การปนภาษา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การปนของภาษา คือการที่เราใช้ภาษา 2 ภาษาหรือมากกว่านั้นปนกัน หรือเรียกง่ายๆ ว่า"การพูดไทยคำ ภาษาอื่นคำ" การปนของภาษาเริ่มขึ้นตั้งแต่การ เข้ามาของอาณานิคม ต่างชาติในไทย โดยเริ่มการปนของภาษาในราชสำนักไทย ที่มีการติดต่อกันของเชื้อพระวงศ์ไทย หรือแม้กระทั่งขุนนางชั้นสูงที่จบการศึกษามาจากต่างประเทศ แม้กระทั่งรัชกาลที่4 และรัชกาลที่ 5 ในการที่ทรงเขียนจดหมายถึง พระโอรส เชื้อพระวงศ์ ต่างๆ ก็ทรงมีการใช้คำไทยปนกับ การใช้คำอังกฤษมาตั้งแต่สมัยนั้น หลังจากนั้นก็มีการใช้ภาษาที่ปนกันในหมู่คนชั้นสูง ที่ได้รับการศึกษาสูง จนกลายเป็นค่านิยมว่าหากใครพูดไทยคำ อังกฤษคำ จะดูเท่ โก้หรู เป็นเครื่องบ่งว่ามีการศึกษาสูง
จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ทัศนคติของการใช้ภาษาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด ซ้ำร้ายกลับมาขึ้นทุกที จนทำให้เกิดการกร่อนของภาษาไทยเรา หรือมีการใช้ภาษาที่ผิดไป ที่เรียกว่าภาษาวิบัตินั่นเอง สังคมไทยนั้นเป็นสังคมที่เปิดรับอะไร ได้ง่ายรับเอาวัฒนธรรมต่างๆ ของต่างชาติมามากเกินไป จนลืมที่จะรักษาวัฒนธรรมตน ลืมรักษาภาษาของตน
จุดเริ่มต้นมาจากชนชั้นสูง จนกระทั่งการศึกษาได้กว้างขึ้นแพร่หลายขึ้น มีผลให้มีการปนภาษามากขึ้นโดยมีการทับศัพท์นั่นเอง การใช้ทับศัพท์นั้นมีข้อดีอยู่ที่ว่าศัพท์อังกฤษ บางคำมีความหมายไทย ที่ยาวยืด ไม่สะดวกต่อการพูดและเขียนในบางกรณีจึงนิยมใช้ทับศัพท์มากกว่า หรือบางครั้งราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติศัพท์ที่ค่อนข้างฟังดูจะเพี้ยนๆ กระดากหู หรือแม้กระทั่ง ดูเชยจนเกินไปในหมู่วัยรุ่น เราจึงใช้คำทับศัพท์มากกว่า
อย่างเช่นคำว่า software แปลว่า ละมุนภัณฑ์ hardware แปลว่า กระด้างภัณฑ์ หรือแม้กระทั่ง joy stick ที่แปลว่า แท่งหรรษา นั้นฟังดุพิลึกชอบกล คนไทยเราจึงใช้คำทับศัพท์น่าจะเหมาะสมมากกว่า ดังนั้นการที่มีการปนของภาษาเกิดขึ้นนั้นอาจจะเกิดเพราะมีการไหลเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ การมีค่านิยมที่ผิดๆ ของคนรุ่นใหม่ การเอาอย่างของวัยรุ่น หรือแม้กระทั่งคนที่เกี่ยวข้องกับภาษาของชาติทุกฝ่ายที่บัญญัติความหมายของภาษาเสียจนไม่น่าใช้
เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักเลยทีเดียวที่ทำให้เกิดการปนของภาษาในประเทศ
[แก้] ดูเพิ่ม
การปนภาษา เป็นบทความเกี่ยวกับ ภาษา หรือ ตัวอักษร ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |