มังกรจีน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มังกรจีน (อักษรจีนตัวเต็ม: 龍; อักษรจีนตัวย่อ: 龙; พินอิน: lóng) เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของ วัฒนธรรมจีน มีลักษณะที่มาจากสัตว์หลาย ๆ ชนิดผสมผสานกัน ลักษณะลำตัวยาว มี เขี้ยว ขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่บริเวณ ขากรรไกร ด้านบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนกับไม้เลื้อย และมีแผงคอเหมือนกับของ สิงโต อยู่บน คอ , คาง และข้อศอก มีเกล็ดสีเขียวเข้มทั่วทั้งบริเวณลำตัวรวมทั้งสิ้น 117 แผ่น ซึ่งเกล็ดมังกรจำนวน 81 แผ่น มีคุณสมบัติเป็น หยาง ซึ่งเป็นเกล็ดที่มีความดี เกล็ดมังกรจำนวน 36 แผ่น มีคุณสมบัติเป็น หยิน มีความชั่ว ลักษณะเขามีสันหลังทอดยาวไปตามหลังและหาง เป็นหนามยาวและสั้นสลับกัน มีขา 4 ขาและกงเล็บแข็งแรง
เกล็ดของมังกรจีนนั้น จะผันแปรเปลี่ยนไปตามแต่ละชนิดของมังกร ตั้งแต่สีเขียวเข้มจนถึงสีทอง หรือบางแหล่งกล่าวกันว่าว่ามังกรจีนนั้นมีหลายสี เช่น สีน้ำเงิน สีดำ สีขาว สีแดง สีเขียว หรือสีเหลือง แต่ในกรณีของมังกรชนิด ไชโอะ (chiao) หลังของมังกรจะเป็นสีเขียว บริเวณด้านข้างเป็นสีเหลือง และใต้ท้องเป็นสีแดงเข้ม มังกรจีนอีกชนิดหนึ่งจะมีปีกที่ด้านข้างของลำตัว และเดินบนน้ำได้ มังกรจีนอีกชนิดหนึ่งเมื่อสะบัดแผงคอไปข้างหน้าและข้างหลัง จะทำให้เกิดเสียงที่ฟังดูเหมือนขลุ่ย
มังกรจีนจะมีโหนกอยู่บนหัวซึ่งทำให้สามารถบินได้ เรียกโหนกที่อยู่บนหัวว่า เชด เม่อ (ch’ih muh) แต่ถ้ามังกรจีนตัวใดไม่มีโหนกที่บริเวณหัว จะกำคทาเล็ก ๆ ที่เรียกว่า โพ เชน (po-shan) ซึ่งสามารถทำให้มังกรลอยตัวในอากาศได้ ใน ประเทศจีน คนโบราณมีความเชื่อกันว่า มังกร คือสัตว์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน ได้รับการกล่าวกันว่ามีความเป็นมิตร มากกว่าความร้ายกาจ เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาซึ่งความสุข และความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง พบได้ใน แม่น้ำและ ทะเลสาบ ชอบที่จะอยู่ท่ามกลางสายฝน มังกรได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้างกฎแห่งความใจบุญ และเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่ กษัตริย์ ใน ราชวงศ์ชิง กษัตริย์จะนั่งบน บัลลังก์ มังกร เดินทางโดยเรือมังกร เสวยอาหารบนโต๊ะมังกร และบรรทมบนเตียงมังกร
สารบัญ |
[แก้] ตำนานมังกรจีนโบราณ
ตำนาน มังกรจีนโบราณมีอายุยาวนานกว่า 4,000 ปี ซึ่งลักษณะรูปร่างของมังกรจีนนั้น สุดแล้วแต่นักวาดรูปจะจินตนาการเสริมแต่งออกมา การขายจินตนาการของนักวาดรูปจะเขียน มังกร ออกมาโดยยึดลักษณะรูปแบบที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ มังกรจีนจะมีลักษณะลำตัวที่ยาวเหมือน งู มีเกล็ดสีเขียว นัยน์ตาสีแดง มีหนวดและเขาอย่างละคู่ มีขา 4 ขาและกงเล็บที่แข็งแรง มังกรจีนโบราณถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์ เทพเจ้า ซึ่งชาว จีน เคารพนับถือ เป็นสัตว์พาหนะของ เทพเจ้า ใน ลัทธิเต๋า ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสวรรค์ มังกร จีน ที่มีกงเล็บ 5 เล็บ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่ง จักรพรรดิ หรือ ฮ่องเต้ ของ จีน เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์
มังกรจีนในตำนานสามารถทำตัวเองให้ใหญ่เท่ากับจักรวาล หรือเท่ากับหนอนไหมได้ และในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของจีนมังกรจีนได้รับความนับถือมากที่สุด มังกรจีนมีนิสัยเมตตากรุณา ,เป็นมิตร ,ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้มังกรจีนฉลาด ,มีปัญญามาก ,มีความเด็ดขาด และมีพลัง เขาจึงเป็นที่ปรึกษาของผู้นำ แต่มังกรจีนมีทิฐิ เขาจะถือว่าถูกหมิ่นประมาทเมื่อผู้นำไม่ทำตามคำแนะนำของเขา หรือเมื่อผู้คนไม่เคารพความสำคัญของเขา จากนั้นเขาจะทำให้ฝนหยุดตก หรือเป่าเมฆดำออกมาซึ่งจะนำพายุ และน้ำท่วมมาให้ มังกรตัวเล็กก็ทำเรื่องยุ่งยากเล็กๆ เช่นทำหลังคารั่ว หรือทำให้ข้าวเกิดความเหนอะหนะ
มังกรจริง ๆ ในปัจจุบันก็คือซากของ ไดโนเสาร์ ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งกลายเป็น หิน ไข่ไดโนเสาร์ถูกค้นพบในหลายพื้นที่ใน ประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่ามี ไดโนเสาร์ มากที่สุดใน โลก ในสมัยโบราณใช้ในการประกอบเป็น ยา สมุนไพร เรียกกันว่า "ยากระดูกมังกร" ส่วนไข่ของมังกรจีนนั้นในสมัยเฉียนหลง ถือเอาไข่มังกรจีนเป็นเครื่องรางประจำราชสำนักภายในพระราชวัง ปักกิ่ง แต่ต่อมาเมื่อพระราชวังปักกิ่งแตก ไข่มังกรจีนก็ตกทอดมาจาก ประเทศจีน มาอยู่ที่ ประเทศไทย
ซึ่งไข่ มังกร ที่ตกทอดมาอยู่ภายใน ประเทศไทย นั้น มี ตำนาน เล่าขานกันมาแต่โบราณว่า เมื่อคณะ ฑูต หรือคณะผู้แทนจาก ประเทศจีน ใช้ เรือ ไฮจี่โดยการนำของ ยังชีขี มีผู้ติดตามมาด้วยจำนวน 449 คน มี ทหาร ประจำ เรือ 279 คน เพื่อขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เมื่อเวลาบ่ายโมงของวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 โดยมี พระยาบริบูรณโกษากร เข้าเฝ้าฯ และมอบหมายให้พระยาบริบูรณโกษากร หรือ ฮวด โชติกะพุกกณะ หรือเจ้าคุณกิมจึ๋ง เป็นผู้จัดการประสานงาน และเลี้ยงต้อนรับในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ตามลักษณะของไข่มังกรที่สืบทอดกันมาเป็นตำนานนั้น มีลักษณะคล้ายกับ ลูกแก้ว หิน ผลึก คล้ายคลึงกับ ลูกแก้ว ของ หลวงปู่ทวด เหยีบ น้ำ ทะเล จืดของ ประเทศไทย แต่ถูกตกแต่งด้วยการเลี่ยมและห่อหุ้มคล้ายกับห่อด้วย แก้ว นั่นเอง ทำให้เรื่องของไข่มังกรจีนกลายเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันพอสมควรในสมัยนั้น
[แก้] กำเนิดมังกรจีน
ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณนั้น จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ 4 ชนิด คือ กิเลน หงส์ เต่าและมังกร โดยชาวจีนจะถือกันว่ามังกรนั้นเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนั้น มังกรจีนหรือที่ชาวจีนเรียกันกว่า "เล้ง-เล่ง-หลง-หลุง" ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการออกเสียงของในแต่ละท้องถิ่น ชาวจีนถือว่ามังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่และเพศชาย
เนื่องจากมังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้าในสรวงสวรรค์ ชาวจีนจึงมีความเชื่อว่าผู้ที่ได้เห็นมังกร จะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองมาก ผู้ที่มีโอกาสจะได้ขี่หลังมังกรจะต้องเป็นคนมีศีล มีสัตย์ มีจิตใจบริสุทธิ์ดีงามจริงๆ ถึงจะมีมังกรมารับไปเป็นเซียนบนสวรรค์ ในสมัยโบราณนั้นชาวจีนได้มีการจัดทำ 'ตำรามังกร' ซึ่งเป็นการรวบรวมประวัติ เผ่าพันธุ์และลักษณะของมังกรไว้อย่างละเอียดที่สุด แต่เนื่องมาจากตำราเหล่านั้นได้สูญหายไปแล้ว การศึกษาเรื่องของมังกรจีนในปัจจุบันจึงเป็นการศึกษาจากหลักฐานต่างๆที่ยังหลงเหลืออยู่ และจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เท่านั้น ตามตำนานในสมัยโบราณมีเจ้าแม่นึ่งออหรือหนี่วา มีตัวเป็นคนหัวเป็นงูแต่บางตำราก็บอกว่ามีตัวท่อนบนเป็นคนแต่ท่อนล่างเป็นงู เมื่อเจ้าแม่สิ้นอายุไข นางตายไป 3 ปีแล้วศพก็ไม่เน่าเปื่อย เมื่อมีคนลองเอามีดผ่าท้องของนางดูก็ปรากฏมีมังกรเหลืองตัวหนึ่งพุ่งออกมาแล้วเหาะขึ้นฟ้าไป
ตามตำราดึกดำบรรพ์ของจีนกล่าวว่า มังกรมีกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยของพระเจ้าฟูฮี,ฟูซี หรือฟูยี (ประมาณ 3,935 ปีก่อนพุทธกาล) มีตำนานกล่าวไว้ว่ามีมังกรอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวงเป็นเวลาพันปี มังกรตัวนั้นก็คือพระเจ้าฟูฮีแปลงร่างนั่นเอง พระเจ้าฟูฮีเป็นผู้ที่มีความสามารถทรงคิดประดิษฐ์ของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น "โป๊ย- ก่วย" หรือยันต์แปดทิศ ทั้งยังเป็นผู้กำหนดการที่ให้ชายหญิงมีการมั่นหมายกันเป็นคู่ครองอีกด้วย
ในหนังสือ ประวัติวัฒนธรรมจีน ได้กล่าวไว้ว่า มังกรได้เกิดขึ้นในสมันพระเจ้าอึ่งตี่ พระเจ้าอึ่งตี่, อึ้งตี่ หรือหวงตี้นี้เป็นกษัตริย์ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นผืนเดียวกัน โดยพระองค์ได้จินตนาการรูปมังกรขึ้นจากการรวมสัญลักษณ์ของเผ่าต่างๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มังกรเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าเผ่าต่างๆได้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อพระเจ้าอึ่งตี่สิ้นอายุไขก็มีมังกรลงมารับพระองค์และพระมเหสีขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ โดยบางตำราได้กล่าวว่าพระองค์เป็นหวงตี้องค์เดียวกับที่ได้เป็นเจ้าสวรรค์ (เง็กเซียนฮ่องเต้)ในเวลาต่อมา เพราะเหตุนี้ชาวจีนจึงถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง
[แก้] คนจีนกับความเชื่อเรื่องมังกร
ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของ มังกร ในคน จีน โบราณ เป็นความเชื่อเก่าแก่ตั้งแต่ มนุษย์ เริ่มที่จะรู้จักกับ สัตว์เลี้อยคลาน ขนาดยักษ์ และให้ความเคารพยำเกรงดุจ เทพเจ้า ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ทั่วทุกแห่งหน ทุกชนชาติทั่วทั้ง โลก ที่มี ประวัติศาสตร์ อันเก่าแก่ เช่น ประวัติศาสตร์ของยุค อียิปต์ ประวัติศาสตร์ของยุค กรีก ประวัติศาสตร์ของยุค โรมัน ประวัติศาสตร์ของยุค อินเดีย และประวัติศาสตร์ของยุค จีน ซึ่งความเชื่อนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่ความเชื่อเรื่อง งู ขนาดใหญ่ ที่สืบเนื่องยาวนานคู่กับ มนุษย์ โลก โดยเฉพาะชาว จีน แผ่นดินใหญ่
คน จีน โบราณจะเชื่อกันว่า น้ำลาย ของ มังกร นั้น จะก่อให้เกิด ลูกแก้ว วิเศษที่เรียกกันว่า "ไข่มุขแห่งดวงจันทร์" และ "ไข่มุขแห่งความสมบูรณ์" จะบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณธัญญาหาร เพาะปลูกสิ่งใดก็จะเจริญงอกงาม และยังเชื่อกันอีกว่า เลือด ของ มังกร จีนนั้น เมื่อไหลออกจากตัวของมังกรจีนจะแทรกซึมเข้าไปในแผ่นดิน จีน และจะกลายสภาพเป็น อำพัน เมื่อมังกรลอกคราบจะทำให้เขาของมังกรเรืองแสงได้ มีพลังในตัวเป็นอย่างมากและส่องแสงสว่างในความมืด คล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องยาอายุวัฒนะของต้น โสม
คนจีนโบราณนับถือ มังกร เป็น เทพเจ้า เชื่อกันว่ามังกรนั้นชอบ นกนางแอ่น ย่าง ดังนั้นก่อนเดินทางข้าม น้ำ ข้าม ทะเล จึงต้องมีการพลีของถวายให้แก่มังกรเพื่อเป็นการเอาใจและขอให้เดินทางโดยปลอดภัย ตามความเชื่อของนักเดิน เรือ ในสมัยโบราณ ซึ่งว่ากันว่ามังกรนั้น หวาดกลัวใบ สน ไหม 5 สี ขี้ผึ้ง เหล็กและ ตะขาบ สำหรับ ไหม 5 สี นี้เป็นความเชื่อมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ ในการออกเดิน เรือ ใน ทะเล คนจีนจะใช้ไหม 5 สี ผูกที่หัวเรือเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากมังกร ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นความเชื่อเกี่ยวกับ แม่ย่านาง แทน แม่ย่านางของนักเดินเรือชาวจีนคืออมนุษย์เทพเจ้าองค์เล็ก ประจำท้องถิ่นในแต่ละแห่งที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการแต่งกายของแม่ย่านาง การผูกไหม 5 สีที่หัวเรือนี้ เป็นการเคารพ แม่ย่านาง หรือ เจ้าแม่ทับทิม (เทพยดาหม่าโจว) คือเทพธิดาในลัทธิเต๋า ที่นักเดินเรือทั้งหลายให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับนายพลเรือเจิ้งเห่อ หรือแต้ฮั้ว ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์หมิง ในยุคสมัยขององค์จักรพรรดิหย่งเล่อ
มังกรเป็นสัตว์เทพเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์ของจีนนั้น เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของชนชาติจีน ชาวจีนทั่วโลกต่างหยิ่งทะนงในการที่พวกตนสืบสายเลือดมาจากมังกร (Lung Tik Chuan Ren) ชาวจีนเชื่อว่ามังกรเป็นเทพเจ้าในตำนานที่จะนำมาซึ่งอายุยืนยาว ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภวาสนา และจากสัญลักษณ์ของกษัตริย์และอำนาจอันยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ ตำนานมังกรของจีนได้ซึมซาบเข้าไปในวิถีชีวิตของชาวจีนโบราณและกลายมาเป็นวัฒนธรรมของพวกเขาจนถึงทุกวันนี้ มันได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ความดีงาม และอำนาจบารมี
มังกรจีน (หลง) แสดงถึงพลังอำนาจและคุณงามความดี ความองอาจกล้าหาญ ความเป็นวีรบุรุษและความอุตสาหะพยายาม ความมีคุณธรรมอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ดุจดังเทพเจ้า มังกรจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคขวากหนามใดๆ จนกว่าจะทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ มันขยันขันแข็ง เด็ดขาด เฉลียวฉลาด มองโลกในแง่ดี และมีความทะเยอทะยาน ต่างจากพลังด้านมืดของมังกรตะวันตก มังกรตะวันออกส่วนใหญ่สวยงาม เป็นมิตร และชาญฉลาด พวกมันเป็นเทพเจ้าแห่งบูรพทิศ แทนที่จะถูกเกลียดชัง พวกมันกลับได้รับความรักและเคารพสักการะ วัดและศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาพวกมันในฐานะผู้ควบคุมฝน แม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร หลายเมืองในประเทศจีนมีเจดีย์ซึ่งผู้คนมาเผาเครื่องหอมเพื่ออ้อนวอนต่อมังกร ศาลเจ้ามังกรดำซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงจะปักกิ่งถูกสงวนไว้เฉพาะมเหสีของจักรพรรดิเท่านั้น
