หลังจากเพนตากอนถูกชน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้ |
สารบัญ |
[แก้] หลังจากเพนตากอนถูกชน
เมื่อ 11 กันยายนปี 2001 เมื่ออาคารกลาโหมของสหรัฐ หรือเพนตากอนถูกเครื่องบินพุ่งชนด้วยน้ำมือของผู้ก่อการร้าย ในสหรัฐอเมริกา รัฐเวอร์จีเนียร์ ที่เพนตากอน 11 กันยายน ปี 2001
06.40 น.ชาวอเมริกันหลายคนยังหลับอยู่ แต่เจ้าหน้าที่กลาโหมของสหรัฐ เริ่มต้นภารกิจวันใหม่แล้ว พันโทหญิงมาลิลีน ก็เช่นเดียวกัน มาลิลีน วิวส์ เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ 23,000 คน ของเพนตากอน ซึ่งมีพลเรือนชายหญิง ทหารบก ทหารเรือและทหารอากาศ เพนตากอนเป็นสำนักงานซึ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตัวอาคาร 5 ชั้น ออกแบบ ด้วยเทคนิคพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ทางเดินความยาวเกือบ 30 กิโลเมตร เชื่อมโยงมากกว่าพื้นที่ 600,000 ตารางเมตร ด้วยกัน เทียบเท่าตึกเอมไพสเตรด ถึง 3 แห่ง เพนตากอน เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทค มากมาย โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัย
07.00 น.บอบบี้ โบค เจ้าหน้าทีระดับสูง ของกองทัพเรือมาถึงเพนตากอน ทันใดนั้นเองเที่ยวบินมรณะ ก็ออกจากสนามบิน วอชิงตัน
07.18 น.ผู้ก่อการร้ายผ่านจุดตรวจสนามบินมาได้ และอยู่ในสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์เที่ยวบิน 77
08.00 น.เพนตากอนเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย มาลิลีน วิวส์ กำลังเตรียมตัวเข้าประชุม เธอเป็นทหารมาแล้ว 20 ปี และได้ทำงานให้กับสภาครองเกรสใน 2 ปี ให้หลังมานี้ มาลิลีน วิวส์ เล่าว่า เธอกับผู้ร่วมงานกำลังคุยที่จะประชุมก่อนที่จะ แยกกัน แล้วเธอก็เดินไปที่ประชุม
08.20 น.เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการบินในสนามบินวอร์ชิงตัน เตรียมพร้อมให้เที่ยวบินที่ 77 อเมริกันแอร์ไลน์ ออกจากรันเวย์ บนเครื่องมีผู้โดยสาร 53 คน นักบิน 2 คน และพนักงานประจำเครื่องอีก 4 คน รวมทั้งคนร้าย 5 คนที่เตรียมก่อเหตุสังหารหมู่ น้ำมันในถังเพียงพอที่เดินทางได้ใน 220 กิโลเมตร เป็นเที่ยวบินในประเทศ ไปลอสแองเจอลิส
08.46 น.ก็มีข่าวสด ๆ เกี่ยวกับการเกิดเหตุการณ์เครื่องบินชนกับตึกเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ ย้อนกลับมาที่เพนตากอน เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับตึกเวิร์ดเทรด โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตความปลอดภัยของพวกเขา
08.50 น.30 นาที หลังจากสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 77 ออกเดินทาง เครื่องบินไต่ระดับความสูงที่ 10,500 เมตร ผ่านเขตแดนรัฐโอไฮโอ กับ เคนตักกี เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการบินอินเดียนาโปลิส เป็นคน สุดท้ายที่มีโอกาสติดต่อกับนักบิน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยิน เสียงตอบกลับจากนักบินอีกเลย ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากนักบิน เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการบิน เริ่มกังวลว่าอาจเกิดหตุร้ายขึ้นทันทีที่เหตุการณ์เริ่มผิดสังเกตุ ข้อมูลการบินก็เริ่มหายไปจากจอเรด้าห์ของศูนย์ควบคุม ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่า เที่ยวบิน 77 อยู่ที่ใด
08.54 น.ท่ามกลางความสับสนเที่ยวบิน 77 เปลี่ยนเส้นทางและหันหัวกลับมาทางทิศตะวันออก บนชั้น 3 ของเพนตากอน บอบบี้ โบก , ปีเตอร์ เมอร์ฟี, และ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือต่างถกเถียงกันในเรื่องที่เกิดขึ้น
09.03 น.เครื่องบินลำที่สองพุ่งชนตึกเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ บอบบี้ เชื่อแน่ว่านี่คือการก่อการร้าย เขาเล่าว่า เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำอะไรซักอย่างที่ฐานะที่อยู่ใน เพนตากอนที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ บอบบี้ จึงรีบถามถึงความปลอดภัยในอาคารเพนตากอน เพราะตอนนั้นมีแต่คนดูข่าวทางทีวี แต่ไม่มีระวังตึกที่ตนเองอยู่ ในที่สุดก็มีคนแจ้งว่า เพนตากอนไม่ได้เสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งเขาไม่มีทางเชื่อ แค่ไม่กี่วินาทีระดับการรักษาความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับความเครียดของเจ้าหน้าที่ ร้อยโท เควิน แชฟเฟอร์ กำลังดูข่าวอยู่ที่ชั้นล่าง อลัน วอร์เลส นักผจญเพลิงเป็นเจ้าหน้าที่หนึ่งในสามคนซึ่งประจำอยู่ที่ สถานีดับเพลิงของเพนตากอน เขากำลังวุ่นอยู่กับการตรวจเช็ครถดับเพลิง เพราะตามกำหนดการประธานาธิปดี บุช จะเดินทางมาก่อนเที่ยง
09.30 น.อลันได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้า ข้อมูลเริ่มต้นระบุว่า เหตุการณ์ที่ตึกเวิร์ดเทรดเป็นการก่อการร้าย ซึ่งอาจเกิดเหตุร้ายเดียวกันนี้ในกรุงวอชิงตันได้ หน่วยดับเพลิงจึงต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางด้านมาลิลีน วิวส์ ยังอยู่ในห้องคนเดียวที่ชั้นล่าง และไม่รู้เกี่ยวกับการถูกโจมตีที่เวิร์ดเทรด
09.32 น.อเมริกันแอร์ไลน์ สั่งให้เครื่องบินทุกลำในสหรัฐลงจอด เจ้าหน้าที่สนามบินวอร์ชิงตันได้ยินเสียงจากเรดาห์ เจ้าหน้าที่ โอร์ด ไบรอัน เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศเล่าว่า เครื่องบินลำที่ก่อเหตุใช้ ความเร็วสูงกว่าปกติมากจึงมีเสียงเตือนที่เรดาห์ เครื่องบินมุ่งหน้าไปยังเขตควบคุมเหนือรัฐสภา และทำเนียบขาวด้วยความเร็ว 750 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แดเนียลเล่าอีกว่า เจ้าหน้าที่ทำได้แค่นับถอยหลังระยะที่เครื่องบินห่างจากเพนตากอน ลดลงเรื่อย ๆ เครื่องบินหักเลี้ยว 330 องศา เกือบเป็นวงกลมและมุ่งหน้าสู่เพนตากอน แดเนียลบอกว่า ทำได้แค่รอหลังจากที่ ตัดขาดจากนักบินในตอนนั้น หัวใจของเธอ เต้นแรงมาก
