค์ ความว่า “ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความชื่นชมยิ่งนัก ที่ได้มายืนท่ามกลางเหล่าทหารรักษาพระองค์ ในพิธีปฏิญาณตน สวนสนามครั้งนี้ ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพร กับทั้งน้ำใจไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศของเรารักษาอิสรภาพและผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นตลอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะคนไทยทุกหมู่เหล่ามีความสามัคคี และรู้จักหน้าที่ของตนให้ประสานส่งเสริมกัน ทหารนั้นในฐานะเป็นทหารของชาติ จึงมีหน้าที่อย่างสำคัญในด้านการต่อสู้คุ้มกันด้วยแสนยานุภาพ และฐานะที่เป็นคนไทย จึงมีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันกับทุกคน ทุกฝ่าย พัฒนาสร้างสรรค์ให้เกิดความเจริญร่มเย็นแก่แผ่นดิน ดังนั้น ไม่ว่าจะประพฤติปฏิบัติการใด ทหารจะต้องระมัดระวัง กาย ใจให้มั่นคง เที่ยงตรงในความสัตย์สุจริต และความสมัครสมานสามัคคี มีความกล้าหาญ เข้มแข็ง อดทน และอดกลั้น มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ครบถ้วน ทั้งในฐานะที่เป็นทหาร ทั้งในฐานะที่เป็นคนไทย โดยประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของชาติของแผ่นดินเป็นเป้าหมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจ ต่อชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทหารทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญและความสวัสดีมีชัยทุกเมื่อไป” จากนั้นเวลา 17.40 น. ผู้บังคับกองผสมได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับ จำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาตามลำดับหน่วย ภายหลังเสร็จสิ้นการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯกลับด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ผู้บังคับกองผสมพร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียงทรงพระเจริญพร้อมกัน 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี และระหว่างที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่านไปตามถนนศรีอยุธยา มุ่งหน้าสู่สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตนั้น มีประชาชนสวมเสื้อเหลืองพร้อมโบกธงตราสัญลักษณ์ครองราชย์ครบ 60 ปี มารอเฝ้าฯ ส่งเสด็จตลอดสองฝั่งถนน พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” ดังลั่นไปตลอดเส้นทาง จากนั้น พระยาวชิรปราการจึงยกทัพกลับมากรุงธนบุรี และปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔” แต่ประชาชนนิยมเรียกพระนามว่า “พระเจ้าตากสิน” เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๑๑ และสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีด้วย และต่อจากนั้นพระเจ้าตากสินก็ยกกองทัพไปปราบปรามก๊กต่างๆ จนราบคาบ ทรงใช้เวลารวบรวมอณาเขตอยู่ ๓ ปี คือตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๑ - พ.ศ. ๒๓๑๓ จึงได้อณาเขตกลับคืนมา รวมเป็นพระราชอณาจักรเดียวกันดังเดิม [แก้] Nantadej/กระดาษทดNantadej/กระดาษทด ทำแบบนี้ก็ดีนะ [แก้] ผู้ใช้:Nantadej/กระดาษทดทดก็ยังทดไม่เป็นอีก พระธาตุบังพวน |