อมรเทพ กลิ่นสุคนธ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย |
อาจารย์ เภสัชกร ดร.อมรเทพ กลิ่นสุคนธ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย โดยมีเรื่องเล่ากันว่า ในวันที่ ท่านอาจารย์ เภสัชกร ดร.อมรเทพ กลิ่นสุคนธ์ เกิดนั้น เป็นวันเดียวกันกับวันไหว้เจ้าของคนจีน ( สาร์ทจีน )ไม่ใช่วันตรุษจีนใหญ่ คุณแม่ท่านเล่าว่า วันที่คลอด อาจารย์ เภสัชกร ดร.อมรเทพ กลิ่นสุคนธ์ เป็นเวลาประมาณ 9.33 นาฬิกา ซึ่งคุณยายสุย กลิ่นสุคนธ์ ซึ่งท่านมีเชื้อสายชาวจีน นำของไหว้เจ้ามาฝากคุณแม่ หลังไหว้เจ้าเสร็จแล้ว ท่านจำได้เท่านั้นก็มาเล่าต่อให้ลูกๆ ทุกคนฟัง ก็เป็นที่เลื่องลือกันว่า ท่านคงเดินทางมาเกิดจากสวรรค์ เพราะเกิดในวันที่เขาไหว้เจ้ากันพอดี ตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณนั้นๆ และให้หมอดูผูกดวงก็ได้ทายทัก ว่ามาจากสวรรค์ ต่อไปจะต้องเป็นผู้ที่ดำรงความยุติธรรม อาจจะต้องเป็นผู้ให้ความยุติธรรม ซึ่งในสมัยนั้นคงหมายถึงการเป็นนักกฏหมาย ทนายความ แต่ก็แปลกที่ท่านอาจารย์ฯ เพิ่งคิดอยากจะมาศึกษาทางนิติศาสตร์ เอาเมื่อ อายุ ประมาณ 39 ปี เพราะรู้สึกว่าตนเองขาดความรู้เรื่องกฏหมาย บ้านเมืองเหลือเกิน ทำอะไรหรือเกิดอะไรในบ้านเมืองก็ไม่เข้าใจ รู้อย่างเดียวว่าทำไมคนไทยจึงไม่มีความเท่าเทียมกันตามหลักรัฐธรรมนูญ ตามที่ท่านศึกษามา แต่มาสนใจเอาจริงๆจังๆเมื่อท่านทำการวิจัยเชิงคุณภาพ กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ หลังจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ทางด้าน เภสัชเคมี พืชพรรณธรรมชาติจาก ประเทศอังกฤษแล้ว และ ได้รับดุษฎีบัณฑิต กิติมศักดิ์ ทางด้านบริหารธุรกิจ ทางการตลาดระหว่างประเทศและการจัดการความเป็นผู้นำ มาแล้ว ซึ่งท่านก็มีความตั้งใจเหลือเกินในการศึกษาศาสตร์ ต่างๆ เท่าที่ทราบก็หลายแขนงหลายสาขา เพราะหนังสือ ที่ท่านอ่านมันหลากหลายเต็มบ้าน ที่ทำงาน ที่พัก มีทุกเรื่อง ทั้งวิทยาศาตร์ แขนงต่างๆ การบริหารธุรกิจ กฎหมาย การทำธุรกิจทั้งภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษ ถือว่าท่านเป็นผู้รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ จน พี่น้อง และ คุณแม่ ต้องคอยแอบเอาหนังสือที่เก่าเก็บไปขายเสียบ้างเพราะ มันมีจำนวนมากมายก่ายกองไปหมด และ เท่าที่ลองเปิดอ่านดูหลายเล่มก็อ่านยากอ่านเย็นเข้าใจยากเหลือเกิน ท่านก็อ่านอยู่ได้จนจบ
อาจารย์ เภสัชกร ดร. อมรเทพ กลิ่นสุคนธ์ ในสมัยเด็ก มีชื่อเล่นว่า "ไก่" เพราะ คุณแม่เล่าว่า คุณพ่อชอบเลี้ยงไก่ชนมาก จึงตั้งชื่อลูกชายคนแรกว่า "ไก่" บิดาของท่านชื่อ นาย อำพล กลิ่นสุคนธ์ มีเชื้อสาย ไทย-จีน จากชาวจังหวัดอยุธยา สมรสกับ มาดาของท่านชื่อ นาง สว่าง กลิ่นสุคนธ์ มีเชื้อสายครึ่ง ไทย-ลาว และท่านเป็นบุตรชายคนโต ในจำนวนพี่น้องทั้งสิ้น 4 คน -นายอนุวัฒ กลิ่นสุคนธ์, นางสาวจุธามาศ กลิ่นสุคนธ์,และ นางสาวอัมพวัน กลิ่นสุคนธ์ ตัวข้าพเจ้าฯ เองซึ่งเป็นน้องสาวคนสุดท้อง
