วัดจามเทวี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พบข้อความที่อาจละเมิดลิขสิทธิ์

ขอบคุณที่ช่วยเขียนบทความในวิกิพีเดีย แต่ทางวิกิพีเดียไม่สามารถรับบทความนี้ได้ เนื่องจากข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งที่ได้ส่งเข้ามาในหน้าบทความนี้ ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ จากแหล่งต่อไปนี้ :

http://72.14.235.104/search?q=cache:nPEWHLmb2JAJ:www.siamrath.co.th/EducationPrevious.asp%3FDateRelease%3D2005/7/6+%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%94+%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5+%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%99&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=1


คำอธิบายเพิ่มเติม : http://www1.mod.go.th/heritage/nation/tour/lamphon2.htm
http://www1.mod.go.th/heritage/nation/tour/lamphon1.htm

เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายวิกิพีเดีย กรุณาศึกษาวิธีเขียนงานโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ หากมีข้อสงสัย ถามได้ที่ โต๊ะเลขา

ปัจจุบันหน้าบทความนี้ถูกขึ้นบัญชีไว้ที่ วิกิพีเดีย:ปัญหาลิขสิทธิ์ โปรดงดแก้ไขหน้าบทความนี้สักระยะหนึ่ง หากผู้ถือครองลิขสิทธิ์อนุญาตให้วิกิพีเดียใช้ข้อความที่เป็นปัญหานี้ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานลักษณะ GFDL แบบที่เราใช้ หรือหากคุณเองคือผู้ถือครองลิขสิทธิ์ของข้อความที่เป็นปัญหานี้ โปรดแจ้งให้เราทราบที่หน้าอภิปรายของบทความนี้ และใต้ชื่อบทความนี้ในหน้าวิกิพีเดีย:ปัญหาลิขสิทธิ์

โปรดทราบว่าการส่งงานอันมีลิขสิทธิ์เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ถือครองลิขสิทธิ์ นอกจากจะละเมิดกฎหมายแล้ว ยังละเมิดนโยบายของเราด้วย บุคคลที่ละเมิดนโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง อาจถูกห้ามมิให้แก้ไขบทความในสารานุกรมเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ดี ถึงแม้ข้อความที่เป็นปัญหานี้จะละเมิดลิขสิทธิ์ก็ตาม เรายังคงยินดีรับงานต้นฉบับทุกชิ้นจากคุณเสมอ

หากผู้ถือครองลิขสิทธิ์ไม่อนุญาตให้ใช้ข้อความที่เป็นปัญหา โปรดเขียนบทความสั้น ๆ ที่พอใช้การได้แทนสำหรับหัวข้อนี้ ที่หน้าชั่วคราวสำหรับบทความนี้ หรือมิฉะนั้น โปรดทิ้งหน้านี้ไว้เช่นนี้ เพื่อให้ผู้ดูแลลบออกในภายหลัง กรุณาอย่าส่งข้อความที่เป็นปัญหาซ้ำอีก เพราะมันจะถูกลบออกอีกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่วิกิพีเดียได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อความที่เคยเป็นปัญหา บทความนี้จะถูกแก้กลับคืนเป็นเช่นเดิมก่อนได้รับแจ้งปัญหา ในกรณีที่คุณเพิ่มข้อความลงในหน้าชั่วคราว โปรดระบุการแก้ไขดังกล่าวที่หน้าอภิปรายด้วย

หากไม่มีการเขียนบทความสั้นใด ๆ ในหน้าชั่วคราว หน้าบทความนี้จะถูกลบออกเมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นับจากเมื่อหน้านี้ถูกขึ้นบัญชีที่หน้าวิกิพีเดีย:ปัญหาลิขสิทธิ์

คุณยังคงสามารถอ่านข้อความเดิมที่ถูกส่งเข้ามาได้ที่หน้าประวัติของหน้าบทความนี้


วัดจามเทวี ม. 5 ในเมือง เมืองลำพูน ลำพูน วัดราษฎร์ วัดจามเทวี หรือวัดกู่กุด ตั้งอยู่ริมถนนจามเทวี สร้างเมื่อ พ.ศ.๑๒๙๘ เป็นฝีมือช่างละโว้ที่พระนางจามเทวีนำไปจากละโว้ ลักษณะพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพร ภายในบรรจุอัฐของพระนางจามเทวี

ผุ้สร้างพระเจดีย์และวัดคือ โอรสทั้งสองของพระนางจามเทวี สร้างเพื่อบรรจุอัฐิของพระนาง เดิมมียอดพระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำ ต่อมายอดพระเจดีย์หักหายไป ชาวบ้านเลยตั้งชื่อวัดให้ใหม่ว่า "วัดกู่กุด" แต่ชื่อเป็นทางการจริง ๆ ของพระเจดีย์ชื่อ พระเจดีย์สุวรรณจังโกฎ

วัดจามเทวี (วัดกู่กุด) ลำพูน ซึ่งเป็นแบบศิลปกรรมของลพบุรีมีพระพุทธรูปยืนอยู่ในซุ้มพระทั้งสี่ด้าน ด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี อยู่บริเวณสวนสาธารณะ หนองคอก สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระนาง ฯ ผู้เป็นปฐมกกษัตริย์แห่งหริภุญชัย พระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม มีความสามารถ กล้าหาญ ได้นำพระพุทธศาสนาศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้ จนมีความรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบันนี้

อนุสาวรีย์แห่งนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร ได้เสด็จมาเปิดเมื่อ ๒ ตุลาคม ๒๕๒๕ สง่างามเป็นศรีแก่เมืองลำพูน


[แก้] ประวัติ

วัดกู่กุด ของพระนางจามเทวี ต้นกำเนิดของเมืองลำพูน คือปฐมบทของพระนางจามเทวี แต่ต้นกำเนิดของพระนางไม่ปรากฏชัดเจนในประวัติศาสตร์นัก เพียงแต่มีตำนานท้องถิ่นกล่าวไว้ว่า ในปี 1184 มีพระฤาษีไปพบทารกหญิง ถูกพญานกคาบมาทิ้งไว้บนใบบัวหลวง จึงนำมาเลี้ยงไว้ และสอนสรรพวิทยาการต่างๆ ให้ จนกระทั่งทารกนั้นเจริญวัยได้ 13 พรรษา พระฤาษีจึงต่อนาวายนต์ใส่กุมารีน้อย พร้อมด้วยฝูงวานรเป็นบริวารลอยล่องไปตามลำน้ำ ถึงยังท่าน้ำวัดชัยมงคล เมื่อพระเจ้ากรุงละโว้ และพระมเหสีพบเห็น จึงได้นำกุมารีน้อยนั้นเข้าสู่พระราชวัง และตั้งให้เป็นพระราชธิดามีนามว่า “จามเทวีกุมารี” และให้ศึกษาศิลปวิทยาการตำราพิชัยสงคราม และดนตรีทุกอย่าง

เมื่อพระนางจามเทวีมีพระชนม์ได้ 14 พรรษา ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายราม แห่งนครรามบุรีใน ปี 1198 และในปี 1204 พระนามจามเทวีมีพระชนม์ได้ 20 พรรษาก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นกษัตรีย์วงศ์จามเทวีแห่งนครหริภุญชัย โดยพระนางเจ้าได้อัญเชิญพระแก้วขาว(พระเสตังคมมี) ที่สร้างจากเมืองละโว้ เมื่อปี 700 ขึ้นมาด้วย เพื่อประดิษฐานเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ทำให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินต่างอยู่เย็นเป็นสุขกันโดยทั่วหน้า (ปัจจุบัน พระเสตังคมณีองค์นี้ยังประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่)

พร้อมกันนี้พระนางจามเทวี มีพระโอรส 2 องค์ องค์พี่มีนามว่า “มหายศ” (มหันตยศ) องค์น้องมีนามว่า “อินทวร” (อนันตยศ) โดยพระเจ้ามหายศ ได้ขึ้นเสวยครองเมืองหริภุญชัยนคร แทนพระมารดา ขณะที่องค์น้องพระเจ้าอินทวรไปเสวยครองเมืองเขลางค์นคร ที่มหาพรหมฤาษี และสุพรหมฤาษีร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ให้พระองค์โดยเฉพาะ

ส่วนพระนางจามเทวีเมื่อมีพระชนม์ได้ 60 พรรษา ได้สละราชสมบัติทุกอย่าง ให้พระโอรสทั้งสอง ก่อนออกบวชชี เพื่อบำเพ็ญพรตอยู่ที่ “วัดจามเทวี” ซึ่งเป็นวัดที่พระนางได้สร้างไว้เอง

โดยพระนางจามเทวีได้ปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดแห่งนี้ จนถึงพระชนม์ครบ 92 พรรษา ในปี 1276 พระนางจึงได้สิ้นพระชนม์ ซึ่งทางพระมหันตยศ และพระอนันตยศ 2 พระโอรสก็ได้จัดถวายพระเพลิงภายในวัดดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ และได้สร้างเจดีย์สี่เหลี่ยมบรรจุพระอัฐิของพระนางไว้ ณ ที่นี้ โดยให้ชื่อเจดีย์ว่า “สุวรรณจังโกฏเจดีย์” ที่ได้กลายเป็นต้นแบบของเจดีย์ในแถบล้านนาทั้งหมด

แต่เมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยมานานนับพันปี “สุวรรณจังโกฏเจดีย์” ขาดการดูแลเอาใจใส่ จึงชำรุดผุพังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยอดพระเจดีย์ได้หัก และหายไป จนกลายเป็นวัดร้างในที่สุด และชาวบ้านได้เรียกวัดนี้ว่า “วัดกู่กุด” (กู่กุด เป็นภาษาล้านนาแปลว่า เจดีย์ยอดด้วน) จนต่อมาเมื่อปี 2469 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จเยี่ยมวัดแห่งนี้ จึงได้โปรดให้เปลี่ยนชื่อจาก “วัดกู่กุด” เป็น “วัดจามเทวี” เช่นเดิม

อีกทั้งต่อมาเมื่อปี 2479 เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย ต้องการที่จะเห็นวัดนี้เจริญเหมือนเช่นที่เคยเป็นในอดีตที่ผ่านมา ไม่อยากเห็นวัดจามเทวีเป็นวัดร้าง

แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง จึงทำให้วัดขาดการสนับสนุนด้านการเงินจากจากประชาชน ก็ยิ่งส่งผลให้สภาพวัดยิ่งเสื่อมโทรมลงไปตามสภาพของธรรมชาติ ดังนั้น เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ จึงได้ไปนิมนต์ท่านครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งลานนาไทยมาช่วยบูรณะวัดจามเทวีอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นมาวัดจามเทวี ก็เจริญรุ่งเรืองตราบเท่าทุกวันนี้

รูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนสุวรรณจังโกฏเจดีย์ ได้กลายเป็นโบราณสถานโบราณวัตถุที่ประประเมินค่าไม่ได้

โดยเฉพาะรูปแบบของพระพุทธรูปปางต่างๆ ในแต่ละชั้นของเจดีย์ดังกล่าวนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความเลื่อมใสศรัทธา และการเข้าถึงพระพุทธศาสนาของพระนางจามเทวีได้เป็นอย่างดี

สุวรรณจังโกฏเจดีย์เป็นต้นแบบของเจดีย์ทั้งหลาย ซึ่งบางครั้งเรียกเจดีย์ทรงนี้ว่า เจดีย์ทรงขัตติยะนารี