จะมีการบวงสรวงเป็นพิเศษที่นี่ทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน ศาลเจ้าและแท่นบูชามังกรยังคงมีให้เห็นตามชายฝั่งทะเลและริมฝั่งแม่น้ำในหลายๆ ส่วนของดินแดนตะวันออกไกล เพราะมังกรตะวันออกส่วยใหญ่อาศัยอยู่ในน้ำ โบสถ์กลางน้ำในญี่ปุ่นกลายมาเป็นแหล่งแวะพักที่ได้รับความนิยมของผู้แสวงบุญซึ่งสวดอ้อนวอนต่อมังกร ทั้งมังกรเพศผู้และเพศเมียเคยแต่งงานกับมนุษย์ และลูกหลานของพวกเขาก็กลายมาเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จักรพรรดิญี่ปุ่นที่ชื่อ ฮิโรฮิโตะ สืบสาวตระกูลของเขาย้อนหลังไปถึง 128 รุ่นซึ่งก็คือ เจ้าหญิง Fruitful Jewel ลูกสาวของราชามังกรแห่งท้องทะเลลึก จักรพรรดิของหลายประเทศในเอเชียอ้างว่าตนมีบรรพบุรุษเป็นมังกร ซึ่งก็ทำให้พวกเขามีความคิดที่ว่าทุกสิ่งที่พวกเขาใช้จะต้องประดับด้วยมังกร: บัลลังก์มังกร เสื้อคลุมมังกร เตียงมังกร เรือมังกร การถือว่าจักรพรรดิเป็นมังกรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ประชาชนเชื่อว่าประมุขสามารถทำให้คนเองกลายเป็นมังกรได้ เป็นเวลาหลายร้อยปีที่จักรพรรดิญี่ปุ่นจะนั่งม่านไม้ไผ่ที่ใช้เป็นเครื่องกำบังเมื่อมีผู้เข้าพบ และผู้ใดที่บังอาจแอบมองจะถูกประหาญชีวิต
ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมังกรตะวันออกล้วนให้ความสุขความเจริญ ในทุก 12 ปีจะมีปีมังกรซึ่งยังให้เกิดความโชคดี โหรตะวันออกในปัจจุบันอ้างว่าเด็กที่เกิดระหว่างปีมังกรจะมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว เคยมีมังกรที่ชาญฉลาดมาเป็นที่ปรึกษาให้กษัตริย์ สามร้อยปีที่ผ่านมา กษัตริย์กัมพูชาใช้เวลาตอนกลางคืนอยู่ในหอคอยทองที่ซึ่งเขาจะได้ขอความเห็นกับผู้ปกครองที่แท้จริงของแผ่นดินแห่งเก้ามังกร (Land of Nine-Headed Dragon) มังกรตะวันออกเชื่อในความคิดของตนมาก ถึงแม้ว่ามันจะสุขุม รอบรู้ มันจะรู้สึกว่าตนถูกดูถูกถ้าหากผู้ปกครองไม่ทำตามคำแนะนำของมันหรือประชาชนไม่คิดว่ามันสำคัญ มังกรจะหยุดสร้างฝนและทำให้แผ่นดินแห้งแล้ง หรือน้ำท่วม มังกรที่ตัวเล็กกว่าจะแกล้งทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ นานาอย่างหลังคารั่วหรือข้าวเหนียว ผู้คนจะจุดประทัดและถือมังกรกระดาษขนาดใหญ่ในขบวนแห่ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ และจัดการแข่งขันเรือมังกรในลำน้ำเพื่อทำให้มังกรของพวกเขาพอใจ
มังกรกลายมาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในรูปของเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ อย่างที่รู้จักกันดีคือ Sheng Chi มังกรผู้ยอมสละชีวิตและพลังของตนออกมาในรูปของฤดูกาล นำน้ำมาจากฝน ความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ สายลมจากทะเล และผืนดินจากโลก มังกรเป็นตัวแทนของพลังที่ยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ พลังอำนาจสูงสุดของโลก บางครั้งเราอาจพบมังกรจีนในรูปสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งการปกป้องและคุ้มครอง พวกมันถูกยกย่องให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวล พวกมันมีสามารถอาศัยอยู่ในทะเล บินขึ้นไปถึงสวรรค์ และขดตัวบนพื้นดินในรูปของภูเขา ในหมู่ของสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายทั้งหลาย มังกรสามารถปัดเป่าวิญญาณที่ชั่วร้าย ปกป้องผู้บริสุทธิ์และทำให้ผู้ที่ถือเครื่องหมายของพวกมันรอดพ้นจากพยันตรายต่างๆ นานาได้ มังกรจีนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แทนความโชคดีสูงสุด
[แก้] มังกรจีนกับปีนักษัตร
ความเชื่ออย่างแปลกประหลาดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ มังกร ของคนจีน คือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง หมู และม้า ซึ่งถือว่าสัตว์เหล่านี้เป็นเชื้อสายของ มังกร เช่นกัน คนจีนใช้มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์แทน ปีมะโรง ซึ่งจะแตกต่างกับคน ไทย ที่ใช้ พญานาค การผสมข้ามสายพันธุ์ของมังกรนั้น ลูกหลานของมังกรได้แก่ ม้ามังกรในวรรคดีไทยเรื่องพระอภัยมณีของไทยและเขมร ส่วนหมูและช้างนั้นภาคเหนือของประเทศไทยนั้น นับเป็นปีนักษัตรคือ ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน ทางภาคเหนือใช้ช้างแทนสัตว์สัญลักษณ์ปีกุน ซึ่งไม่ใช่หมู
สำหรับลาย นักษัตร นั้น จีน คือผู้ที่คิดค้นแรกเริ่มตั้งแต่ราว 2,700 ปีมาแล้ว หรือภายหลัง ราชวงศ์โจ ตะวันออก เล็กน้อย หลักฐานที่ยืนยันการคิดริเริ่มของ จีน ปรากฎอยู่บน แจกัน สำริด ที่จัดแสดงอย่างถาวรอยู่ใน พิพิธภัณฑ สถาน พระราชวัง แห่งชาติ ไทเป ประเทศไต้หวัน ภายในห้องแสดง สำริด โบราณ
[แก้] วงจรชีวิตของมังกรจีน
มังกรจีนมีวงจรการเกิด 4,000 ปี จึงจะเป็นมังกรเต็มวัย ไข่มังกรเป็นไข่ลักษณะอัญมณี จะถูกวางไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำและฝังไว้ลึกจนไม่ถูรบกวนโดยใครหรืออะไร ระยะเวลา 1,000 ปีต่อมาไข่จะฟักออกมาเป็นตัว ในระหว่างช่วงเวลา 500 ปีต่อมา ลูกมังกรนี้จะเรียกว่าไคอาส (Kias ,มังกรมีเกล็ด) ลูกมังกรจีนมีลักษณะเหมือนกับงูน้ำและหัวของปลาคาร์พผสมกัน และจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ขั้นนี้เรียกว่า ไคโอะ
ต่อมาเมื่อเวลา 1,000 ถัดไปลูกมังกรจีนจะถูกรู้จักในฐานะของ หล่ง (lung ,มังกรตามมาตรฐาน) รยางค์ และเกล็ดของมังกรเจริญขึ้นแล้ว ความยาวของเขาเพิ่มขึ้น และหน้ามีหนวดเครา 500 ปีต่อมา เป็นเวลาที่ใช้ในการงอกของเขา ตอนนี้มังกรสามารถได้ยินได้แล้ว และถูกรู้จักในฐานะของ ไคโอ หล่ง (Kioh-Lung ,มีเขา) 1,000 ปีต่อมาใช้ในการเจริญของปีกเขาจะถูกรู้จักในฐานะ ยิ่น หล่ง (มังกรมีปีก) และเป็นมังกรเต็มวัย
นิ้วของมังกรจีนในแต่ละเท้าจะมี 4 หรือ 5 นิ้ว ถ้ามี 4 นิ้วเป็นมังกรทั่วไป แต่ถ้ามี 5 นิ้ว เป็นมังกรหลวง ซึ่งในสมัยก่อนจะมีเฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น ที่สามารถใช้สิ่งของที่มีรูปมังกรหลวงประดับอยู่ถ้ามีใครอื่นใช้จะถูกประหาร น้ำลายจากมังกรจีนจะทำให้เกิดลูกหรงกลมวิเศษซึ่งเรียกว่า “ไข่มุกแห่งพลัง” , “ดวงจันทร์” และ “ไข่แห่งความอุดมสมบูรณ์” เมื่อเลือดของมังกรจีนซึมซาบเข้าไปในแผ่นดิน มันจะเปลี่ยนกลายเป็นอำพัน เมื่อมังกรลอกคราบเป็นเหตุให้เขาเรืองแสงอย่างน่าขนลุกในความมืด
มังกรจีนชอบกินนกนางแอ่นย่าง จึงมีการถวายให้ก่อนเดินทางข้ามน้ำ เพื่อที่จะเอาใจมังกรและเพื่อให้การเดินทางปลอดภัย ว่ากันว่ามังกรจีนกลัวใบของต้น แว่ง (wang) ,ใบของต้น ลีน (lien) ,ด้ายไหม 5 สี ,สีผึ้ง ,เหล็ก และตะขาบ ว่ากันว่าบางครั้งในยุคโบราณ มังกรจีนเพศผู้จะแต่งงานกับสัตว์ชนิดอื่น มังกรจะเป็นพ่อของช้างเมื่อแต่งงานกับหมู และเมื่อแต่งงานกับม้าจะได้ลูกเป็นม้าแข่ง การที่มังกรจีนจะนำฝนตกลงสู่พื้นดิน ขึ้นอยู่กับ “บุคคลสง่างามแห่งหยก” หรือจักรพรรดิหยก ผู้ซึ่งมังกรจะรับคำสั่งว่า จะส่งน้ำจากท้องฟ้าเท่าไร จากนั้นพวกมังกรจะต่อสู้กับตัวอื่นอย่างมุ่งร้ายในอากาศ ฝนจะตกลงมาในจังหวะที่มังกรม้วนตัว และชักดิ้นชักงอ
นอกจากนี้มังกรมีความสามารถที่จะอยู่ในทะเล บินขึ้นไปยังสวรรค์ และขดตัวบนพื้นในรูปของภูเขา มังกรจีนสามารถปัดเป่าวิญญาณพเนจรชั่วร้าย ปกป้องผู้บริสุทธิ์ และให้ความปลอดภัยกับทุกคนที่ถือสัญลักษณ์ของเขามังกรจีนเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจและคุณงามความดี ,ความองอาจและความกล้าหาญ ,ความเป็นวีรบุรุษและความอุตสาหะ และความสูงส่งและความศักดิ์สิทธิ์ และนอกจากนี้ มังกรจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความเป็นมงคล และความมั่งคั่งอีกด้วย
[แก้] ชนิดของมังกรจีน
คน จีน มีคติความเชื่อว่า มังกร ของจีนแต่สมัยโบราณนั้น สามารถแบ่งแยกออกเป็น 9 ชนิด มีการผูกลายกันอย่างมากมายหลากหลายชนิด ตั้งแต่พระราชวังที่ประทับของ ฮ่องเต้ วัด และเคหสถานของ ขุนนาง ชั้นผู้ใหญ่ ตลอดไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ มังกร จีนเป็น มังกร ที่มีศักดิ์ศรี มีการแบ่งชั้นวรรณะกันอย่าง
[แก้] มังกรสวนนิ
เป็น มังกร ที่ใช้สลักบน บัลลังก์ ขององค์พระประติมากรรม และใช้แทนฐานรูป สิงโต (ฐานสิงห์)
[แก้] มังกรเฉาฟง
เป็น มังกร ที่ใช้สลักบนสถาปัตยกรรมชายคา โบสถ์
[แก้] มังกรฟูเหลา
เป็น มังกร ที่ใช้ประดับบนยอด ระฆัง และ กลอง ซึ่งเป็นเครื่องเสียงที่ใช้สำหรับต่อสู้หรือใช้ในการประกอบพิธีการที่สำคัญ
[แก้] มังกรไยสู
เป็น มังกร ที่ใช้สลักบนฝัก ดาบ บนกระบัง ดาบ และบริเวณใบดาบ รวมทั้งใบ ง้าว
[แก้] มังกรฉีเหวิน
เป็น มังกร ที่ใช้ประดับบนชื่อ สะพาน เพราะมังกรฉีเหวินเป็นมังกร น้ำ และยังใช้สลักบนบริเวณหลังคาอาคารสถาปัตยกรรม เพื่อปัองกัน ไฟ อีกด้วย แต่บางครั้งก็จะย่อให้เหลือแต่ส่วนหางเท่านั้น จึงกลายเป็น ปลามังกร หาง ปลา
[แก้] มังกรปาเซียน
เป็น มังกร ที่ใช้สลักที่บริเวณส่วนล่างของสถาปัตยกรรม เชื่อกันว่ามังกรปาเซียนนั้นจะสามารถช่วยพยุงน้ำหนักได้ ซึ่งเหมือนกันคน ไทย ที่มักจะใช้ ยักษ์ และ คนแคระ ในการช่วยพยุงน้ำหนัก หรือบางครั้งก็จะใช้ สิงห์ แบกแทน
[แก้] มังกรฉิวนิว
เป็น มังกร ที่ใช้สลักบนลูกปิดของ "ซอ" เพราะ มังกร ฉิวนิวนั้นชอบฟังเพลง
[แก้] มังกรปิกัน
เป็น มังกร ที่ใช้สำหรับสลักบนประตู คุก เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทของเหล่านักโทษ มังกรปิกันเป็นมังกรที่รักในการใช้พละกำลัง เป็นการแสดงความดุร้าย ซึ่งนักเลงมักจะนิยมสักมังกรชนิดนี้ไว้ที่บริเวณแขน หน้าอกและบริเวณกลางหลัง บางคนก็สักไว้ที่หน้าขาและที่อื่น ๆ นักเลงพวกนี้มักจะสักมังกร "คุก" และเรียกขานกันว่า พวก ตั้วหลักเล้ง จะใช้เป็นสัญลักษณ์
[แก้] ลักษณะของมังกรจีน
ลักษณะของ มังกร จีนในงานด้านจิตกรรมประติมากรรมของ จีน ซึ่งใช้ในเวลาและโอกาสที่ต่างกัน คือ
- ลักษณะหัวของ มังกร คล้ายกัยหัวของ อูฐ
- ลักษณะหนวดของ มังกร คล้ายกับหนวดของ มนุษย์
- ลักษณะเขาของ มังกร คล้ายกับเขาของ กวาง
- ลักษณะตาของ มังกร คล้ายกับตา กระต่าย
- ลักษณะหูของ มังกร คล้ายกับหู วัว
- ลักษณะคอของ มังกร คล้ายกับคอ งู
- ลักษณะท้องของ มังกร คล้ายกับท้อง กบ
- ลักษณะเกล็ดของ มังกร คล้ายกับเกล็ด ปลามังกร
- ลักษณะกงเล็บของ มังกร คล้ายกับกงเล็บของ เหยี่ยว
- ลักษณะฝ่าเท้าของ มังกร คล้ายกับฝ่าเท้าของ เสือ
ลักษณะของ มังกร จีน สัญลักษณ์แห่ง เทพเจ้า ที่ จีน ให้ความเคารพนับถือ มีความแตกต่างกันตามคติความเชื่อถือและการประดิษฐ์ของช่าง คำว่า หลง ใน ภาษาจีนกลาง หมายถึงมังกรที่มีลักษณะดังนี้ ชัดเจน มีกาลเทศะและวาสนาแตกต่างกันไปตามความเชื่อของคตินิยมแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งว่ากันว่า มังกร ของ จีน นั้นมี 9 ท่า 9 สี ดังนี้ มังกรจีนมีเก้าชนิดใหญ่ๆคือ
- มังกรมีเขา หรือหลง เป็นลักษณะของ มังกร ที่มีเขาเหมือนกับ กวางดาว ซึ่งคน ญี่ปุ่น ถือว่า กวาง เป็นสัตว์ที่มาจากฟากฟ้าแดนสวรรค์ มีอำนาจมากที่สุดสามารถทำให้เกิดฝนได้ และหูหนวกโดยสิ้นเชิง อินเดียนแดง ถือว่า กวาง เป็นสัตว์ที่เป็นอมตะนิรันด์กาล แต่คน ไทย กลับนิยมกินเนื้อ กวาง ซึ่งจะชำแหละเนื้อไว้กินและหนังจะส่งขายให้กับ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปทำเป็นซับในของเสื้อ เกราะญี่ปุ่น ซึ่งหนัง กวาง นั้นเป็นสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญของ ไทย มาตั้งแต่ในสมัย กรุงศรีอยุธยา
- มังกรมีปีก หรือหว่านซี่ฟ่าน เป็น มังกร ฝรั่งที่สามารถพ่น ไฟ ได้ คนฝรั่งนิยมที่จะนำ มังกร มีปีกนี้มาประกอบฉากเป็นพาหนะของผู้ร้ายหรือเป็นตัวแทนของมังกรที่ดุร้าย แต่ในสมัย ราชวงศ์หมิง คน จีน นำ มังกร ชนิดนี้มาทำเป็นลวดลายบนถ้วยข้าวต้ม
- มังกรสวรรค์ หรือเทียนหลง มีชื่อเรียกว่า มังกรฟ้า เป็น มังกร ในหาดสวรรค์ บางครั้งก็จะเป็นพาหนะของ เทพเจ้า เทวาใน ลัทธิเต๋า คน จีน มีความเชื่อกันว่า มังกรเทียนหลงนี้เป็น มังกร ที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของ เทพเจ้า บนสรวงสรรค์ และเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของ ฮ่องเต้ อีกด้วย
- มังกรวิญญาณเฉียนหลง หรือหลีเฉี่ยวหลง เป็น มังกร ที่บันดาลให้เกิด ลม ฝน เพื่อประโยชน์ต่อการเกษตรและมนุษยชาติของชาว จีน แต่โบราณ มังกรหลีเฉี่ยวหลงนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของจักรราศีอีกด้วย
- มังกรเฝ้าทรัพย์ หรือฟูแซง เป็น มังกร บาดาล มังกรฟูแซงนี้น่าจะเป็นคติของอินตู้หรือ อินเดีย มากกว่าของ จีน ซึ่งชาว กรีก โบราณเองก็มีความเชื่อกันในเรื่อง "มังกรบาดาล" เช่นกัน ความเชื่อเกี่ยวกับมังกรบาดาลนี้เป็นความเชื่อและคติที่เก่าแก่มาก
- มังกรขด ไม่มีฝอย เป็น มังกร "หด" ธรรมดา
- มังกรเหลือง เป็น มังกร เจ้าปัญญา ทำหน้าที่คอยหาข้อมูลให้กับ จักรพรรดิ ฟูใฉ่ที่เป็น ตำนาน
- มังกรบ้าน หรือลี่หลง เป็น มังกร ที่อาศัยอยู่ใน มหาสมุทร และใน ทะเล บางตำนานเรียกว่า ไซโอ๊ะ มีเกล็ดปกคลุมทั่วทั้งตัว มักอาศัยอยู่ในหนองน้ำใกล้ ๆ กับถ้ำที่มีอากาศอับชื้น
- พญามังกร คือมังกร 4 ตัว ซึ่งปกครองอยู่เหนือทะเลทั้งสี่ คือทะเล ตะวันออก(ตัง) ,ใต้(น่ำ) ,ตะวันตก(ไซ) และเหนือ(ปัก) พญามังกรอาศัยอยู่ในปราสาทมหาสมุทรหรูหรา(วังใต้ทะเล) และกินไข่มุกเจียงตู หรือไข่มุก และโอปอล เป็นอาหาร และพญามังกรทั้งสี่ตัวเป็นพี่น้องกัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่ามังกร 4 ตัวนี้มีผู้ควบคุมชื่อ ฉิน แท็ง (Chien-Tang) เป็นมังกรที่มีสีแดงเลือด มีแผงคอเป็นไฟ และยาว 900 ฟุต
มีการบรรจุคำว่า มังกร ลงใน พจนานุกรม ของ ประเทศจีน มีความหมายว่า " มังกร เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด มีลักษณะหัวคล้ายหัว อูฐ มีเขาคล้ายเขา กวาง ดวงตาคล้ายกับดวงตาของ กระต่ายป่า หูของมันคล้ายหู วัว ปีกของมันคล้าย นกอินทรี มีลำคอยาวคล้าย งู ช่วงท้องมีลักษณะคล้าย กบ รูปร่างของมันคล้ายกับ ปลาตัวใหญ่ เท้าคล้ายกับเท้า เสือ เสียงของมันคล้ายเสียงตี ฆ้อง เมื่อมันหายใจ ลมหายใจของมันมีลักณะคล้าย เมฆ ซึ่งบางครั้งก็ออกมาเป็น ฝน บางครั้งก็เป็นเปลวไฟ"