มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สถานีย่อย:ประเทศไทย
บทความนี้ต้องการตรวจสอบและยังไม่สมบูรณ์
บทความนี้ ต้องการการตรวจสอบหรือแก้ไขบางส่วน ซึ่งไม่แน่ใจหรือไม่ทราบในสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้

มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา (อังกฤษ: Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University )

มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยา


ชื่อ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
ชื่อ (อังกฤษ) Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University (ARU)
ก่อตั้ง พ.ศ. 2448
ประเภทสถาบัน มหาวิทยาลัยรัฐ
อธิการบดี ผศ. สุวิทย์ เทียรทอง
คำขวัญ สิกขากาโม ภวํ โหติ
สีประจำสถาบัน เหลือง-แดง
ที่ตั้ง/วิทยาเขต 96 ถนนโรจนะ ต. ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
เว็บไซต์ www.aru.ac.th

สารบัญ

[แก้] ประวัติ

คณะครุศาสตร์พัฒนาต่อเนื่องมาจากโรงเรียนฝึกหัดครู และคณะวิชาครุศาสตร์ วิทยาลัยพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาสาขาวิชาการศึกษาตามหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต(ค.บ.) 4 ปี และ 2 ปี(หลังอนุปริญญา) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 และต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538 เป็นผลให้วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา เป็นสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา โดยมี “คณะครุศาสตร์” ซึ่งยังคงมีบทบาทหลักในการจัดการศึกษาสาขาวิชาการศึกษาในโปรแกรมวิชาต่างๆ และดำเนินการเรื่อยมา จนถึง พ.ศ. 2547 ได้มีการตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ขึ้น

ประวัติมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

โรงเรียนฝึกหัดครูที่หลังวังฯ คือการตั้งต้นชีวิตวิทยาลัย ( ครูพระนครศรีอยุธยา ) ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( พ . ศ . 2411-2453) ได้มีการปฏิรูปการศึกษาขึ้น การจัดการศึกษาสมัยนี้ แตกต่างไปจากเดิมเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนตามแบบตะวันตก มีโรงเรียน ครู หลักสูตร แบบเรียน อันเป็น รากฐานของการศึกษาสมัยใหม่ของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2430 ได้ก่อตั้งกรมศึกษาธิการ โรงเรียนที่มีอยู่ สมัยนั้นก็ขึ้นกับกรมศึกษาธิการทั้งสิ้น และอีก 2 ปีต่อมา คือ พ.ศ. 2432 ได้ตั้งกระทรวงธรรมการขึ้นเพื่อรับผิดชอบใน การจัด การศึกษาโดยตรง การฝึกหัดครูของไทยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ . ศ . 2435 ซึ่งขณะนั้นการจัดการฝึกหัดครูเป็นหน้าที่ของกรมศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครูแห่งแรกตั้งขึ้นที่บริเวณโรงเลี้ยงเด็ก สะพานดำ พระนคร เรียกว่า " โรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์ " สอนระดับประโยคประถม กำหนดเวลาเรียน 2 ปี ในปีแรกมีนักเรียนเพียง 3 คน ปีต่อมานักเรียนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงย้ายมาอยู่ที่ตึกแม้นนฤมิตร วัดเทพศิริน ทราวาส เมื่อปี พ . ศ . 2445 เรียกว่า " โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์เทพศิรินทร์ " ปี พ . ศ . 2446 ได้ขยายหลักสูตรให้สูงขึ้นถึงขั้นฝึกหัดครูมัธยม

     ในปี พ . ศ . 2446 กระทรวงธรรมการ ได้ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูขึ้นอีก แห่งหนึ่งที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยา เรียกว่า " 

