โรคปอดบวม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โรคปอดบวม (Pneumonia) หมายถึงโรคที่เกิดจากภาวะปอดเกิดการอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ซึ่งในสภาวะที่ผิดปกติอาจจะเกิดจาก เชื้อรา และ พยาธิ เมื่อเป็นปอดบวม จะมีหนอง และสารน้ำอย่างอื่นในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจน เมื่อร่างกายขาดออกซิเจนอาจทำให้เสียชีวิตได้

สารบัญ

[แก้] สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งลอยปะปนอยู่ในอากาศและเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องปากและลำคอของคนเรา โดยปกติปอดของคนเราจะสะอาดปราศจากเชื้อโรค การที่ปอดอักเสบก็แสดงว่าอาจหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าไป หรือเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากหรือลำคอหลุดลอดลงไป นอกจากนี้กรณีที่เชื้อแบคทีเรียเข้าไปในกระแสเลือดก็ทำให้เกิดอาการอักเสบได้เช่นกันแต่พบได้น้อย สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคได้แก่

  1. Bacteria
  2. Viruses
  3. Mycoplasma
  4. เชื้อรา
  5. สารเคมี

เชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุที่สำคัญได้แก่

  1. Mycoplasma pneumonae
  2. Pneumocystis carinii
  3. Pneumococcal pneumonia
  4. Staphylococcus
  5. Hemophelus influenza
  6. Klebsiella Pneumonia
  7. Legionnaires'pneumonia
  8. Viral pneumonia

[แก้] ลักษณะอาการ

ผู้ป่วยโรคปอดบวมจะมีไข้สูง ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจหอบ มีเสมหะมาก ในเด็กจะมีอาการตัวร้อนจัดถ้าเป็นมากจะหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ดังนั้นถ้ามีอาการในลักษณะนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

[แก้] การรักษา

แพทย์ผู้รักษาจะตรวจร่างกายซักประวัติและวินิจฉัยจากภาพรังสีทรวงอก เพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นโรคปอดบวมหรือไม่ ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นแน่ๆ จะตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อโรคชนิดใดเพื่อให้ยาที่เหมาะสม ถ้าแพทย์ดูแล้วอาการไม่รุนแรงอาจให้ยากลับไปกินที่บ้าน แต่ถ้าอาการรุนแรงอาจต้องนอนโรงพยาบาล

[แก้] ผู้ที่เสี่ยง

การที่คนคนหนึ่งจะเป็นโรคปอดบวมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องอายุเป็นหลัก โดยในเด็กเล็กและผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกาย เชื้อโรคที่ลงไปยังปอดมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเชื้อโรคหลุดลอดลงไปยังปอดแต่ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันดีก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคนไหนร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัว เป็นโรคเอดส์ โรคเบาหวาน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด พ่อแม่สูบบุหรี่ก็อาจจะทำให้ร่างกายไม่สามารถต้านทานได้

[แก้] ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วย

พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามดื่มน้ำมากๆ เพราะคนที่ไม่ไข้สูงจะเสียเหงื่อมากมักทานอาหารไม่ค่อยได้ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หากขาดน้ำจะทำให้เสมหะข้นเหนียว

[แก้] การป้องกัน

  • หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาร่างกายให้อบอุ่นพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีกับผู้ป่วย ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วยหรือถ้าป่วยไม่สบาย เป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ควรใช้ผ้าปิดปากจมูกเวลาไอ จาม
  • หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด หมั่นล้างมือให้สะอาดภายหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ป่วย

[แก้] วิธีสำรวจด้วยตัวเอง

การตรวจสุขภาพปอดของตนเองนั้น เริ่มจากพิจารณาดูแก้มซ้าย-ขวาบนใบหน้าของเรา เพราะแก้มเป็นหน้าต่างของปอด แก้มแดงแปลว่าเลือดลมดี แก้มซีดขาวแสดงว่าปอดมีปัญหา สังเกตเวลาเป็นหวัดหรือมีอาการผิดปกติของปอดสีแก้มจะหมองซีด

ต่อมาให้สังเกตดูนัยน์ตาข้างขวาให้ดูบริเวณด้านขวาบน บริเวณนี้เชื่อมโยงกับปอดเหมือนดั่งแผงวงจรสวิตซ์ไฟ หากมีจุดหรือสีผิดปกติให้เปรียบเทียบและสังเกตควบคู่ไปกับบริเวณแก้ม คือ หากมีสิวบริเวณแก้มแสดงว่ามีส่วนเกินของไขมันและมีเสลดในหลอดลมมาก อันเนื่องจากอาหารรสมันได้แก่ นม เนย น้ำตาล กะทิ ครีมต่างๆ เพราะร่างกายไม่สามารถกำจัดได้หมด จึงหมักหมมสะสัมจนกลายเป็นสิว

[แก้] อ้างอิง

  • นิตยสารชีวจิต ฉบับวันที่ 1 ธันวาคม 2549