แม่น้ำโวลก้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการ จัดรูปแบบ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย


แม่น้ำโวลก้า ภาษาอังกฤษ "Volga" ภาษารัสเซีย "Волга" อ่านว่า โวล - ก้า เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของยุโรปมีความยาวทั้งสิ้น 3,690 กิโลเมตร และถือกันโดยทั่วไปว่าเป็น แม่น้ำประจำชาติรัสเซีย มันไหลผ่านทางด้านตะวันตกของประเทศ และเป็นแกนหลักของระบบ แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป แหล่งเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางแห่ง ก็อยู่ตามแนวลำน้ำสายนี้ หาก รวมความยาวของแม่น้ำสายย่อย และคูคลองต่างๆ ทั้งหมดที่มีทั้งสิ้น 151,000 สาย แม่น้ำจะยาวถึง 574,000 กิโลเมตร และหากรวมพื้นที่ของลำน้ำทั้งหมด จะเทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของอาณาเขตฝั่งยุโรปของรัสเซีย โวลก้า แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือโวลก้าตอนบน ,โวลก้าตอนกลาง และโวลก้าตอนล่าง

สารบัญ

[แก้] ชื่อ "โวลก้า" มาจากไหน ยังไม่รู้

เรื่องที่มาของชื่อโวลก้า ยังเป็นที่ถกเถียงกัน บางฝ่ายเชื่อว่าชื่อแม่น้ำน่าจะมีรากมาจาก[[ภาษาฟิน แลนด์]] ขณะที่บางคนก็บอกว่า ชื่อนี้คล้ายกับคำในภาษาสลาฟ ที่แปลว่า เปียก หรือ ชื้น นอกจากชื่อโวลก้าแล้ว คนหลายเชื้อชาติยังเรียกชื่อแม่น้ำนี้แตกต่างกันไป ปโตเลมี เรียกมันว่า รา ขณะที่ในยุคกลาง เรียกมันว่า อิทิล หรือ เอเทล

[แก้] การเดินทาง

ต้นน้ำของแม่น้ำอยู่ที่เนินเขาวัลได ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 225 เมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมอสโก และห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 320 กิโลเมตร แม่ น้ำไหลมาทางตะวันออกจนมาถึงเมืองคาซาน จากที่นี่มันได้วกลงใต้ และออกสู่ทะเลแคสเปียนที่เมืองอัสตราคาน ซึ่งต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 28 เมตร

[แก้] พวกพ้องมากมาย

โวลก้ามีระบบแม่น้ำสายย่อยมากมาย ที่สำคัญก็อย่างเช่นแม่น้ำ กามา , โอกา , เว็ตลูก้า และ ซูร่า แม่น้ำโวลก้า และแม่น้ำสายย่อยของมันถูกเรียกรวมกันว่า ระบบแม่น้ำโวลก้า ที่ให้ความชุ่มชื้นกับพื้นที่ 1.35 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดของรัสเซีย บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโวลก้ามีความยาวราว 160 กิโลเมตร โดยประกอบด้วยแม่น้ำสายเล็กๆและคลองมากถึง 500 สาย และเป็นบริเวณเดียวในรัสเซียที่เราสามารถพบดอกบัว นกเพลิแกน และนกฟลามิงโก้ได้ ในช่วง 3 เดือนของฤดูหนาว แม่น้ำจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบตลอดความยาวลำน้ำ

[แก้] แหล่งความมั่งคั่ง

ตามแนวลำน้ำ มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ถึง 9 แห่ง และเขื่อนใหญ่อีกหลายแห่ง ก่อให้เกิดเป็นแหล่งเก็บกักน้ำหลังเขื่อนขนาดใหญ่มากมาย

โวลก้ามีความสำคัญต่อระบบการขนส่งและการเดินเรือภายในประเทศอย่างมาก เขื่อนทุกแห่งตามแนว ลำน้ำ มีระบบชิพล็อคขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เรือขนาดใหญ่ สามารถเดินทางจากปลายสุดของแม่น้ำ ขึ้น ไปจนเกือบถึงบริเวณต้นน้ำได้ ระบบคลองมอสโก ทำหน้าที่เชื่อมต่อแม่น้ำโวลก้า กับแม่น้ำมัสควา , คลองโวลก้า - ดอน เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำดอน กับทะเลดำ ส่วนเส้นทางน้ำ โวลก้า - บอลติก เชื่อมต่อทะเลสาบทางเหนือ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และทะเลบอลติก ระบบสาธารณูปโภคทางน้ำเหล่านี้ ถูกออกแบบมาให้รองรับเรือขนาดใหญ่ได้ อย่างระบบชิพล็อคในแม่น้ำโวลก้ามีขนาดถึง 290 x 30 เมตร ส่วนในแม่น้ำ หรือคลองสายอื่นๆของโวลก้า อาจจะเล็กลงกว่านี้เล็กน้อย

มีเรือต่างชาติจำนวนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาวิ่งในเส้นทางสัญจรเหล่านี้ได้ แต่หลังจากที่รัสเซียมีการคบค้าสมาคมกับโลกภายนอกมากขึ้น คาดว่าในเร็วๆนี้นโยบายดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

โวลก้าให้ความชุ่มชื้นกับเขตตะวันตกของรัสเซียส่วนใหญ่ ดินที่อุดมสมบูรณ์ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำ ทำให้ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งผลิตพืชธัญญาหารสำคัญ นอกจากนั้นแถวนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญมากมาย อุตสาหกรรมปิโตรเลียมจำนวนไม่น้อยมีศูนย์กลางอยู่ในเขตลำน้ำนี้ นอกจากนั้น แถบนี้ก็ยังพบก๊าซธรมชาติ เกลือ และโปแตส บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโวลก้า และ ทะเลแคสเปียนที่อยู่ใกล้ๆกัน เป็นแหล่งสัตว์น้ำที่ชุกชม โดยเมืองอัสตราคาน ถือเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไข่ปลาคาเวียร์

การที่อุตสาหกรรม และการเกษตรที่มีการใช้สารเคมีจำนวนมากไปกระจุกอยู่ตามแนวลำน้ำ ปัจจุบันจึง มีความวิตกเรื่องปัญหาสภาวะแวดล้อมของแม่น้ำ

[แก้] แม่น้ำสีเลือด

ในช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย โวลก้าก็เป็นสักขีพยานของการสู้รบครั้งใหญ่ และในสงครามโลกครั้งที่ 2 แม่น้ำโวลก้า ได้เห็น "ศึกแห่งสตาลินกราด" ซึ่งเป็นการสู้รบแย่งชิงเมืองสตาลินกราด (ปัจจุบันคือ โวลโกกราด)ระหว่างเยอรมนี และสหภาพโซเวียต ศึกครั้งนี้ถือเป็นศึกที่นองเลือดที่สุดของมนุษยชาติ