ตระกูล "กลิ่นสุคนธ์" สืบทราบว่าย้ายถิ่นฐานที่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในสมัยที่กรุงศรีอยุธาเสื่อมอำนาจลง โดยมิได้เป็นเมืองหลวงอีกต่อไป และเมื่อ ราชวงศ์พลูหลวง ได้ย้ายราชธานีมาตั้งที่ กรุงเทพมหานครฯ จนกระทั่งปัจจุบัน ตระกูล "กลิ่นสุคนธ์" ก็ได้แยกย้ายออกไปทำมาหากินในจังหวัดต่างๆ ทางภาคกลางเกือบทั่วไป เนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในช่วงนั้นก็เสื่อมโทรมเต็มที ส่วนหนึ่งของตระกูล"กลิ่นสุคนธ์" ก็ได้ย้ายกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ บุญมาก กลิ่นสุคนธ์ ซึ่งได้เสียชีวิตแล้ว โดยท่านได้ สมรสกับ นางสุย กลิ่นสุคนธ์ ( เดิมเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว ) มาที่อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี และมีการจับจองที่ดินอยู่จำนวนมากเนื่องจากในสมัยก่อนราคาที่ดินราคาถูกในบริเวณพื้นที่ อำเภอแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา ตำบลบางพระ ( ตั้งแต่ตลาดบางพระ จรด เขตหนองมน ) เขาไม้แก้ว และ อำเภอสัตหีบ ในเขตจังหวัดชลบุรี ญาติพี่น้องในตระกูล"กลิ่นสุคนธ์" ที่มาตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ส่วนใหญ่ทำมาค้าขายแข่งขันกับคนจีนในพื้นที่ โดยเฉพาะการค้าขายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากทะเลจากลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดชลบุรี นามสกุล "กลิ่นสุคนธ์"นี้ เป็น 1 ใน 50 ตระกูลผู้ร่ำรวยและมีชื่อเสียงมากที่สุดตระกูลหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งได้มีการจัดอันดับเมื่อประมาณปี 2518-9 และนอกจากนี้ยังสนับสนุนและให้ทุนการศึกษากับนักเรียนมาตลอด มีโรงเรียนในการส่งเสิรมและช่วยเหลือจาก ตระกูล "กลิ่นสุคนธ์" ในเขตจังหวัด ปทุมธานี ชื่อ "โรงเรียน กลิ่นสุคนธ์" นามสกุลนี้ ต้นตระกูลเล่าว่าได้ชื่อนามสกุลมาจาก บทกลอนที่ กวีเอกสุนทรภู่ ได้แต่งกลอนด้วยความอาลัยในสมัยที่สิ้นรัชกาลที่ 2 ( ทรงเสด็จสวรรคต )ดังข้อมูลนี้
"สุนทรภู่คร่ำครวญถึงรัชกาลที่ 2 ซึ่งสวรรคตแล้ว เป็นเหตุให้สุนทรภู่ต้องตกระกำลำบาก เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของรัชกาลที่3 ต้องระเห็ดเตร็ดเตร่ไปอาศัยในที่ต่างๆขณะล่อง เรือผ่านพระราชวัง สุนทรภู่ซึ่งรำลึกความหลังก็คร่ำครวญอาลัยถึงอดีตที่เคยรุ่งเรืองจาก "นิราศภูเขาทอง"
[[[[เคยหมอบใกล้ได้ กลิ่นสุคนธ์ ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือน กลิ่นสุคนธ์ ]]]] (พระสุนทรโวหาร(ภู่))"
แสดงว่า นามสกุล "กลิ่นสุคนธ์" นั้นสืบทอดมาแต่โบราณกาล ก่อนรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี จะทรงครองสิริราชย์สมบัติ
[แก้] ประวัติการศึกษา
1. จบมัธยมศึกษาตอนปลายเกียรตินิยมสูงสุดของระดับมัธยมปลาย ปี พ.ศ.2528 จากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยบูรพา "เดิมชื่อ สาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" แห่งมหาวิทยาลยศรีนครินทร์วิโรฒ วิยาเขตบางแสน จ.ชลบุรี"
2. ได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ ชนบท และ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกียวโต ด้วยทุก "ยามิโมโต้" แต่สละสิทธิ์เนื่องจากปัญหา"กลัวเลือดและแพ้กลิ่นเลือกยากมาก" จึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับส่วนกลางพร้อมกับนักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศไทย และสอบเข้าได้คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาเชียงใหม่ และจบการศึกษาเภสัชศาสตร์บัณฑิต ในปี 2533
