เฮนรี่ คารเทียร์ เบรสซอง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย |
[แก้] henri cartier-bresson
ประวัติ อองรี กาติเยร์-เบรสซง
ช่างภาพชาวฝรั่งเศลเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีอันจะกิน มีชีวิตค่อนข้างสุขสบาย พ่อของเขาชอบสเกตซ์ภาพเมื่อมีเวลาว่างจากการทำงาน และลุงของเขาชอบการวาดภาพสีน้ำมันเป็นชีวิตจิตใจ อองรี กาติเยร์-เบรสซง ในวัยเยาว์จึงซึมซับศิลปะแขนงนี้ไว้ในใจ เข้าสู่แวดวงศิลปะโดยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคิวบิสม์และเซอร์เรียลลิสต์ตามลำดับ แต่ในที่สุด เขาได้เลือกการถ่ายภาพเป็นเครื่องมือในการแสดงออกวิธีและมุมมองต่อการมองโลกของเขา แต่การเข้าไปคลุกคลีอยู่กับศิลปินในช่วงเวลานี้เป็นเสมือนหนึ่งการวางรากฐานของศิลปะให้กับการถ่ายภาพที่ อองรี กาติเยร์-เบรสซง เอาจริงเอาจังในเวลาต่อมา
แรงบันดาลใจ
หลังจากมีกล้อง brownie box และถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกโดยไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไรนัก แต่เมื่อเขาได้เห็นภาพถ่ายของช่างภาพชาวฮังกาเรียนชื่อ Martin Munkacsi เขาจึงเริ่มถ่ายภาพอย่างจริงจัง ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 23 ปี
อองรี กาติเยร์-เบรสซง
เล่าถึงแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากภาพนั้นในทำนองที่ว่า เมื่อได้เห็นภาพนั้น เขาตระหนักได้ทันทีถึงความสามารถของการถ่ายภาพที่สามารถบันทึกความเป็นนิรันดร์เอาไว้ได้ มันเป็นภาพถ่ายภาพเดียวที่มีอิทธิพลต่อเขาจวบจนทุกวันนี้ เพราะมันแสดงถึงอารมณ์ ความสนุกสนาน และความมหัศจรรย์ของชีวิต เขาบอกว่าเขาเหมือนโดนเตะที่ก้นและถูกเร่งเร้าให้ออกไปถ่ายภาพ
ภาพแรงบันดาลใจ
Three Boys at Lake Tanganyika เด็กชายสามคนในทะเลสาบ ทันโกนิกา เป็นภาพแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพของ อองรี กาติเยร์-เบรสซง
เทคนิคของ อองรี กาติเยร์-เบรสซง
เขาชอบเลนส์ 50 มิลลิเมตร เพราะเขาบอกว่าใกล้เคียงกับระยะการมองของคนและมันบิดเบือนสิ่งที่เขาเห็นน้อยที่สุด ในทางเทคนิคมันก็เป็นอย่างนั้น แต่บางคนชอบมองแบบเจาะจง บางคนชอบมองกว้างๆ ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับการมองโลกของแต่ละคน เทคนิคการถ่ายภาพนอกจากนั้นแล้ว อองรี กาติเยร์-เบรสซง นั้นไม่ใช้แฟรช เพราะมันทำให้เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่สะดุดกับแสงวาบ และมันเหมือนกับเป็นการคุกคามที่หยาบคายไร้มารยาท เมื่อจะต้องเลือกภาพเพื่อลงพิมพ์ เขาไม่ครอปภาพ และยิ่งไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนทำแบบนั้น เพราะในขณะกดชัตเตอร์เขาคิดว่ามันเป็นความสมบรูณ์ของการทำงานในขณะนั้นโดยช่างภาพ ดังนั้นควรเคารพชิ้นงานของผู้สร้างงานนั้นๆ
ปี 1952หนังสือรวมผลงานภาพชื่อ Image a la Sauvette(Street Photography)ของอองรี กาติเยร์-เบรสซง ได้รับการตีพิมพ์ในบทนำของหนังสือภาพเล่มนี้เขาได้เขียนถึงวิธีการและสิ่งที่เขายึดถือในการทำงานเอาไว้อย่างละเอียดจนกล่าวได้ว่ามันเป็นบทเรียนสำคัญที่ถ่ายทอดไว้ให้ช่างภาพรุ่นหลัง ภาพถ่ายของ อองรีกาติเยร์-เบรสซง เป็นการทำงานที่ต้องอาศัยการทำงานที่ประสานสอดคล้องกันของจิตใจ สายตาทักษะความชำนาญ การตอบสนองของสมองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สัญชาตญาณ สุนทรีศาสตร์ความรู้เรื่องบริบทของสังคมการเมือง โชค ความบังเอิญ การรอคอย และเลือกที่จะบันทึกมุมมองหนึ่งๆของตนโดยการตัดสินใจในเศษเสี้ยวของวินาที
ปี 1947เขาได้ร่วมก่อตั้งเอเจนซี่ช่างภาพกับเพื่อนช่างภาพอีก 3 คน คือ โรเบริต คาปา,เดวิด เซเมอร์, จอร์จ รอดเจอร์ เอเจนซี่ แห่งนี้มีส่วนปรับเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ของการจ้างและลิขสิทธิ์ผลงานของช่างภาพ มันช่วงเวลาที่ อองรี กาติเยร์-เบรสซง รายงานสถานการณ์ต่างๆ ในฐานะช่างภาพอาชีพให้กับนิตยสารข่าวรายเดือนหลายฉบับ โดยมี Life,Paris Match และ Ce Soir (นิตยสารฝรั่งสาร) อองรี กาติเยร์-เบรสซง เดินทางไปรอบโลก โดยเฉพาะในเอเชียที่เขาร่อนเร่ไปตามประเทศต่างๆนานสามปี ตั้งแต่อินเดีย อินโดนเซีย จีน โดยเข้าไปเป็นประจักษ์พยานต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ในภูมิภาคนี้ ในอินเดียเขาเป็นช่างภาพคนสุดท้ายที่ได้สนทนาและบันทึกภาพมหาตมะ คานธี หนึ่งชั่วโมงก่อนถูกลอบสังหารในจีน เขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีน ด้วยความเหมาะเจาะพอดีของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพโดยเฉพาะกล้อง ไลก้า ที่มีคุณภาพดีขนาดพอเหมาะพอดี ทำให้ง่ายต่อการทำงาน การเติบโตของนิตยสารภาพ การพัตนาทางวิชาชีพและช่างภาพที่มีความสามารถเป็นเลิศจำนวนหนึ่งโฟโต้เจอนอลลิสม์ จึงได้พบกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การถ่ายภาพ
รางวัล 1948: รางวัลสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของอเมริกา 1953: รางวัล A.S.M.P. 1954: รางวัลสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของอมริกา 1960: รางวัลสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของอเมริกา 1964: รางวัลสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศอเมริกา 1982: รางวัล ฮัสเซลเบลด
ปรัชญาการทำงาน
There is nothing in this world that does not have a decisive moment.