โรงเรียนฝึกหัดครู ฝั่งตะวันตก " สอนตามหลักสูตรครูมูล รับนักเรียนหัวเมืองเข้าศึกษา เพื่อมุ่งหมายให้ออกไปเป็นครูตามหัวเมือง เพื่อเป็นการสะดวกแก่การที่จะขยายการศึกษาให้แพร่หลายต่อไป กระทรวงธรรมการจึงได้ดำเนินการ จัดตั้งการฝึกหัดครูในหัวเมืองขึ้นในบางมณฑลด้วย การฝึกหัดครู ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ก่อกำเนิดขึ้นในขณะที่ยังเป็นมณฑล กรุงเก่าในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มดำเนินการด้วยการตั้งเป็นโรงเรียน ชื่อว่า " โรงเรียน ฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า " เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ . ศ . 2448 ตั้งอยู่ที่หลังพระราชวังจันทรเกษม จัดสอนวิชาสามัญ อนุโลมตามหลักสูตรมัธยมศึกษา 1-2-3 แต่เพิ่มวิชาครู โดยการคัดเลือกนักเรียนตามหัวเมืองในมณฑลมาฝึกหัดเป็นครู เพื่อส่งไปโรงเรียนต่างๆ ในมณฑล ( หัวเมืองในมณฑลกรุงเก่า คือ กรุงเก่า อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี สิงห์บุรี ) จนถึงปี พ . ศ . 2458 การฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า จึงเปลี่ยนแปลงระเบียบการใหม่ ตามระเบียบการฝึกหัดครูมูลหัวเมืองของกระทรวงธรรมการ การฝึกหัดครูมูล ได้ดำเนินการติดต่อกันมาจนถึงปี พ . ศ .2475 จึงยุบเลิกไปรวมเวลาที่โรงเรียนเปิดสอนหลักสูตรครูมูล ( ครู ป .) อยู่ประมาณ 27-28 ปี การก่อตั้งการฝึกหัดครูมณฑลกรุงเก่าได้รับเกียรติประวัติสูงสมฐานะ ของมณฑลเป็นที่สนใจของผู้ใหญ่ทุกชั้น อาทิ

     - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน พระราชทรัพย์จำนวน 30 , 000 บาท 

ให้กระทรวงธรรมการก่อสร้าง โรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า

โรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า

- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย ทรงให้การสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียนให้เป็นที่เรียบร้อยราบรื่น

- เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ( ม . ร . ว . เปีย มาลากุล ) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ในครั้งนั้นยังเป็นพระยาวิสุทธิ์สุริยศักดิ์ อธิบดีกรมศึกษาธิการเห็นว่า

" การใหญ่สำคัญของกรมศึกษาธิการก็คือ การฝึกหัดครูให้ดีแล้ว เป็นทางจริงๆ ที่จะให้การศึกษาเล่าเรียนในบ้านเมืองดำเนินสู่ทางเจริญ เพราะฉะนั้นในการที่จะสร้างและตั้งโรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์จึงเป็นการสำคัญของกรมศึกษาธิการที่จะทำ "

     ท่านผู้นี้ได้มาตรวจดูสถานที่ ที่จะสร้างโรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่าแล้วตัดสินใจว่าจ้างสถาปนิก 

ชาวอิตาลีให้สร้าง โรงเรียนเป็นเงิน 30 , 000 บาท ก่อนได้รับอนุญาตจากกระทรวงธรรมการและกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เป็นเหตุให้เกิดการขุ่นเคืองถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เพราะทำผิดแบบอย่าง ราชการ แต่เนื่องจากเป็นผู้ที่ทรงชอบพอรักใคร่และทรงเห็นในเจตนาที่ดีมิใช่ทำเพื่อ " อาณาประโยชน์ของตน " จึงพระราชทาน อภัยโทษให้ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชทรัพย์จำนวน 30 , 000 บาท ให้กระทรวงธรรมการ ก่อสร้างโรงเรียน

โรงเรียนนี้ได้บรรลุถึงซึ่งความเจริญเกิดประโยชน์ต่อการศึกษาของชาติมาจนถึงปัจจุบัน

     นอกจากโรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า ที่หลังพระราชวัง จันทรเกษมแล้ว ในปี พ . ศ . 2467 

มณฑลกรุงเก่ายังได้จัดตั้ง โรงเรียนฝึกหัดครูมูลกสิกรรมขึ้น ที่ตำหนักเพนียดอีกแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ เป็นนโยบาย กระทรวงธรรมการที่ให้ทุกมณฑลตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมเพื่อฝึกหัดครูกสิกรรมสอนวิชาวิสามัญ ( ให้เรียนวิชากสิกรรม ) ในชั้นประถมปีที่ 4 และชั้นประถมปีที่ 5 เพราะถ้า เอาครูมูลสามัญไปสอนก็เท่ากับเอาเป็ดขัน

     การฝึกหัดครูกสิกรรมกับการฝึกหัดครูมูลสามัญ 

เป็นการฝึกหัดครูในระดับเดียวกันการแยกกันเรียนคนละแห่งนั้นเนื่องจากการฝึกหัดครูมูลกสิกรรม จำเป็นต้อง มีสถานที่สำหรับฝึกหัด ทำการกสิกรรมด้วยซึ่งบริเวณหลังพระราชวังจันทรเกษมไม่มี สถานที่พอ และไม่เหมาะสมที่จะจัดการกสิกรรมอีกทั้งยังจอแจ แออัดด้วยนักเรียนชั้นประถม นักเรียนชั้นมัธยมที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นในปี พ . ศ . 2475 จึงได้ยุบเลิกแผนกฝึกหัดครูมูลสามัญ ที่โรงเรียนตัวอย่างมณฑลกรุงเก่า ( โรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า ) การฝึกหัดครูจึงรวมอยู่ในโรงเรียนฝึกหัดครูมูลตำหนักเพนียดแห่งเดียว

โรงเรียนฝึกหัดครูมูลกสิกรรม ที่เพนียดคล้องช้าง

พัฒนาการ " สร้างความเป็นครู " จากโรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า สู่สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

ก . สถานภาพของโรงเรียนฝึกหัดครูมูลตำหนักเพนียดภายหลังการยุบเลิกมณฑล พ . ศ . 2476 ทางราชการ ได้ยุบเลิกมณฑลต่างๆ โรงเรียนฝึกหัดครูมูลตำหนักเพนียดจึงมีฐานะ เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูมูลประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้ชื่อโรงเรียน ว่า โรงเรียนฝึกหัดครูมูลฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงสอนตามหลักสูตรครูมูลกสิกรรม พ . ศ . 2467 ตามเดิม

ข . การย้ายสถานที่ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูมูล ฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัดและการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

พ . ศ . 2479 ทางราชการเห็นสมควรให้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดครูมูล ฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดจากตำหนักเพนียด ไปอยู่ในกรมทหาร หัวแหลม เพราะมีอาคารว่างอยู่เป็นจำนวนมาก และมีบริเวณกว้างขวาง เหมาะในการฝึกหัดทำการกสิกรรม โดยแยกเป็นสองโรงเรียนคือ โรงเรียน ฝึกหัดครูชายและโรงเรียนฝึกหัดครูสตรี และให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็น โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโรงเรียน ฝึกหัดครูสตรีประกาศนียบัตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดทำการสอน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ . ศ . 2479 และมีการเปลี่ยนแปลงระเบียบการฝึกหัดครูใหม่ดังนี้

1. โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรประเภท ข ( กินนอนประจำ ) แผนกเกษตรกรรม

2. รับนักเรียนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาบริบูรณ์ เข้าเรียนต่ออีก 2 ปี เมื่อสอบไล่ได้ชั้นปีที่ 2 แล้วจะได้รับประกาศนียบัตรจังหวัด ( ครู ว .)

3. รับครูประชาบาลที่ยังไม่มีวุฒิครู เข้ารับการอบรมอีก 1 ปี จบการอบรมแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรครูประชาบาล ( ครู ป . บ .) เมื่อเปิด เรียนวันที่ 1 มิถุนายน พ . ศ . 2479 มีนักเรียนประภทในบำรุง ( รัฐบาล อุดหนุน ) 30 คน ประเภทนอกบำรุง ( ทุนส่วนตัว ) 40 คน และมีครูประชาบาลที่ยังไม่มีวุฒิครูมาเข้าอบรมเพิ่มเติม 39 คน รวมทั้งสิ้น 109 คน

     สิ้นปีการศึกษา 2479 ครูประชาบาลที่เข้ามาอบรม จบ การอบรม ได้วุฒิ ป . บ . ออกไปเป็นครู 

ตามโรงเรียนเดิมที่ตนสังกัดอยู่ 39 คน และสิ้นปีการศึกษา 2480 นักเรียนฝึกหัดครู 79 คน สอบไล่ได้ สำเร็จการศึกษาได้วุฒิ ครู ว . ออกไปเป็นครูประชาบาลตามสังกัดภูมิลำเนาเดิมของตน

     การผลิตครูทั้ง 2 ระดับ ( ครู ว . และครู ป . บ .) มีวุฒิต่ำกว่าครูมูล ( ครู ป .) แต่จำเป็นต้องทำ 

ทั้งนี้เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งผลิตครูให้ออกไปสอนในโรงเรียนชนบท ซึ่งยังขาดแคลนครูอยู่อย่างมาก ( เนื่องจาก พ . ร . บ . ประถมศึกษา ซึ่งประกาศใช้เมื่อ พ . ศ . 2464 มีผล บังคับใช้ทุกตำบลในประเทศไทย ในปี พ . ศ . 2478) ปรากฏว่า นักเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำเร็จออกไปเป็นครูตั้งแต่ปี พ . ศ . 2480-2482 มีจำนวนถึง 307 คน

โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดหญิง

     ชาวอยุธยาชอบเรียกโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า " โรงเรียนประกาด " หรือ " 

โรงเรียน ผักกาด " เพราะโรงเรียนนี้เป็นการฝึกหัดครูแผนกเกษตรกรรม นักเรียนทุกคนต้องทำแปลงขนาด 1 X 4 เมตร คนละ 4 แปลง ปลูกผักตลอดทั้งปี

ค . การย้ายสถานที่ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

พ . ศ . 2484 รัฐบาลมีนโยบายจะปรับปรุงการทำสุราและเมรัย จำหน่ายแก่ประชาชน นายปรีดี พนมยงค์ ( หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ) เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังรับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงขอ เอาโรงงานต้มกลั่นสุราและเมรัยมาตั้งในจังหวัดนี้โรงหนึ่ง เพื่อความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ของบ้านเกิดของท่าน โดยเอามาตั้งที่กรมทหารเก่า เพราะเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด ขณะเดียวกันท่านก็คำนึงถึงความเจริญในด้านการศึกษาของ จังหวัดเป็นอย่างยิ่ง กระทรวงการคลังจึงอนุมัติให้จ่ายเงินทุน ปรับปรุงสรรพสามิต จำนวน 2 แสนบาท เป็นค่าชดเชยให้ไปสร้างโรงเรียน 5 โรงเรียน ที่ต้องย้ายออกจากกรมทหาร โรงเรียน ฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ย้าย ไปสร้างอยู่ในที่ราชพัสดุติดกับวัดวรโพธิ์ ( ตรงที่เป็นโรงเรียน ประตูชัยปัจจุบัน ) ในเนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ ส่วนโรงเรียนฝึกหัดครูสตรีย้ายไปอยู่ที่ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ประมาณ 14 ไร่

พ . ศ . 2491 โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนฝึกหัดครู พระนครศรีอยุธยา การจัดการศึกษาของโรงเรียนได้มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบการผลิตครู ดังนี้

1. หลักสูตร ครู ว . เปลี่ยนระเบียบใหม่ โดยรับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าเรียนต่ออีก 2 ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ . ศ . 2482-2492

2. หลักสูตร ครู ป . บ . ก็เปลี่ยนแปลงระเบียบใหม่เช่นกัน คือ รับนักเรียนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เข้าเรียนต่ออีก 3 ปี ตั้งแต่ พ . ศ . 2490

3. หลักสูตรครูมูล ครู ป . นั้น โรงเรียนได้กลับมาเปิดสอน หลักสูตรนี้อีกระยะหนึ่งโดยรับนักเรียนที่สำเร็จมัธยมศึกษา ปีที่ 6 เข้าเรียนต่ออีก 1 ปี ตั้งแต่ พ . ศ . 2490-2497

โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยา จึงเริ่มใช้ระบบการฝึกหัดครู แบบ 2-2-2 ของกรมการฝึกหัดครู ตั้งแต่ปีการศึกษา 2498 เป็นต้นมา การเรียน การสอน การวัดผล เปลี่ยนแปลงใหม่ ใช้ระบบหน่วยกิต

โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นผลิตครู ป . กศ . ในปี พ . ศ . 2498 โดยรับนักเรียนที่เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าเรียนต่อ 2 ปี โรงเรียนยังคงตั้งอยู่ที่เดิม จนถึงปี พ . ศ . 2509 จึงได้ย้ายสถานที่ตั้งใหม่

โรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดชาย

ง . การย้ายสถานที่ตั้ง และการยกฐานะเป็นวิทยาลัยครู พระนครศรีอยุธยา

พ . ศ . 2509 โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยาได้ย้ายมาตั้งอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน เลขที่ 96 ถนนโรจนะ มีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่เศษ ( กรมการฝึกหัดครู ได้เจรจาตกลงขอแลกเปลี่ยนสถานที่กับกรมสามัญ จึงให้โรงเรียนประตูชัยของกรมสามัญซึ่งตั้งอยู่ ณ ที่นี้ ย้ายไปตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งของโรงเรียนฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยา ) ในปีนี้โรงเรียนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยาด้วย

พ . ศ . 2511 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศรวมโรงเรียนสตรีฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยา เข้ากับวิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา

พ . ศ . 2517 เริ่มเปิดสอนถึงระดับปริญญาตรี ( ค . บ .) หลักสูตร 2 ปี จากผู้มีวุฒิ ป . กศ . สูง ป . ม . หรือ พ . ม . โดยเปิดสอนในปีแรกนี้ 2 สาขา คือ

สาขาประถมศึกษา ( วิชาเอกภาษาไทย ) และสาขามัธยมศึกษา ( วิชาเอกฟิสิกส์ )

พ . ศ . 2519 เริ่มใช้หลักสูตรสภาการฝึกหัดครู

พ . ศ . 2519 เปิดสอนระดับ ป . กศ . สูง หลักสูตร 2 ปี จากผู้มีวุฒิเดิม ป . กศ . ป . ป . ม . ศ . 5 และเปิดสอนระดับปริญญาตรี ( ค . บ .) หลักสูตร 2 ปี จากผู้มีวุฒิเดิม ป . กศ . สูง ป . วส . ป . ม . และ พ . ม .

พ . ศ . 2523 เปิดสอนระดับปริญญา ( ค . บ .) หลักสูตร 4 ปี รับจากผู้มีวุฒิเดิม ม . ศ .5 ป . กศ . และ ป . ป .

พ . ศ . 2524 เริ่มใช้หลักสูตรสภาการฝึกหัดครู พ . ศ . 2524 เปิดสอน ระดับปริญญาตรี ( ค . บ .) หลักสูตร 4 ปี รับจากผู้มีวุฒิเดิม ม . ศ .5 , ป . กศ . และ ป . ป .

พ . ศ . 2526 เปิดรับนักศึกษา ป . กศ . สูง เทคนิคการอาชีพ เพิ่มเติม 6 วิชาเอก หลักสูตรนี้เปิดสอนถึงปีการศึกษา 2527 เป็นปีสุดท้าย

พ . ศ . 2528 เริ่มเปิดหลักสูตรสาขาวิชาการอื่นๆ นอกเหนือจากสาขาวิชาชีพครู โดยเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต และศิลปศาสตรบัณฑิตพร้อมกับระดับอนุปริญญา ขณะเดียวกันก็ยังคงเปิดหลักสูตรสาขาวิชาชีพครู ครุศาสตรบัณฑิต ทั้งระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี และ 2 ปี ไปพร้อมๆกัน

วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยาโชคดีได้รับมรดกทางด้านวิทยาการ การฝึกหัดครู มาตั้งแต่สมัยเป็นมณฑลกรุงเก่า นับว่าเป็นมรดกที่มีค่า มีความหมายสำหรับวิทยาลัย ที่มีหน้าที่ " สร้างความเป็นครู " ให้กับสังคมไทยตลอดมา

จ . ระยะทาง 90 ปี จากโรงเรียนฝึกหัดครูเมืองกรุงเก่า สู่สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

พ . ศ . 2538 ... เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาลัยครูทั่วประเทศ คือ มีการปรับเปลี่ยน พ . ร . บ . วิทยาลัยครู เป็น พ . ร . บ . สถาบันราชภัฏ พ . ศ . 2538 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ . ศ . 2538 วิทยาลัยครูทั่วประเทศมีอยู่ทั้งสิ้น 36 แห่ง ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันราชภัฏ วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา เปลี่ยนมาเป็นสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มีพิธีทำบุญครบรอบ 90 ปี สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และพิธีเปิดป้ายสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ . ศ . 2538 โดย ดร . นิเชต สุนทรพิทักษ์ เลขาธิการสภาสถาบัน ราชภัฏเป็นประธาน

วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนาม " ราชภัฏ " และตรา หรือสัญลักษณ์ " ราชภัฏ " นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเกียรติยศสูงสุดแก่ชาวสถาบันราชภัฏทั่วพระราชอาณาจักร

นาม " ราชภัฏ " หมายความว่าเป็นปราชญ์ของพระราชา

ตราสัญลักษณ์ราชภัฏ พิจารณาจากดวงตราพระราช ลัญจกร ประจำพระองค์รัชกาลปัจจุบันเพื่อกำหนดรูปแบบสัญลักษณ์ สถาบันราชภัฏ และได้รับพระราชทานมาเป็นตราประจำ สถาบันราชภัฏทั่วพระราชอาณาจักร ซึ่งมีรายละเอียดที่สมควร นำมากล่าวถึงไว้ ณ ที่นี้คือ

- เป็นรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ให้ กำเนิดสถาบัน

- เป็นรูปแบบที่เป็นกลาง เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นที่ตั้ง ธรรมชาติ และความสอดคล้องกับชื่อสถาบันราชภัฏที่ได้รับพระราชทาน

- สีของสัญลักษณ์ ประกอบด้วยสีต่างๆ จำนวน 5 สี

สีน้ำเงิน แทน ค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ให้กำเนิด และ พระราชทานนาม " สถาบันราชภัฏ "

สีเขียว แทน แหล่งที่ตั้งของสถาบันทั้ง 36 แห่งในแหล่งธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม

สีทอง แทน ความเจริญรุ่งเรืองทางภูมิปัญญา

สีส้ม แทน ค่าความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ก้าวไกลใน 36 แห่ง

สีขาว แทน ค่าความคิดบริสุทธิ์ของนักปราชญ์ แห่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ฉ . จากสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา สู่มหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนครศรีอยุธยา

พ . ศ . 2547 สถาบันราชภัฏได้มีการปรับเปลี่ยน พ . ร . บ . สถาบันราชภัฏ พ . ศ . 2538 เป็น พ . ร . บ . มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ . ศ . 2547 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ . ศ . 2547 สถาบันราชภัฏทั่วประเทศที่มีอยู่ทั้งสิ้น 41 แห่ง ทั่วประเทศได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยมีสถานภาพ เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จึงเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยานับแต่นั้นมา และได้มีพิธีเปิดป้าย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ . ศ . 2547 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสมศักดิ์ แก้วสุทธิ เป็น ประธานในพิธีเปิด

[แก้] คณะ


[แก้] สถาบัน/ศูนย์และหน่วยงานในมหาวิทยาลัย

[แก้] สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย

[แก้] ลิงก์ภายนอก


สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย แก้
มหาวิทยาลัย

กรุงเทพ | เกริก | เกษตรศาสตร์ | เกษมบัณฑิต | ขอนแก่น | คริสเตียน | จุฬาลงกรณ์ | เจ้าพระยา | ชินวัตร | เชียงใหม่ | เซนต์จอห์น | ทักษิณ | เทคโนโลยีปทุมวัน | พระจอมเกล้าลาดกระบัง | พระจอมเกล้าธนบุรี | พระจอมเกล้าพระนครเหนือ | มหานคร | สุรนารี | ธรรมศาสตร์ | ธุรกิจบัณฑิตย์ | นครพนม | นราธิวาสราชนครินทร์ | นเรศวร | แสตมฟอร์ด | บูรพา | ปทุมธานี | พายัพ | ภาคกลาง | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย | มหามกุฏราชวิทยาลัย | มหาสารคาม | มหิดล | แม่โจ้ | แม่ฟ้าหลวง | รังสิต | รามคำแหง | วงษ์ชวลิตกุล | วลัยลักษณ์ | เวบสเตอร์ | เวสเทิร์น | ศรีนครินทรวิโรฒ | ศรีปทุม | ศิลปากร | สงขลานครินทร์ | สยาม | สุโขทัยธรรมาธิราช | หอการค้าไทย | หัวเฉียว | หาดใหญ่ | อัสสัมชัญ | อีสเทิร์นเอเชีย | อุบลราชธานี | เอเชีย | เอเชียอาคเนย์

ม.ราชภัฏ

กาญจนบุรี | กาฬสินธุ์ | กำแพงเพชร | จันทรเกษม | ชัยภูมิ | เชียงใหม่ | เชียงราย | เทพสตรี | ธนบุรี | นครปฐม | นครราชสีมา | นครศรีธรรมราช | นครสวรรค์ | บ้านสมเด็จเจ้าพระยา | บุรีรัมย์ | พระนคร | พระนครศรีอยุธยา | พิบูลสงคราม | เพชรบุรี | เพชรบูรณ์ | ภูเก็ต | มหาสารคาม | ยะลา | ราชนครินทร์ | ร้อยเอ็ด | รำไพพรรณี | เลย | ลำปาง | วไลยอลงกรณ์ | ศรีสะเกษ | สกลนคร | สงขลา | สวนดุสิต | สวนสุนันทา | สุราษฎร์ธานี | สุรินทร์ | หมู่บ้านจอมบึง | อุดรธานี | อุตรดิตถ์ | อุบลราชธานี

ม.ราชมงคล

กรุงเทพ | ตะวันออก | ธัญบุรี | พระนคร | รัตนโกสินทร์ | ศรีวิชัย | สุวรรณภูมิ | ล้านนา | อีสาน

บัณฑิตวิทยาลัย / วิทยาลัย

พระปกเกล้า | พัฒนบริหารศาสตร์ | เทคโนโลยีแห่งเอเชีย | วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย | พลังงานและสิ่งแวดล้อม | ศศินทร์ | ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี | ประชากรศาสตร์ | นวัตกรรมอุดมศึกษา | สหวิทยาการ | เทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร | วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม | ราชสุดา | ดุริยางคศิลป์ | ซีดีชนาพัฒน์ | วิทยาลัยการปกครอง | สถาบันการบินพลเรือน

วิทยาลัยทางการแพทย์

การสาธารณสุขสิรินธร | พยาบาลเกื้อการุณย์ | พยาบาลกองทัพบก | พยาบาลกองทัพเรือ | พยาบาลตำรวจ | พยาบาลทหารอากาศ | พยาบาลบรมราชชนนี | พยาบาลสภากาชาดไทย | แพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า | แพทยศาสตร์วชิรพยาบาล

ร.ร.ทหาร-ตำรวจ

วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร | วิทยาลัยเสนาธิการทหาร | เสนาธิการทหารบก | เสนาธิการทหารเรือ | เสนาธิการทหารอากาศ | นายร้อยพระจุลจอมเกล้า | นายร้อยตำรวจ | นายเรือ | นายเรืออากาศ | เตรียมทหาร

ดูเพิ่ม

มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย | สถานศึกษาเคมีปฏิบัติ | แอดมิสชันส์ | สถาบันอุดมศึกษา (รัฐ, ในกำกับ, เอกชน)