3. เข้าอบรมเพื่อประกาศนีบัตรผู้เชี่ยวชาญอาหารเสริมจาก สถาบันอบรมผู้เชี่ยวชาญอาหารเสริมของ General Nutrition Center ( GNC Store ) Training Department ซึ่งเป็นผลิตภัณท์เสริมอาหารอันดับหนึ่งของโลกในปี 2540 มีจำนวนสาขาทั่วโลกในเวลานั้นเกือบ 5,000 สาขา ที่มลรัฐจอเจียร์ สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 3 เดือน จนได้ประกาศผู้มีความเชี่ยวชาญและกลับมาประเทศไทยเพื่อเป็นผู้บริหารระดับสูงให้กับ GNC ( Thailand ) พร้อมเขียนตำราเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพร แพทย์ทางเลือก จำนวนทั้งสิ้น 22 เล่ม ซึ่งปัจจุบันใช้อยู่ในทุกมหาวิทยาลัยและห้องสมุดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและบาเพื่อเป็นหนังสืออ้างอิงที่สำคัญ
4. เข้าศึกษา Core Course คณะพาณิชยศาสตร์การบัญชีฯ บริหารธุรกิจ ปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 เทอมแล้วโอนหน่วยกิจไปศึกษาที่ University of Las Vegas, ULV, Nevada, USA จบ Mini MBA Honor-Gerneral Management
5. เข้าศึกษา Core Cours ระดับปริญญาโท-เอก ภาควิชาเภสัชเวท คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย จากนั้น Accredited หน่วยกิตทั้งหมด ไปทำการวิจัยที่ Taxas State University โดยขอเสนอวิทยานิพนธ์เพื่อการทำการวิจัยในหัวข้อเรื่อง Magic Bullet ที่ต่อยอดจากของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลเดิม โดยท่านได้ศึกษาถึงความจำเพาะเจาะจงต่อตัวเชื้อไวรัส ( HIV I ) ที่เป็นปัญหาต่อผู้เอดส์ และยังสร้าง Concept ของการพลิกแนวคิดว่า ให้จับตัวเชื้อ ไวรัส ในช่วง หลังจากที่เพิ่มจำนวนจาก นิวเคลียสของเซลล์ที่ถูก Attack แล้ว และหลังจาก Envelop ของ HIV I Virus กำลัง Fuse กับ Cell Membrane ของ Host เพิ่อออกมานอกเซลล์ และกำลังจะเข้าทำลายเซลล์อื่นๆต่อไป โดยให้ดักจับ Virus ไว่ก่อนที่จะไป Attack เซลล์อื่นฯ และเมื่อจับแล้วก็ปล่อย Magic Bullet ที่จำเพาะเจาะจงที่พัฒนาจากธรรมชาติ "ไลเคน" ที่สามารถสร้าง สารเคมีที่มีลักษณะคล้าย Interferon ให้เป็น Magic Bullet ที่ Specific ต่อกรงที่กัก Virus เอาไว้ ก็น่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องของการก่อกลายพันธ์อย่างรวดเร็วของเชื้อ HIV I Virus ได้ ( แต่ยังทำการศึกษาทดสอบไม่ครบจนจบเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ) ได้แต่ Concept ที่เป็นไปได้ และสอบผ่านการประมวลความรู้โดยศาสตราจารย์ จากประเทศอังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา ได้รับเกียรตินิยมสูงสุดเหรียญทองระดับ summa cum luade ~ Beta-Kappa Level และได้รับปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี ( ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ) PhD Pharmaceutical Chemistry
6. รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีฯ มหาวิทยาลัย เฟลตั่น ( Felton University ) เมือง Delaware, USA จากผลการวิจัย พฤติกรรม คนไทยกับปัจจัยแวดล้อมทางเศรษกิจ สังคม และ พื้นฐานวัฒนธรรมของแต่ละภาคในประเทศไทย และ ทำการสอบสัมภาณณ์หรือ Defend Thesis ปากเปล่า Online กว่า 3 ครั้งๆละ กว่า 3 ชั่วโมง พร้อมข้อมูลวิทยานิพนธ์ที่วิเคราะห์ผล ทุกด้าน ซึ่งก็ได้รับเสนอชื่อให้ได้รับปริญญาดังกล่าวตามความคิดสร้างสรรค์และข้อเสนอแนะแนวทางในการทำงานกับคนไทยเพื่อพัฒนาคนไทยต่อไปที่พบว่า รากเหง้าของปัญญาทั้งปวงมาจาก พื้นเพความเชื่อที่มีผลต่อเนื่องมาจาก รากฐานความเชื่อของศาสนาพราหมน์ ผสม หลักธรรมของศาสนาพุทธ และ รากฐานการการศึกษาและการทำงานของคนไทยที่เกี่ยวพันกันกับวัฒนธรรมอันซับซ้อนที่คนไทยแสดงออกในแง่ของ"การทดแทน"บุญคุณ และความเชื่อถือในสิ่งสมมุติที่เล่าสืบต่อกันมา
