สปินนาเคิล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ลบ เนื่องจากมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เป็นการทดลองแก้ไข หรือไม่ตรงตามนโยบายวิกิพีเดีย ถ้าคุณไม่เห็นด้วยว่าควรลบบทความนี้ ให้เขียนเหตุผลที่ หน้าพูดคุยของหน้านี้ หรือที่ หน้าแจ้งลบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แจ้งลบ อะไรที่ไม่ใช่วิกิพีเดีย และ นโยบายวิกิพีเดีย |
บทความนี้ ขาดข้อมูลที่แสดงความสำคัญ ของบทความ |
สปินนาเคิล |
|
ช่วงปี | พ.ศ. 254849 |
แนวเพลง | |
ค่าย | |
สมาชิก | อัษฎา อาทรไผท (ด่อง) ศุภฤกษ์ โสภณพิศ (แน่) |
|
สปินนาเคิล คือโครงการดนตรีของเพื่อนรักตั้งแต่อนุบาล 2คน ที่เติบโตมาด้วยกัน
สารบัญ |
[แก้] ความเป็นมา
หลังจากเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่อนุบาลกุ๊กไก่ ด่องกับแน่ก็เริ่มเล่นดนตรีพร้อมกันเมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โดยมีเม้งวงสลัดเป็นมือ กลอง ทั้งสามคนไปเรียนดนตรีที่สยามกลการสาขาเพชรบุรีตัดใหม่หลังเลือกเรียน หนึ่งปีให้หลังด่องเลิกเรียนเพราะต้องเดินทางไปศึกษาต่อ ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนแน่และเม้งก็ยังคงเรียนต่อไปจนจบหลักสูตร
ด่องไปประจำอยู่ที่วงดนตรีสวนสนาม Drums & Bugle Corp แห่ง LaSalle Military Academy โดยมีตำแหน่งเป็นมือกลองสแนร์ และ เครื่อง เพอร์คัสชั่น ในขณะเดียวกันแน่ก็สอบเทียบและเอ็นท์ติดที่คณะมนุษย์ศาสตร์ เอกดนตรีสากล ตั่งแต่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขา ทั้งสองแยกกันไปหาความรู้ทางดนตรีตามทางของแต่ละคน โดยแน่เข้ารับการศึกษาแบบตามทฤษฎี ส่วนด่องเลือกไปหาความรู้แบบทดลอง เอง
เมื่อด่องสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร LaSalle Military Academy แล้ว เขากะจะศึกษาต่อทางด้านดนตรี และได้รับการตอบรับเข้า เรียนในสถาบันทางดนตรีเรียบร้อยแล้ว แต่มีคนให้คำแนะนำให้ไปศึกษาต่อทางด้านธุรกิจแทน โดยให้เรียนดนตรีเป็นวิชาโทเอา ด่องเลยไป เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน โดยลงเรียนทฤษฏีดนตรี และวิชากีตาร์อยู่ทุกเทอม ส่วนแน่ก็เข้าไปเล่น Cello, Violin และเป็น มือเบสของ KU Band ซึ่งได้ชนะการประกวดเป็นแชมป์ประเทศไทย แต่เสียดายที่เขาไม่ได้ไปร่วมแข่งในปีนั้น ตลอดช่วงเวลาที่อยู่กันคนละ ประเทศ เขาทั้งสองมีการไปเยี่ยมเยียนกันอยู่ตลอด และแน่จะเป็นนายหน้าขายกีตาร์รุ่นแปลกๆที่ด่องนำกลับมาเมืองไทยทุกครั้ง บางทีแน่ ก็สั่งซื้อกีตาร์ โดยให้ด่องบรรยายให้ฟังทางโทรศัพท์ (สมัยนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ท)
จนเมื่อด่องเรียนอยู่ชั้นปีที่3 แน่ก็ตามมาเรียน Contemporary Writing and Production ที่ Berklee College of Music โดยมีด่องคอยประสาน งานติดต่อให้ในช่วงต้น แน่ได้พบกับก้อ กรู๊ฟไรเดอร ์ พีท บลิสโซนิค บอลและจ้า อพาร์เมนท์คุณป้า รุจ มือเบสนพพรชำนิ อาจารย์นพ ประธีปเสน และ กบ เสาวนิตร ในช่วงนี้ แน่ได้เข้าศึกษาเล่าเรียนจากปรมาจารย์ทางด้านดนตรีหลายต่อหลายท่าน พร้อมกันนี้ก็นำความรู้ บางอย่างมาถ่ายทอดให้ด่องอยู่เสมอ
เนื่องจากที่บอสตันจัดได้ว่าเป็นเมืองแห่งดนตรีเมืองหนึ่งแน่และด่องได้เข้าชมการแสดงดนตรีหลายรูปแบบเกือบทุกวัน ร้านเครื่องดนตรีและ ร้านขายซีดีก็มีมากมายหลากหลายมาก ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับดนตรีได้มากทีเดียว และช่วงนี้เองที่ด่องเริ่มแต่งเพลงอย่างจริงจัง โดยมี ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจ ด่องได้ส่งผลงานเพลงไปให้เกือบทุกค่ายที่เมืองไทย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครตอบกลับเลย
เมื่อด่องสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเศรษศาสตร์ แน่ได้ชวนให้เข้าไปเรียนต่อที่ Berklee College of Music ซึ่งแน่ก็ติวเข้มด่องที่ไม่ค่อยสนใจ เรื่องทฤษฏี และให้ไปเรียน Certificate ทางดนตรีในช่วงหน้าร้อน จนสามารถผ่านการทดสอบเข้าเป็นนักเรียน Berklee ได้ แต่แล้วด้วย เหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดขึ้นพอดีกับที่จะเข้าเรียนต่อ ก็ทำให้ด่องตัดสินใจกลับเมืองไทย เพราะทุกอย่างในขณะนั้น ราคาเป็นสอง เท่าหมด ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้วไม่คุ้ม ส่วนแน่ก็เหลืออีกปีเดียวจะจบ จึงอยู่ต่อไป และเมื่อจบ แน่ก็เลือกที่จะไม่ทำงานดนตรีที่อเมริกา ทั้งๆที่ทางนั้นให้อยู่ได้อีกหนึ่งปี
เมื่อด่องกลับมาเมืองไทย เขาไปฝึกงานด้านซาวด์เอ็นจิเนียร์ ที่บริษัทดนตรีมีชื่อแห่งหนึ่ง แต่อยู่ได้ไม่นานก็ออกเพราะไม่ได้อะไรอย่างที่หวัง เขาจึงเลือกไปเล่นดนตรีกับเม้งสลัด และ เอ็ด กะ ตี้วงดู๊ด ซึ่งก็คือวงวีนัสนั่นเอง เล่นได้สักพัก ก็มีผู้ใหญ่แนะนำให้นำงานไปเสนอที่ค่ายใหญ่ อีกค่ายหนึ่ง หลังจากนั่งรออยู่ค่อนวัน ก็ได้พบผู้บริหารค่ายคนหนึ่ง เพียงเพื่อจะบอกให้เขากลับบ้านไปรอคำตอบ จากนั้นไม่นานก็ได้คำตอบ ซึ่งก็น่าจะเดากันได้ว่าคืออะไร และแล้วด่องก็มีอันต้องไปทำงานตามที่เขาเรียนมาจริงๆ โดยไปเริ่มงานที่ธนาคารรัตนสิน แผนกสินเชื่อ ต่อด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริลลินช์ ภัทร โดยรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งด่องยอมรับว่าถึงไม่ใช่เรื่องดนตรีก็เป็นอีกช่วงเวลาที่สนุกมากๆ
เมื่อแน่กลับมาเมืองไทยในอีกหนึ่งปีให้หลัง เขาก็มีอันได้ทำงานที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย นั่นคือเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทยขององค์กร ระหว่างชาติองค์กรหนึ่ง งานนี้ทำให้เขายังได้เดินทางไปอเมริกาและพบกับดนตรีแนว Blue Grass อีก จากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มคิดถึงดนตรี และได้รับการทาบทามจากรุ่นพี่ให้ไปเป็นอาจารย์ดนตรีพิเศษที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร จากนั้นเขาก็เริ่มสอนกีตาร์แนวคลาสสิคที่โรงเรียนแถวๆ รัชดาภิเษกไปด้วย และสอนไพรเวทไปด้วย
ระยะนี้ทั้งสองคนดูเหมือนจะละทิ้งงานทำเพลงไป โดยคนหนึ่งเน้นด้านบริหารการเงิน อีกคนเน้นด้านการสอนดนตรี แต่ก็มีการนัดเจอพูดคุย เกี่ยวกับการทำเพลงกันเป็นครั้งคราว แต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เน้นเล่นเกมส์แข่งกันกับเพื่อนเก่าๆสมัยมหาลัย
จากนั้นด่องก็เปลี่ยนงานไปทำที่บริษัทหลักทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง และได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา จากนั้นก็ออกไปเรียนต่อ MBA ที่สถาบันศศินทร์ จุฬา โดยขณะนั้นไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำงานดนตรีอีกแล้ว มีแต่จะหาช่องทางทางด้านธุรกิจอย่างเดียว ด้านอาจารย์ แน่ก็สอนดนตรีอาทิตย์ละ 7 วัน และสะสมกีตาร์หายากไปเรื่อยๆ และบางทีก็ไปช่วยงานด้านซาวด์เอ็นจิเนียร์ให้ แซ็กซ์ อึ้งอัมพร เอ็นจิเนียร์ มือหนึ่งของค่ายจีเอ็มเอ็ม ขณะนั้นด่องคิดแต่เพียงว่าเรื่องการทำเพลงคงเป็นเพียงความฝัน พร้อมกับก้าวต่อไปตามเส้นทางสายการเงินของเขา ส่วนแน่ก็ยังไม่มีผลงานอะไรออกมา เขาเน้นสอนดนตรีตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับสอนที่สถาบันดนตรีมีฟ้าที่มีสอนเกือบทุกวัน
น่าแปลกที่การมาเรียนที่ศศินทร์จะทำให้ด่องค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขาอีกครั้ง เขาเริ่มหาแนวทางการทำ Presentation แบบแปลกๆ เพื่อดึง ความสนในและทำให้อาจารย์และเพื่อนไม่เบื่อ และบางครั้งก็มีการแต่งเพลงด้วย นี่เป็นจุดที่ทำให้เขาคิดได้ว่าจะต้องเลือกเดินทางตามด้านที่ เขาชอบ ซึ่งก็คือบันเทิงนั่นเอง เขาได้แต่งเพลงที่ใช้เล่นในวันจบการศึกษา และให้เพื่อนร้อง ซึ่งก็ทำให้เขาค้นพบว่า มีคนเสียงดีๆมาเรียนด้วย อีก 3 คน เขาเอาเพลงของเขาไปให้เพื่อนๆฟัง และได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งๆที่เมื่อก่อนแทบไม่มีใครสนใจ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการ นำเพลงที่เขามีอยู่ทั้งหมด มาคลี่ตกแต่งใหม่หลังจาก 8 ปีที่ถูกเก็บเอาไว้เฉยๆ
โดยมีอาจารย์แน่ และนพ ประธีปเสน มาช่วยดูแลด้านเรียบเรียงเสียงประสานต่างๆ เรียกได้ว่าแค่เพลงของด่องเฉยๆไม่อาจมีเสน่ห์ได้ หากขาดการตกแต่ง โดยอาจารย์แน่ ที่ค่อนข้างเข้มงวดในด้านฮาร์โมนี่ และซาวด์ เครื่องดนตรีทุกชิ้นจึงใช้เครื่องจริงๆมาบันทึกเสียงหมด โดยได้เครื่องสายจากเพื่อนของพวกเขาจาก Bangkok Symphony Orchestra มาเล่นให้ และได้ทีมงานเครื่องเป่าและเพอร์คัสชั่นรุ่นใหม่ มาช่วยเพิ่มสีสัน เพื่อนเก่าของเขาก็มาร่วมแจมในโปรเจคนี้เช่นกัน โดยมี เม้งสลัด จ้า อพาร์ทเมนท์คุณป้า ตีกลองให้ มีตี้ดู๊ด ที่เล่นให้ลิปตา มาอัดเบส และ อาจารย์นพ ประธีปเสนมาพริ้วเปียนโน กับเรียบเรียงเสียงประสานให้
วันนี้ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้ามาในวงการดนตรีเมืองไทย ถึงแม้จะก้าวเข้ามาช้ากว่าเพื่อนๆของเขา แต่ก็มั่นใจว่าจะก้าวต่อไปพร้อมกับ คุณภาพของงานเพลงของที่ไม่เคยถอยหลัง ตามความหมายของชื่อ Spinnacle ที่มาจาก Spin + Pinnacle
[แก้] สมาชิกหลัก
1. ด่อง - อัษฎา อาทรไผท - แต่งเนื้อร้อง ทำนอง ช่วยโปรดิวส์ และ กีตาร์
การศึกษา
อนุบาลกุ๊กไก่
ประถมสาธิตประสานมิตร
มัธยมสาธิตประสานมิตร
LaSalle Military Academy, Oakdale, NY, USA
Boston University, Boston, USA (BA-Economics)
Berklee College of Music, Boston USA (Musician Certificate)
Sasin Graduate Institute of Business Administration (MBA) Major in Finance and International Business
ปัจจุบัน
Associate (Relationship Manager), DBS Vickers Securities Private Wealth Management Division.
Creative Director, Donglahoma Studio, A Division of PR Sprint Co. Ltd.
Co-Founder, Whale Co, Ltd. Multimedia Consultant Service
2. แน่ - ศุภฤกษ์ โสภณพิศ - เรียบเรียงดนตรี โปรดิวซ์ ซาวด์เอ็นจิเนียร์ และ กีตาร์
การศึกษา
อนุบาลกุ๊กไก่
ประถมสาธิตประสานมิตร
มัธยมสาธิตประสานมิตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาศตร์ มนุษย์วิทยา เอกดนตรีสากล
Berklee College of Music (Contemporary Music Arrangement Diploma)
เรียนดนตรีรุ่นเดียวกับ จ้า บอล อพาร์ทเมนท์คุณป้า, พีท บลิสโซนิค, ก้อ กรู๊ฟไรเดอร์, แซ๊กส์ อึ้งอัมพร, รุจ มือเบสนพพรชำนิ, กบ เสาวนิตร, นพ ประธีปเสน
ปัจจุบัน
สถาบันดนตรีมีฟ้า อาจารย์สอนกีตาร์ แนวคลาสสิค แจ๊ส โฟล์ค และจัดการฝึกซ้อมวงดนตรีนักเรียน
Private Guitar Instructor
Consultant (Music), Donglahoma Studio, A Division of PR Sprint Co., Ltd.
[แก้] ผลงาน
- สปินนาเคิล อีพี (ต.ค. 2548)
- สปินนาเคิล อีพี ทู (พ.ย. 2549)