09.32 น.เครื่องบินอีกลำตัดขาดจากเรดาห์ และบินตรงไปยังเพนตากอน
09.37 น.นักผจญเพลิงอย่างอลัน อยู่นอกกำแพงเพนตากอน ตะวันตก อลันเล่าว่า เหนือศีรษะขอเขาแค่ 15 ฟุต เขาเห็นเครื่องบินบินโฉบไปทางซ้ายมือ
09.38 น.เครื่องบิน โบอิ้ง 757 ความเร็ว 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ห่างจากเพตากอนแค่ 1 วินาที เครื่องบินบินต่ำมากจน ชนไฟจราจรไปสามแห่งก่อนที่จะพุ่งชนฝั่งตะวันตกของเพนตากอน
กล้องรักษาความปลอดภัยจับภาพเหตุการณ์ไวได้ทันที เป็นหลักฐานเดียวที่มีอยู่ หลังจากเครื่องบินพุ่งชนเพนตากอน เครื่องบินแล่นทะลุผ่านกำแพงฝั่งตะวันตก ซึ่งเควิน แชพเปอร์ ยืนอยู่พอดี จอรห์ เยส และมาลิลีน วิวส์ อยุ่บนชั้นที่สองเหนือจุดเครื่องบินชน
จอนห์ เยส เล่าว่า ไม่ว่าใช้มือจับอะไรก็ร้อนไปหมด จนทำให้มือไหม้เกรียม รอบข้างร้อนเหมือนเตาอบ จนเขาต้องเอาหลังมารองรับน้ำจากสปริงเกอร์ ส่วนมาลิลีน บอกว่า มีคนมาเกาะกางเกงของเธอ มาลิลีนเลยบอกให้จับแน่น ๆ เธอจะพาออกไปข้างนอกเอง จากนั้นคนที่รอดชีวิตก็เริ่มคลาน โดยมีมาลิลีนเป็นหัวแถว และมีพลเรือนจับขาต่อกันไปเรื่อย ๆ ข้างในมืดมากและเต็มไปด้วยควันและมองไม่เห็นมือของตนเอง ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังมาลิลีนบอกว่า ไปต่อไปไม่ไหวเพราะมีควันทึบไปหมด จนรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่หายใจ มาลิลีนได้นำเสื้อสเวตเตอร์ ของเธอชุบน้ำแฉะแถวนั้นและบอกให้ผู้หญิงข้างหลังเธอดื่มน้ำจากเสื้อของเธอแล้วบ้วนน้ำออกมา เพื่อลดอาการสำลักควัน โอเปอร์เรเตอร์ที่ศูนย์สื่อสารเพื่อการป้องกันภัยในเพนตากอน ได้รับโทรศัพท์จากเหยื่อที่ติดในซากอาคารและพยายามช่วยเหลือเต็มที่ พวกเขาไม่ได้คิดหนีเอาตัวรอด ในระหว่างการอพยพคนไปยังที่ปลอดภัย
ที่ชั้น 3 เหนือไปจากที่เครื่องบินชนอาคาร 7.5 เมตร บอบบี้ โบค กระเด็นไปไกลด้วยแรงระเบิด ทับกับเพื่อนอีก 4 คนต้องหนีเอาชีวิตรอดจากกลุ่มควันหนาทึบ ทางใต้ของพวกเขา ที่พื้นมีรอยแตกอยู่ แต่พื้นดูไม่มั่นคงนัก นักผจญเพลิงอย่างอลัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นรอยไหม้ รถดับเพลิงลุกติดไฟ แต่ อลันก็ไม่ลังเล เขาปีนขึ้นไปบนรถและขอกำลังเสริม
09.40 น.การจราจรรอบเพนตากอนกลายเป็นอมพาต หน่วยกู้ภัยต้องพบกับความยากลำบากกว่าจะไปถึงจุดเกิดเหตุ เควิน แชพเปอร์ สำลักควัน แต่เขาก็คลานออกไปจากจุดวิกฤต และหาทางออกได้สำเร็จ ตอนนั้น เควิน เริ่มเห็นแสงแดดส่องเข้ามา เขามุ่งไปยังแสงนั้น จนไปเจอโพรงที่กำแพง ที่ชั้นสอง มาลิลีน วิวส์ยังติดอยู่ด้านใน มาลิลีนเล่าว่า ผู้ที่รอดชีวิตเริ่มพังหน้าต่างด้วยมือและเท้าจนพังหน้าต่างได้สำเร็จ หญิงคนที่อยู่ข้างหลังเธออายุมากกว่าทุกคน ก็เลยให้หนีออกไปก่อนส่วนทหารที่อยู่อีกคนก็ถูกไฟลวกเกือบทั้งตัว ตอนนั้นจึงเหลือแค่มาลิลินกับหัวหน้าที่อยู่ในอาคารส่วนเพื่อนของเธอนั้น ยังติดอยู่ข้างใน เพราะไม่ได้เข้าประชุม เหมือนกับผู้เคราะห์ร้ายอีกหลายคน มาลิลีน ตัดสินใจจะไม่หนีออกไปกับคนกลุ่มแรก แต่หัวหน้าของเธอออกคำสั่งให้หนีออกไปทางหน้าต่างเดี๋ยวนี้ มาลิลีนรู้ดีว่าย้อนกลับไปก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย เธอจึงตัดสินใจหนีออกมาทางหน้าต่าง พร้อมกับคนอื่น ๆ
09.45 น.รถดับเพลิง 10 คัน ถูกระดมมาช่วยกันดับไฟที่เพนตากอนหน่วยกู้ภัยรีบช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากซากตึกได้ อลัน วอร์เลสช่วยผู้ที่หนีออกมาจากทางหน้าต่าง ตะวันตก ตึกเพนตากอนมีเพลงไหม้ คนที่หนีรอดมาได้ต่างหวาดกลัว บางคนถูกไฟลวก พวกเขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไฟลูกท่วมสูงทางข้างบนของตัวอาคาร ส่วนด้านล่างก็มีควันออกมา นักผจญเพลิงเข้าไปถึงชั้นสี่ของตัวอาคาร ควันสีดำออกมาจากปลายทางเดินทั้งสองด้าน บอบบี้ โบค กับเพื่อนอีกสี่คน ยังคงหาทางออกต่อไป พวกเขาติดอยู่ในกองเพลิง
09.55 น.17 นาที หลังจากเครื่องบินพุ่งชนเพนตากอน นักดับเพลิงได้ยินเสียงร้าว พื้นอาคารถล่มลงมา เพนตากอนอาจถล่มลงมาทั้งหมด ทุกคนจึงรีบหนี
09.57 น.19 นาที หลังการพุ่งชน อาคารสูง 23 เมตร ถล่มลงมา 10 นาที ก่อนที่นักดับเพลิงจะเคลียร์ พื้นที่ได้หมด เควิน, มาลิลีน , จอนห์, และ บอบบี้ จะหนีออกมาจากซากตึกได้ทัน ก่อนที่พวกเขาจะถูกนำสู่โรงพยาบาล ด้วย เฮลิคอปเตอร์ และรถฉุกเฉิน
11.30 น.ไฟไหม้รุนแรงขึ้น ต้องใช้เวลานาน 24 ชั่วโมง กว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้ เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ที่ถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี
ในเหตุการณ์นี้มีเหยื่อผู้สังเวยชีวิตไป 184 คน 59 คนเป็นผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนเครื่องบิน 125 คนเป็นเจ้าหน้าที่เพนตากอน มีเจ้าหน้าที่เพนตากอนเกือบ 23,000 คนต่อวัน เมื่อถูกเครื่องบินพุ่งชนด้วยความเร็ว 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและน้ำมัน 20,000 ลิตร แรงระเบิดเทียบเท่าระเบิด TNT 500 กิโลกรัม FBI และสมาคมวิศวกรรมอเมริกัน รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไฟไหม้และโครงสร้างอาคาร 6 คน เพื่อทำงานนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวน โดยเริ่มจากตัวอาคาร พวกเขาพุ่งเป้าไปที่เครื่องบิน เพื่อหาว่าเครื่องบินได้เข้ามาเพนตากอนได้อย่างไร เริ่มจากการฟังเสียงบันทึกการบิน
78 นาที ก่อนการพุ่งชน สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 77 ได้รับอนุญาตให้ บินออกจากสนามบิน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการบิน ยังติดต่อกับนักบินได้เป็นปกติ และมีการตอบรับจากนักบิน เที่ยวบินที่ 77 เตรียมออกเดินทาง
44 นาที ก่อนการพุ่งชน ข้อมูลจากกล่องดำพิสูจน์ว่า เที่ยวบิน 77 เริ่มหักเลี้ยว 180 องศา และมุ่งหน้ากลับไปทาง เวสเวอร์จิเนีย
42 นาที ก่อนการพุ่งชน เครื่องบินขาดการติดต่อ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการบิน พยายามสื่อสารกับนักบินเที่ยวบิน 77 แต่ก็ไม่เป็นผลเริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เพราะไม่มีสัญญาณใด ๆ จากนักบินเลย เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบิน หลังจากนักบินขาดการติดต่อ บอบ ฟรานซิส เจ้าหน้าที่สืบสวนมีคำตอบ คนร้ายคงจะรีบปิดเครื่องรับวิทยุ ที่จะบอกหมายเลขเที่ยวบินความเร็วและความสูง มายังศูนย์ควบคุมการบิน ทำให้เที่ยวบิน 77 หลุดจากจอเรดาห์ 36 นาที ที่เที่ยวบิน 77 ผ่านน่านฟ้าควบคุมของกรุงวอชิงตันได้ โดยที่ไม่มีใครทราบ
4 นาทีก่อนพุ่งชน ข้อมูลจากกองกลางระบุว่าเครื่องบินกำลังบินเรียบพื้น ลดลงเหลือ 160 เมตร เลี้ยว 330 องศามุ่งหน้าไปที่เพนตากอน เครื่องบินเพิ่มความเร็วไปที่ 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งชนฝั่งตะวันตกของเพนตากอน เครื่องบิน บินต่ำจนเกิดขีดอันตราย ตรงใจกลางจุดเกิดเหตุ ขั้นแรกต้องรู้ว่าเครื่องบินชนตึกอย่างไร หลักฐานมีแค่กล้องรักษาความปลอดภัย แต่ด้วยความเร็ว 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กล้องจึงเก็บภาพที่เครื่องบินชนเอาไว้ไม่ได้ วิศวกรโครงสร้างอย่าง อัลลีน คิลชิเมอร์ เป็นคนหนึ่งที่เข้าไปในทีเกิดเหตุ เขามุ่งความสนใจไปที่จุดที่เครื่องบินผ่านตัวอาคาร อัลลีนบอกว่า ที่กำแพงจะเห็นรอยปีกขวา ซึ่งแสดงว่าเครื่องบินเอียงเอาปีกด้านขวาขึ้น ตอนที่พุ่งชน
09.38 น.เครื่องบินเอียงทำมุมก่อนที่ปีกขวาจะกวาดเอาพื้นซีเมนต์และเหล็กของชั้นสอง แล้วปากซ้าย ที่โพรงด้านซ้าย เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนของปีกเครื่องบิน ฝังอยู่ใต้ดินเกือบครึ่งเมตร เครื่องปะทะเข้ากับกำแพงฝั่งตะวันตกเป็นแนวทแยงด้วยความสูงเรียบพื้น
0.1 วินาทีก่อนปะทะ เครื่องบินหมุนไปทางซ้ายเล็กน้อย วินาทีที่ปะทะ ปีกซ้ายของเครื่องบินและเครื่องยนต์กระแทกพื้น ขณะที่ส่วนหัวชนเข้ากับตัวอาคาร และทำให้รู้เส้นทางพุ่งชน เพนตากอนได้ เจ้าหน้าที่ต้องการทราบว่าหลังการปะทะ พวกเขาจึงย้อนไปการทดสอบเครื่องบินตก ปี 1984 มีการทดสอบเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ยากกับเครื่องบินโบอิง 720 ซึ่งเป็นข้อมูลที่นำไปสู่เพนตากอน ก่อนอื่นต้องเปรียบเทียบความเร็วเครื่องบินที่ใช้ทดสอบใช้ความเร็ว 240 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ข้อมูลจากกล่องดำบอกว่า เครื่อง 757 ลำที่เกิดเหตุ ชนด้วยความเร็ว 850 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นเปรียบเทียบระยะทางก่อนชน แล้วการทดสอบเครื่องโบอิง 720 ไถลไป 370 เมตรก่อน ที่จะหยุดนิ่ง แต่ต่างจากเที่ยวบิน 77 เที่ยวบินเร่งความเร็วมากกว่า 3 เท่า พุ่งชนตึกที่เป็นเหมือนป้อมปราการ ในตัวอาคาร เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนเครื่องบินจากตัวเครื่องถึง 95 เมตร เจ้าหน้าที่จึงอยากจะรู้ว่า โครงสร้างอะไรของเพนตากอนที่ ช่วยหยุดเครื่องบินเอาไว้ได้ สำรวจชั้นล่างของเพนตากอน โครงสร้างของเพนตากอน ช่วยปกป้องอาคารทั้งหลังไว้ได้ เครื่องบินพุ่งชนเพนตากอนและกวาดเอาเสาคอนกรีตลึกเข้าไป 20 เมตร และ 30 เมตร เกือบ 50 เมตรในตัวอาคาร เสาได้รับความเสียหายแต่แต่ไม่พังลงมา
[แก้] การพุ่งชน
ตัวเครื่องบินเหมือนหัวกระสุน ที่เจาะผิวหน้าของอาคาร 100 ส่วนของวินาทีหลังจากพุ่งชน เครื่องบินปะทะกับเสา 8 ต้น และเริ่มแตกออก 200 ส่วนของวินาที เครื่องยังรักษาสมดุลไว้ได้ ปีกซ้ายกวาดลึกเข้าไปในตัวอาคาร ครึ่งของวินาที กล่องดำ และคันบังคับปะทะกับตัวอาคาร เกือบ 100 เมตร เครื่องบินไถลไปตามชั้นล่างของสำนักงาน ใต้กับที่จอนห์ และเพื่อนของเขาอยู่ แต่ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิต สิ้นใจเพราะไฟไหม้และควันหนาทึบ เสาเข็มพวกนี้เหมือนกับกองฟืน ขาดแค่เชื้อเพลิงกับประกายไฟ ขณะพุ่งชน เครื่องบินมีน้ำมันอยู่ 20,000 ลิตร น้ำมันบางส่วนเป็นเชื้อเพลิงของไฟสูง 127 เมตร ด้านนอก น้ำมันที่เหลือค้างอยู่ในเครื่องบินที่วิ่งด้วยความเร็ว 240 เมตรต่อวินาที น้ำมันกระจายไปทั่วซากปรักหักพัง เกิดไฟไหม้และระเบิดเป็นทางยาว 95 เมตรในตึกเพนตากอน
[แก้] กล้องตัวเดียวที่จับภาพการชนนี้ได้
[แก้] คนที่ติดอยู่ในตึกรอดชีวิต มาได้อย่างไร?
หนึ่งปี ก่อนเกิดเหตุการณ์ 911 ระบบป้องกันอัคคีภัยในเพนตากอน ถูกยกเครื่องใหม่ วิศวกรติดตั้งหัวฉีดเพลิงแรงสูง ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นที่เกิดเหตุ จอนห์ เยส อยู่ที่ ชั้น 2 และถูกไฟคลอก 35% ของร่างกาย เขารอดชีวิตมาได้เพราะหัวฉีดน้ำดับเพลิงแบบใหม่ ทอมบอกว่า หัวฉีดน้ำดับเพลิงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดเพลิงไหม้ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอัตโนมัติจึงวางใจได้ แต่ที่ชั้นล่างเจ้าหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่า มีคนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ เขาเอาตัวรอดจากวิฤตมาได้อย่างไรเจ้าหน้าที่เพนตากอน สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตทั้งหมด เพื่อหาตำแหน่งที่แท้จริง ที่ผู้รอดชีวิตอยู่ขณะเกิดเหตุ 6 สัปดาห์ ผ่านไป ดร. แกรก สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตไป 30 คน แต่เคส ที่น่าสนใจที่สุดคือเรื่องของ เควิน แชพเปอร์ ซึ่งถูกไฟคลอก โต๊ะของเควีนอยู่ตรงกับเครื่องบินไถลผ่านชั้นล่างพอดี เครื่องบินไถลผ่านไปด้วย 240 เมตรต่อวินาที และทำให้ซากปรักหักพังชุ่มไปด้วยน้ำมันแล้วเควิน รอดมาได้อย่างไร? เควิน แชพเปอร์ ผู้รอดชีวิต ดิ้นรนหนีตาย โดยคลานไปตามซากปรักหักพังของเพนตากอน ซึ่งมีบางส่วนลุกติดไฟอยู่ ด้านวิศวกรโครงสร้างอย่างอันลีน บอกว่า ตอนที่เครื่องบินพุ่งชนมายังตัวอาคาร เหมือนกับการระเบิดหินในเหมืองไม่มีผิดเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น คลื่นระเบิดผ่านตึกเพนตากอนในช่วงเสี้ยววินาที เมื่อเครื่องบินทะลุเข้าไปในตัวอาคาร จะเกิดชอร์กเวปต่อเนื่องกันไป ในพื้นที่ซึ่งมีแรงต้านทานน้อยที่สุดสะท้อนกลับไปกลับมาเมื่อกระทบของแข็ง คลื่นระเบิดที่สะท้อนกลับไปกลับมาไม่ถูกเควิน ซึ่งถ้าเขายืนเยื้องไปซ้ายหรือขวาไม่กี่เซนติเมตร เควินคงไม่รอดชีวิต แรงระเบิดทำให้เกิดโพรงออกไปสู่ถนน หนทางรอดเพียงทางเดียว เควินคลานหนีออกไป 28 เมตร ร่ายกาย 42 เปอร์เซ็นต์ ถูกไฟลวก หัวใจเขาหยุดเต้นถึง 2ครั้งเมื่อเข้าไปถึงโรงพยาบาล
[แก้] แรงระเบิดทำอะไรกับโครงสร้างพิเศษของเพนตากอนบ้าง
เพนตากอนเป็นวงแหวน 5 ชั้น ชอร์กเวปทำอันตรายได้แค่วงแหวนชั้นที่ 3 ของเพนตากอน สำนักงานมีพื้นที่ทั้งหมด 600,000 ตารางเมตร ถ้าไม่มีถนนกั้นระหว่างวงแหวน แรงระเบิดอาจทำความเสียหายให้กับเพนตากอนได้มากกว่านี้ มาลิลีน วิวส์ กับคนอีกจำนวนหนึ่งคลานไปบนพื้นของชั้นที่ 2 เพื่อหนีตาย พวกเขาอยู่ด้านบนของจุดปะทะพอดี เสาคอนกรีตพังทลาย ชั้นที่สองของเพนตากอนรับน้ำหนักได้ 19 นาทีก่อนที่จะพังลงมา มาลิลีนและคนอื่น ๆ หนีออกมาทางหน้าต่างได้ทันเวลา โครงสร้างของอาคารทนแรงปะทะของเครื่องบินความเร็วสูงถึง 850 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงได้ เสาที่ชั้นล่างล้มไป 30 ต้น ส่วนอีก 20 ต้นพังยับเยิน เสาจำนวนมากล้มลงและเสียหาย แต่เพนตากอนคงรูปอยู่ได้ ย้อนกลับไปปี 1941 เริ่มก่อสร้างเพนตากอนเมื่อวันที่ 11 กันยายน 60 ปีก่อนเกิดเหตุวินาศกรรม ตอนนั้นเชื่อกันว่า ไม่จำเป็นต้องสร้างกองบัญชาการสงครามขนาดใหญ่ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และจะใช้เพนตากอนเป็นที่เก็บเอกสารเท่านั้น เพื่อให้รับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษจึงมีการเสริมคานและเหล็กกล้าชนิดพิเศษ หลังเหตุการณ์ 911 หัวหน้าวิศวกรรมอย่างอันลีน ได้สร้างเสาและคานแบบเดียวกันกับปี 1941 ขึ้นใหม่ อันลีน อธิบายว่า ไม่มีทางที่จะระเบิดเสาชนิดพิเศษแบบนี้ได้ เพราะเสาจะไม่พังลงมา ด้วยเหล็กเส้นที่ฝังอยู่ชั้นใน เชื่อมเสาแต่ละต้นเข้าด้วยกัน และจะต้องเสริมเหล็กเส้นสองชั้น ทั้งด้านบนและล่างเสา เสาแต่ละต้นเสริมเหล็กกล้าจากพื้นจรดเพดาน อันลีนบอกอีกว่า เหล็กเส้นจะไม่โค้งงอออกจากกัน ทำให้เนื้อคอนกรีตไม่กะเทาะออกไปจากโครงเหล็ก แรงระเบิดมหาศาลที่ชั้นล่างของเพนตากอน ทำให้เสาพังไป 50 ต้น แต่โครงเหล็กที่ฝังไว้ในเสานี่เอง ที่ทำให้ตึกทรงตัวอยู่ได้ ผู้ออกแบบเพนตากอนเพิ่มข้อต่อรองรับการขยายตัวของอาคารเข้าไป เผื่อไว้สำหรับอากาศร้อนและหนาว ทำไว้แต่ละฤดูกาล ข้อต่อนี้เชื่อมอาคารแต่ละส่วนเข้าด้วยกันเป็นชุด ๆ ข้อต่อพิเศษ จึงช่วยรักษาอาคารเอาไว้ หน้าต่างของเพนตากอนมีส่วนให้ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 911 ตอนที่เครื่องบินชน บอบบี้ โบค มองไปที่หน้าต่าง และเห็นไฟลุกท่วมตึก แต่เขาไม่ถูกไฟคลอกเพราะนั่งเพราะหน้าต่าง เขาเล่าว่า หน้าต่างกันระเบิดที่เพนตากอน มีส่วนช่วยเจ้าหน้าที่เอาไว้ บทเรียนเมื่อปี 1995 ในเหตุวางระเบิดที่ โอกราโฮมา ซิตี้ เป็นบทเรียนชั้นยอดของเจ้าหน้าที่เพนตากอนเพราะครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตไปถึง 168 คน วิศวกรจึงต้องคิดค้นหน้าต่าง ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น หน้าต่างที่อยู่ห่างจากจุดปะทะของเครื่องบินแค่หนึ่ง เมตร ไม่ได้รับ ความเสียหาย หลังเหตุการณ์ 911 มีการติดตั้งอุปกรณ์ ที่เพนตากอน เพื่อปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ เครื่องบินพุ่งชนตัวตึกเป็นแนวทแยงมุม ผ่านเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ทำงานตรงส่วนนี้ 5,000 คน แต่ในวันเกิดเหตุนั้น มีการปรับปรุงพื้นที่ส่วนนี้ 3เดือนก่อนเจ้าหน้าที่ 5,000 คน ถูกย้าย ไปที่ออฟฟิส ชั่วคราว
[แก้] บทสัมภาษณ์
ฮีโรในเพนตากอน มาลิลีน วิวส์ บอกว่า "เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ล้วนแต่คนที่คุณจะทิ้งพวกเขาไปไม่ได้ ทุกคนคือเพื่อน การที่ผู้หญิงคนหนึ่งมาเกาะที่กางเกงของฉัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับฉันในวันนั้น ฉันรู้แค่เพียงว่าจะต้องรับผิดชอบทุกคนที่เหลืออยู่ และช่วยให้ทุกคนรอดตายมาจากที่นั่น" อนุสรณ์ สถานที่เพนตากอน จะสลักชื่อผู้สูญหายทุกคนเอาไว้ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บในวันนั้น จะได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติ
เหตุการณ์ 911 ได้นำไปสู่แนวคิดใหม่ในการออกแบบสิ่งก่อสร้าง ทีมก่อสร้างใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี บูรณะซ่อมแซมด้านตะวันตกของเพนตากอน ให้กลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง กำแพงใหม่ถูกสร้างทดแทนของเดิม เพื่อคุ้มครองเจ้าหน้าที่ทุกคนในเพนตากอน ให้รอดพ้นจากภัยก่อการร้าย ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่บาดแผลหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ คือหินปูนที่ไหม้เกรียมจากเพลิงไหม้ เป็นที่ระลึกเตือนใจกับเหตุการณ์ของทุกคนในเพนตากอน
[แก้] อ้างอิง
เว็บไซด์ ลีโอนาโด เอ็กทีน.คอม [1]