7. สอบใบประกอบโรคศิลหรือ Pharmacist License ของสหรัฐอเมริกา
8. เข้าศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
9. ตั้งใจเข้าศึกษาและทำการวิจัยในสถาบันอนูพันธุวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล แต่ไม่ได้รับอนุญาต เลยต้องเข้าศึกษาเพื่อปริญญาโทตัวที่ 3 คณะเภสัชศาสตร์ ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย แต่คิดว่าไม่สามารถให้เวลาได้เต็มที่จึงขอลาออกเนื่องจากต้องรับผิดชอบโครงการร่วมจากยุโรปและอเมริกา จำนวนมาก เกี่ยวกับการเปิดสถาบันการศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ระดับสูงในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
10. ได้เป็นบุคลที่ได้รับการส่งเสริมจาก สำนักนายกรัฐมนตรีฯให้เป็นผู้ถือนวัตกรรมทางการตลาดที่เรียกว่า 369SPINING และ USACS SPININ ในรูปของลิขสิทธิ์ทางปัญญาชนิดความลับทางการค้า
11. ปัจจุบัน ดำรงค์ตำแหน่ง ประธากรรมการ บริษัท ริชพาวเวอร์ อีคอมเมอร์ซ จำกัด ( http://www.369rich.com ) บริษัท เอ็นพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล ฟาร์มาซูติก้า จำกัด ( http://www.NPCipstore.com ) และ บริษัท เคแอลเอ็มที พร๊อพเพอตี้ฟอร์พรอสเปอริตี้ จำกัด ( http://www.KLMT-BK.com )
12. ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเพื่อความมั่งคั่ง Private Wealth Consultant กับกลุ่มผู้มั่งคั่ง และบริหารจัดการโครงการให้กับผู้นำหลายประเทศ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของประเทศไทย เช่น จีน เขมร พม่า และ ลาว
13. ผู้ถือลิขสิทธิ์ ครีมสมุนไพรหน้าเด้งลิขสิทธิ์ทางปัญญา TAMArena และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร SPILENE และอีกมากมาย
14. ผู้ถือ IQ Certificate of United Kingdom ; 140-150 ตามมาตรฐานของประเทศอังกฤษ และจัดเป็นบุคคลที่มี EQ สูงในเรื่องของการจัดการกับสิ่งต่างรอบตัว
โครงการต่อเนื่องเริ่มปี 2550 คือ 1. ให้ทุนการศึกษาแบบให้เปล่าเพื่อฝึกนักเรียนไทย ในระดับมัธยมปลาย เพื่อให้เป็นเลิศทางปัญญาโดย ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนตลอด 4 ปีการศึกษา โดยเงินกองทุนจากประเทศอังกฤษ ในปีที่ คณะกรรมการปฏิรูปการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ( คปค )ที่นำโดย พณฯ ท่าน พลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ ด้วยความสนับสนุนด้วยความรักชาติจาก พณฯท่าน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องค์มาตรีและรัฐบุรุษ ในปี พ.ศ.2549-2550 จำนวน 150 ทุนกันนักเรียน ต่างจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล
2. โครงงานการสร้างศูนย์วิจัย ทางวิทยาศาสตร์ บริสุทธ์ ที่ดีที่สุด และ ทางการแพทย์ทาวเลือก สมุนไพร เพื่อเป้าหมายการผลิตเป็นสินค้าเพื่อการส่งออกไปทั่วโลก
3. โครงการจัดตั้ง โรงเรียน วิทยาลัย และ มหาวิทยาลัย โดยกองทุนการศึกษาจากประเทศอังกฤษ เพื่อความเป็นเลิศจากปัญญาของเด็กไทยในยุคต่อๆไป เพื่อเตรียมพร้อมกับการแข่งัขนในเวทีการค้าโลกได้อย่างแท้จริง
4. โครงการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการใชประโยชน์ จากเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และ ระบบ Internet หรือ E-Commerce เพื่อเตรียมพื้นฐานความรู้ที่จะมาจากทั่วโลก แลเพิ่มเป็นการทำรายได้เฉกเช่นเดียวกัยประเทศที่พัฒนาแล้ว
5. โครงการวิจัยและพัฒนา ระบบสมองกล คอมพิวเตอร์ และ อื่นๆ