ราชวงศ์ญี่ปุ่น
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราชวงศ์ญี่ปุ่นมีการสืบทอดสัตติวงศ์มาอย่างยาวนาน ราว 6 ศตวรรษ เรียกพระมหากษัตริย์ว่า เทนโน (Tenno) หมายถึง จักรพรรดิ หรือ สุเมระ มิโคโทะ (Sumera Mikoto) หมายถึง ผู้มีอำนาจมาจากสวรรค์ เป็นคำจำกัดความของ "กษัตริย์ญี่ปุ่น" สัญญาลักษณ์ประจำราชวงศ์ก็คือ คิคุ (KIKU) คือ ดอกเบญจมาศ ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบเดียวกับประเทศไทย (ราชาธิปไตย)
ราชวงศ์ญี่ปุ่นเคยได้รับการเคารพ และเป็นที่นักนับถือของประชาชนญี่ปุ่นมาช้านาน จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ศาลรัฐธรรมนูญได้จัดให้ราชวงศ์ญี่ปุ่นเป็น "สัญญาลักษณ์ของประเทศ" ในการประกอบพิธีการต่าง ๆ เท่านั้น
สารบัญ |
[แก้] พระราชประวัติของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงพระราชสมภพ ณ วันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.1933 ทรงเป็นพระโอรสองค์แรก จากโอรสและธิดาทั้งหมด 5 พระองค์ ในจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ และจักรพรรดินีโคจุน (จักรพรรดินีนางาโกะ) เมื่อทรงยังเป็นเด็กทรงมีพระนามว่าเจ้าชายสึกุ ทรงได้เข้าเรียนที่กะกุชูอิน โรงเรียนชายของราชสำนัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงต้องอพยพออกจากกรุงโตเกียว หลังจากที่ทรงกลับมายังประเทศญี่ปุ่น ทรงเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกะกุชูอินในกรุงโตเกียว (อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงไม่ทรงเคยได้รับปริญญาใดๆ) ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.1959 ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับโชะดะ มิชิโกะ บุตรสาวองค์โตของนาย โชะดะฮิเดะ ซาบุโร ประธานและประธานกิตติมศักดิ์ในเวลาต่อมาของ Nisshin Flour Milling Company การอภิเษกสมรสครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางโบราณราชประเพณีทั้งหมดที่ผิดแผกไป เนื่องจากมิชิโกะ เป็นหญิงสามัญชนคนแรกที่ได้อภิเษกกับมกุฎราชกุมาร เมื่อจักรพรรดิฮิโรฮิโตะสวรรคต ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1989 มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะ ก็ขึ้นครองราชย์สืบต่อพระราชบิดา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ในปีถัดมา เป็นจุดเริ่มต้นของรัชกาลเฮเซ ซึ่งมีพระองค์เป็นพระประมุข องค์ที่ 125 ของประเทศญี่ปุ่น
[แก้] พระราชประวัติของสมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะทรงเป็นพระธิดาองค์โตของนายโชดะ ฮิเดซาบุโระ ประสูติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.1934 ทรงสำเร็จการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ และคณะอักษรศาสตร์จาก University of the Sacred Heart ในปี ค.ศ.1957
[แก้] มงกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ
หรือพระนามเดิมว่า เจ้าชายฮิโระ เกิดในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1960 ทรงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกาคุชิอิน (ที่เดียวกับพระราชบิดา) และทรงเดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยOxford ทรงมีความสนพระทัยในเรื่องของประวัติศาสตร์และดนตรี ทรงโปรดปรานการสีไวโอลีนเป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ.1999 ทรงอภิเษกกับโอวาดะ มาซาโกะ เจ้าหญิงมาซาโกะทรงตกเป็นข่าวใหญ่ เมื่อพระองค์ทรงตั้งครรภ์ แต่ครรภ์ของพระองค์มีปัญหาจนกระทั่งแท้งบุตรในที่สุด และเดือนเมษายน ปี ค.ศ.2001 ก็ทรงพระครรภ์อีกครั้งและทรงให้กำเนิดเจ้าหญิงไอโกะ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2001
[แก้] เจ้าชายอาคิชิโนะ
รู้จักกันในนามเจ้าชายฟุมิฮิโตะ ประสูตเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1965 ทรงจบจากมหาวิทยาลัยกาคุชิอิน เหมือนเช่นพระบิดาและพระเชษฐา ทรงมีตำแหน่งศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนปี ค.ศ.1990 ทรงอภิเษกกับ คาวาชิม่า คิโกะ หลังจากทรงเข้าพิธีอภิเษกแล้วทรงเปลี่ยนพระนามเป็น "เจ้าชายอากิชิโน" (Akishino no miya) ทั้งสองพระองค์ทรงให้กำเนิดพระธิดา 2 พระองค์คือ เจ้าหญิงมาโกะ ทรงประสูติเมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ.1991 และเจ้าหญิงคาโกะ ทรงประสูติเมื่อ วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.1993
[แก้] เจ้าหญิงซายาโกะ
เจ้าหญิงซายาโกะทรงประสูตเมื่อ วันที่ 18 เมษายน ปีค.ศ. 1969 พระองค์ทรงงานเกี่ยวกับการวิจัยที่ Yamashina Institute of Ornithology เจ้าหญิงซายาโกะทรงอภิเษกกับสามัญชนชื่อ คุโรดะ โยชิกิ นักออกแบบผังเมืองของ Tokyo Metropolitan Government ซึ่งเป็นพระสหายสนิทของเจ้าชายอาคิชิโนะพระเชษฐา เจ้าหญิงซายาโกะ ใน วันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.2005 หลังจากที่ทรงเข้าพิธีอภิเษกแล้วทรงต้องสละราชสมบัติเพื่อไปเป็นคนสามัญธรรมดา และต้องใช้นามสกุลของสามีเป็นตามกฎหมาย และโดนถอดยศของเจ้าหญิง
[แก้] ดูเพิ่ม
![]() |
ราชวงศ์ญี่ปุ่น เป็นบทความเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |