ปรัชญาศาสนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ยังไม่ได้รับการจัดหน้า
บทความนี้ได้รับแจ้งว่ายังไม่ได้รับการจัดหน้า จัดย่อหน้า แบ่งหัวข้อ และจัดลิงก์ภายใน
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นจัดหน้าให้เหมาะสม แบ่งหัวข้อ ทำลิงก์ภายในสำหรับคำสำคัญ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การแก้ไขหน้า การแก้ไขหน้าพื้นฐาน และ นโยบายวิกิพีเดีย


ปรัชญา คือการแสวงหาความรู้ กฎหมายคือระเบียบแบบแผนที่กำหนดเอาไว้แน่นอน เพื่อลงโทษผู้ฝ่าฝืน รวมสองคำเข้าด้วยกันคือปรัชญากฎหมาย คือนิติธรรมทางกฎหมายหรือ ที่มาของกฎหมาย หรือการสร้างกฎหมาย ในการนี้จะกล่าวถึงความสำพันธ์ของกฎหมายยูดาห์ที่สัมพันธ์กับ กฎหมายที่ใช้กันอยู่อย่างกว้างเป็นแบบองค์รวม ในการทำเสนอรายงานนี้ โดยได้แหล่งข้อมูลที่สำคัญ คือ ก. สื่อสารทางอินเตอร์เนต ข. จากหนังสือ ค. จากคำบรรยาย ง. จากการสรุปวิพากษ์ในเชิงเหตุผล โดยจะมีปริบทที่แยกออกเป็นหน่วย ที่สามารถติดตามได้ โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้เป็นชนิด :จาก JRL-IRL-CRL-BRL-CRL-SRL-HRL-SHRL-ZRL-GRL-RRL- RL =Religious lawแต่ในที่นี่จะกล่าวเฉพาะ ปรัชญากฎหมายโดยทั่วไป ที่ได้รับมอบหมายมา โดยทำร่วมกับ ท่านอาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วารีญา ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม


โครงสร้างของกฎหมายหัวข้อและรายละเอียด

• การบังคับใช้กฎหมายตัวอย่างจากประสบการณ์ของการใช้ศาสนา • การวิเคราะห์วิพากษ์จากข้อมูลเปรียบเทียบ • ข้อเสนอแนะ • เจตนารมณ์ที่มาที่ไป • ความต่าง ๆ กันว่ามีปรัชญาที่มาอย่างไร หมายถึงอย่างไร • สรุปคุณค่า คุณประโยชน์ที่มี และ

                                       ตามรายงานนี้ได้สัมฤทธิ์ผล   จึงได้ทำรายงานนี้ด้วยวิธี ทางวิชาการและแบบบูรณการตามหลักขง      Ken  Willber

สารบัญ

[แก้] นิติปรัชญา

อะไรคือกฎหมาย และกฎหมายมิใช่กฎหมู่ แต่ทว่ากฎหมู่จะเป็นกฎหมายได้ก็คือกฎหมาย ที่สังคมยอมรับและเป็นประเพรีของสังคมนั้น ๆ กฎหมายคำนี้มีมากเช่นคำว่า 1. Loi 2. Jurist 3. Jurisprudence 4. Legal 5. Justice

             แปลว่าความยุติธรรม กฎระเบียบ ขอบังคับ  กฎหมายฉบับแรกของโลกชื่อว่า กฎมายฮัมมูราบี คือกฎที่ว่า ทำอย่างไรก็ลงโทษอย่างนั้นอย่างนั้น    จนท้ายสุดปัจจุบันกฎหมายได้แยกออกมาหลายสาขา    หลายระบบ   แต่สรุป กฎหมายมีบทกำหนดลงโทษ   มิใช่ออกมาเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง    แต่คือมีอำนาจในการลงโทษทางวินัย  และมีความสากลและ    ตราโดยคณะบุคคล    มิใช่โดยเอกชนคนใดคนหนึ่ง   ซึ่งแบ่งเป็นสองทาง

ทางโลก ทางธรรม แต่สำรับพระศาสนานั้น ตราขึ้นโดยการสังคายนา โดยพระเจ้าโดยศาสดา เรียกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือพระบัญญัติ และจะออกกฎโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ ไม่มีองค์ประกอบสำคัญ แต่วางอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรมและจริยธรรม มีผลบังคับใช้ชั่วนิจนิรันดรห้ามเปลี่ยน อนุบัญญัติมีผลใช้เปลี่ยนได้โดยนิกาย สำหรับพระเท่านั้น และมีผลบังคับใช้แก่ผู้มิใช่พระด้วย เช่นกฎหมายอิสลามกฎหมายยิว จึงแยกกกหมายศาสนาออกเป็น ๔ ชนิด คือ ชนิดที่ใช้อย่างเดียวทางเดียว และใช้ สองทาง และใช้ร่วมกัน และใช้แยกกัน กฎหมายศาสนา การศึกษาเปรียบเทียบศาสนายูดาห์ คริสต์ อิสลาม และพระพุทธศาสนา ๑.ความสำคัญและบ่อเกิดของกฎหมายศาสนา มองโดยภาพรวมจากการศึกษา ๔ ศาสนาคืออะไร


ภาพรวมจากการศึกษาพบว่า คือศาสนาเป็นแกนนำของกฎหมายในสังคมที่ที่มีกฎหมายตามที่ชุมชนนั้นนับถือ เช่นพุทธ มีวินัยบัญญัติ และการปรับอธิกรณ์กรณีพุทธ มีกฎหมายพระคือศีล ๒๒๗ ข้อ เป็นหลักปรัชญา ในการสร้างกฎหมายไทยด้านวิเทศวิธี และสารวิธี และนิติวิธีเป็นแกนเสริม ด้านศาสนายูดาห์มีบัญญัติสิบประการของโมเส และกฎหมาย ๖๓๑ข้อเป็นแกนหลัก

ด้านอิสลามสำนักนิติธรรมเนียมอิสลามโดย ดาโต๊ะ อิหมาน และบัญญัติตามหลักศรัทธา ๕ ประการ และปฏิบัติ ๖  ประการเป็นแกนนำ ทางด้านคริสต์ มีบทบัญญัติ ๑๐ ประการและหลักประนีประนอม หลักพยานเป็นแกนนำ

มีความสำคัญดังต่อไปนี้คือ ถ้าไม่มีศาสนาเป็นแกนนำทางจริยธรรมการควบคุมให้กฎหมาย เป็นไปตามระเบียบแล้วกระทำได้ยาก เช่นสงครามเกิดเพราะการละเมิดระหว่างรัฐขึ้น เพราะศาสนาสงครามจึงเกิดน้อย ศาสนาเป็นตัวช่วยให้การพิพาทลดลง ตามหลักการให้อภัย หลักการสันโดษ หลักกฎแห่งกรรม หลักศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว เกิดขึ้นมาหลายแห่งเช่นของพุทธเกิดที่กรณี การใช้ระบบไม่เบียดเบียนอโหสิ การยอมแพ้ กรณีการไม่ผูกอาฆาต ขณะที่วงศ์ศากยะถูกฆ่าตายสมัยพรเจ้าวิทูตภะ และผู้เสียหายไมยึดติดในการกระทำครั้งนี้ เป็นผลให้ไม่เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ในโอกาสต่อมา สงครามทุกครั้ง นอกเขตพุทธมีกรุงวาติกันเป็นแกนนำสู่สันติภาพทุกครั้ง สงครามในตะวันออกกลางเกิดน้อยลงเพราะแกนนำคือศาสนาอิสลามในหลักเป็นศาสนาเดียวกัน

   ยิวทั่วโลกไม่สร้างปัญหาเพราะมีศาสนายูดาห์เป็นแกนนำทำให้ชุมชนยิวทั่วโลกสงบลงได้

วัตถุประสงค์เป็นเช่นไร

วัตถุประสงค์เพื่อสันติภาพ 

อะไรคือเจตนารมณ์ของกฎหมาย กฎหมายทุกชนิดมีเจตนารมณ์ กล่าวคือเจตนาแห่กฎหมายมีไว้เพื่ออะไร 1. เพื่อมีการลงโทษ 2. เพื่อความสามัคคี 3. เพื่อความเป็นเอกภาพในหมู่คณะ 4. เพื่อความสงบสุขของสังคม แลเป็นพันธะสัญญา

เราพบว่าเจตนารมณ์แห่งกฎหมายของพุทธเจ้า และเจตนารมณ์ของกฎหมายอิสลาม ยูดาห์นั้นต่างกัน กล่าวคือ


บทลงโทษรุนแรงที่สุด คือ ความผิดใหญ่เพียงใด ประการ ใดเป็นสำคัญ และไมสำคัญ ว่าศาสนาอื่น ๆ มีการลงโทเท่านั้น อย่างนั้นและอย่างไร อย่างไร เรื่องปลีกย่อยกลับเป็นบทลงโทษ ที่รุนแรง เช่นการเผา การ ex-communication ,การปัพพาชนียกรรม ในคริสต์ เพียงเรื่องชนิดเดียว ในเรื่องเรื่องวิทยาศาสตร์ หรือนอกรีดเท่านั้น เรื่องประหารชีวิต เราจะพบว่าเจตนารมณ์ของ กฎหมายไม่เหมือนกัน เช่นพุทธไม่ประหารชีวิตให้ตายไปแต่เพียงสึกจากพระ ส่วนคริสต์นั้น ทำลายชีวิตด้วยในอดีต และแต่ละศาสนามีบทบังคับแบ่งเป็น ๒ ทาง แต่ทางคดีโลกเจตนารมณ์มีกฎหมาย แตกต่างกัน คือส่วนที่ทางโลกมีส่วนร่วมบังคับ และส่วนที่ทางโลกไม่มีส่วนร่วมบังคับ และร่วมกันทั้งสองทาง การตุลาการแยกกันหมดหรือรวมกันหมด เช่น กฎหมายสากลว่าด้วย เพ่งพาณิชย์ แต่สำหรับกฎหมายศาสนานั้น ไม่มีกฎหมายสากลของศาสนา

เว้นแต่กฎหมายทางคดีโลกจะร่างขึ้นมารองรับศาสนาอีกครั้งหนึ่ง

เช่นกรณีกฎหมายไทย ที่ออกมาเพื่อรองรับกฎหมายเฉพาะพระอีก และมีบทลงโทษที่หนักกว่า กฎหมายเดิมจากบางเรื่องที่ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ การออกกฎหมายพระนั้น สำหรับพุทธะเน้นที่ตรง มีเหตุเกิดก่อน แล้วตราเป็นกฎหมายหมายที่เรียกว่าวินัยบัญญัติขึ้นมา สำหรับสาเหตุอื่นนั่นต่างกัน การออกกฎหมายของพุทะไม่ได้แบ่ง ที่กฎหมายแยกออกมาจาก แม่บท แต่บางครั้งแยกออกไปเป็นกฎหมายทุกชนิด เป็นกฎหมาย แม่บท แต่บทลงโทษทางกกหมายเบากว่ากันต่างกัน ทุกชนิดเป็นกฎหมายแม่บทเหมือนกัน สำหรับศาสนาอื่น ๆ นั้น กฎหมายของศาสนาแยกดังนี้ ออกมาก่อนเรื่องจะเกิดขึ้น ออกหลังเรื่องเกิดขึ้น

   อออกมาไว้ล่วงหน้าก่อนที่เหตุเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่คือพุทธ ความแตกต่างตรงนี้เองที่ทำให้ ปรัชญากฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการศึกษา
แต่สรุปแล้วกฎหมายศาสนาเป็นกฎหมาย ที่เป็นปรัชญาของกฎหมายของสังคมแต่

ละสังคมนั้นด้วยแต่พุทธไม่ใช่อย่างนั้น เช่นในเรื่องกำหนดว่า ราชินีอังกฤษต้องเป็นแองลิกันโปรเตสแตนน์เท่านั้นเป็นต้น ไทย กำหนดว่าพระราชาเป็นพุทธมามกะและเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกดังนี้ เราพบว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายในพระศาสนาและทางโลกนั้นเป็น ๔ ลักษณะคือ 1. ไม่เหมือนกัน 2. เหมือนกัน 3. ร่วมกัน 4. แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นแบบจตุภาคีเสมอ ไม่ว่าทุกศาสนาใด ทุกสถาบันทั้งคฤหัสถ์ที่เรียกว่า ศาสนจักร และฝ่ายอาณาจักร นอกจากนั้น กกหมายยังมีลักษณะอื่น ๆ อีก คือ ชนิดเปลี่ยนแปลงได้ เช่นกฎหมายการเมือง ชนิดเปลี่ยนแปลไม่ได้ เช่นกฎหมายการฆ่าคนตาย ในทางศาสนา เมื่อมีกฎหมายแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เป็นกฎหมายตายตัว ถ้ามีการเปลี่ยนก็จะเกิดนิกายขึ้น เช่น มหายาน เกิดขึ้นเพราะพุทธศาสนานิกายอื่น ไม่เห็นด้วยในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเก่า ในพุทธมีข้อยกเว้นในหลัก มหาปเทส กล่าวไว้ว่า กฎหมายใหม่ใด ไม่เหมาะกับกาลและสิ่งที่ควรไม่ควรเปลี่ยนได้ เราจะพบว่าในกฎหมายสำคัญเช่นเรื่องกฎหมายที่ว่าเปลี่ยนแปลงได้ ที่มีความแตกต่างกันระหว่างศาสนาจักรจักรและอาณาจักรที่ชัดเจนคือ ราชาฆ่าคนได้ไม่มีความผิดเพราะราชาอยู่เหนือกฎหมายในกฎหมายเก่า แต่กฎหมายใหม่ราชาอยู่ใต้กฎหมายฆ่าคนโดยพลการไม่ได้ เป็นต้น แต่เราไม่กล่าวสิ่งโดยเฉพาะแต่หมายถึงว่ากรรมวิธีอย่างนี้ เพราะเช่นการที่ราชาฆ่าคนที่ไม่ชอบโดยส่งคนไปรบในสงครามอย่างนี้เราไม่สามารถจับราชาได้เป็นต้น ในกรณีนี้กฎหมายศาสนาเข้าไปเกี่ยวได้ เป็นที่พึ่งแหล่งสุดท้ายของสังคมที่จริยะแล้ว ไม่กล่าวในรายละเอียดก่อนที่เป็นการฆ่าโดยวิธีการและหลักการเดียวกัน

 แต่ไม่สามารถนำมาตีเป็นว่า อะไรคือการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างแท้จริงในที่นี้    เพราะมิใช่ประเด็นตามหลักนิติปรัชญาในระดับนี้   แต่ว่าเป็นหลักปรัชญากฎหมายในระดับอื่น   ที่ต้องมีวิธีพิจารณาความนั้นมาพิสูจน์ เช่นคนฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถฆ่าได้โดยวิธีทางจิตวิทยาอื่นใดที่กฎหมายไม่สามรถหาหลักกฎหมายมาจับตัวผู้ฆ่าได้ เช่นฆ่าเพราะยอมให้ห่า  ฆ่าเพาะเป็นสาเหตุให้ถูกฆ่า  ฆ่าเพราะจำใจฆ่าเพราะมีอุบัติเหตุ  ฆ่าเพราะเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ฆ่าโดยวิธีแอบแฝง   ฆ่าโดยวิธีที่ไม่สามารถจับผิดได้   สิ่งเหล่านี้   เราไม่สามารถไปได้ในรายละเอียด  แต่จะพิจาณาเฉพาะหลักการใหญ่ ๆ เท่านั้น ซึ่งรายการอื่น    มอบให้นักนิติปรัชญามืออาชีพ   นำไปพิจารณาเพื่อสังคมต่อไป

ตามตำรากฎหมาย และนักนิติปรัชญาในเรื่อง เจตนารมณ์ของกฎหมายเราควรที่จะอ้างถึงคือ Comte ถือว่าการศรัทธามิใช่ที่ไม่เรียกความรู้ที่เป็นศาสตร์ ( นิติปรัชญา สมยศ ชื่อไทย ๒๕๔๕๒๗) Jeremy Bentham หลักอรรถประโยชน์นิยม Aristotle and Confucianism ครอบครัวเป็นหลักสำคัญในการล่อหลอมคนให้ดีตามกฏ Cicero กฎหมายเป็นธรรมชาติ แผ่ไปทุกสิ่งทุกอย่าง ห้ามมิให้คนทำชั่ว ศักดิ์สิทธิ์ นิรันดร ไม่เปลี่ยนแปลง แลมีอยู่ในจิตใจคน (นิติปรัชญา สมยศ ๒๕๔๘. ๙๕.๙๖) St Thomas Aquinas กฎเกณฑ์ของจักรวาลมี เรื่องนิรันดร ธรรมชาติ ถูกและศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายมนุษย์ Montesquieu เจตนารมณ์แห่งกฎหมาย การแบ่งและถ่วงดุลแห่งอำนาจ John lock กฎห้ามมิให้อำนาจกฎหมายอยู่ในมือคนเดียว Mencius มนุษย์เกิดมามีธรรมชาติที่ดี เม่งจื้อ Jean Jacques Rousseau มนุษย์มีเสรีภาพไม่จำกัด จึงต้องมีสัญญาประชาคม เพราะ ว่าความมั่นคงในเสภาพตามธรชาตินั้นไม่มี

[แก้] คุณประโยชน์และคุณค่าที่ไดรับจากเรื่องนี้

 มีมากมาย มากว่ากฎหมายสังคมที่เป็นอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่มีกฏหมายอะไรจะเกิดขึ้น

วรรณกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ เราพบวรรณกรรมหลายเรื่องทั้งของโบราณและปัจจุบันจากบุคคลและจากเรื่อง i. Devine comedy ii. Shakespeare iii. Sir Denny Cole iv. Odyssey v. Ennead vi. Iliad vii. คาถาธรรมบทในพุทธศาสนาชาดก viii. สมันตปสาทิกา ix. นวโกวาท x. แถลงการณ์คณะสงฆ์ xi. Journal of justice xii. ดุลพ่าห์ xiii. ข่าวสารทากฎหมายและนิติบัญญัติทุกชนิดทั้งในและนอก xiv. สำนักนิติธรรมเนียมอิสลาม xv. สำนักจูฬาราชมนตรี xvi. Nicea creed xvii. Chacedon creed xviii. Vatican decrees xix. Constance ct xx. Roman society of London xxi. Roman and Greece club of surprise xxii. St James palace xxiii. Paris en droid xxiv. มหาเถรสมาคม xxv. Huge of inter- peace club xxvi. international warfare committee of settlement act

นักศึกษาพบว่า กฎหมายทุกศาสนามีข้อดีมากว่าข้อเสีย เช่น ห้ามว่าห้ามกินข้าวหลังเที่ยงวัน เป็นปัญหาสุขภพ ห้ามทำอะไรทั้งสิ้นในวันหยุดก็มีการเสื่อมถอยทางชนต่างสังคม ห้ามทำลายสถานที่บางแห่ง ก็ทำให้เกิดสงครามได้


[แก้] ข้อเสนอแนะ

เพิ่มกฎหมายแทนการเพิ่มสงครามและใช้หลัก ผ่อนผัน และเข้มงวดแทนหลักอัตตาธิปไตยและประชาธิปไตย โดยใช้หลักอรรถประโยชน์นิยมใหม่เช่นอรรถประโยชน์ในเชิงศาสนา

พื้นฐานและความเป็นมาของกฎหมายยูดาห์ กฎหมายคือนิติธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้ในสังคมมนุษย์ ที่ไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุที่ไม่มีการยกเว้นนี้เอง กฎหมายจึงเป็นข้อบังคับ ที่มีค่าทางการใช้ในทุกรูปแบบทุกกรณีอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความผิดตามที่กฎหมายได้ระบุไว้ ให้สมาชิกของสถาบันสังคมนั้น ๆ ต้องปฏิบัติตาม ที่มีค่าสูงกว่าบทบัญญัติกว่าที่เรียกว่าศีลธรรมทางศาสนา กฎหมายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เดิมทีกฎหมายพัฒนามาจาก ข้อบังคับของครอบครัวของเผ่า ศาสนา ประเพณีการปกครอง เพราะคนทุกคนต้องมีกฎหมายหรือการบังคับให้รักษาคำพูด แต่เพื่อให้กฏศีลธรรมกฎครอบครัวเหล่านั้นมีผลบังคับใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย จึงต้องตรากฎหมายออกมา เพราะว่ากฎแห่งสวรรค์นั้น ไม่มีบทลงโทษที่เป็นตัวตน หาไม่พบ เป็นเพียงความเชื่อรายลัวบุคคลเท่านั้น กฎหมายเกิดขึ้นมา เป็นประเพณีก็มี อย่างเช่นกฎหมายอังกฤษเป็นกฎหมายประเพรี ตีความกันตามประเพณี ไม่มีลายลักษณ์อักษร รัฐธรรมนูญอังกฤษไม่มีลายลักษณ์อักษร เพราะฉะนั้นกฎหมายที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย การตีความจึงยาก ก็เป็นประเพณีเดียวในโลกที่ทำได้ โลกจึงใช้กฎหมายโรมัน และปัจจุบันใช้กฎหมายฝรั่งเศสเป็นกฎหมายสากล

      เราต่างย่อมรับแล้วว่า    กฎหมายทุกชนิดมีผลให้บังคับใช้ในชาตินี้ เท่านั้น   แต่บทบัญญัติศาสนานั้นมีผลใช้ในชาติต่อ  ๆ   ไปด้วย    มีข้อบังคับ   ทั้งในขั้นจริยธรรมทางกายทางใจและความศรัทธาเป็นหลัก  ซึ่งกฎหมายนั้นไม่เหมือนกัน     แต่เป็นข้อบังคับให้ปฏิบัติตามนี้คือสิงที่ต่างกัน  แต่ทว่ากฎหมายนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานทาศาสนาเสียส่วนใหญ่  และกรณีกฎหมายยิวนั้นมีศาสนาเป็นหลัก  คือกฎหมายเป็นทั้งศาสนาบัญญัติและศีลธรรมไปในตัว   โดยมีรัฐธรรมนูญคือพระบัญญัติ ๑๐ ประการนั้นเอง  
           ด้วยเหตุนี้เองกฎหมายยิวจึงเป็นเรื่องต้องไม่พ้นข้อเปรียบเทียบที่ว่า    เมื่อมีกฎหมายแล้วทำไมต้องมีบทพระบัญญัติอีกด้วย     หรือในทางกลับ คำตอบเพราะว่า ชาวยิวถือกำเนิดมาจากชนเผ่าที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกันไว้  ก่อนการก่อตั้งรัฐชาติได้สำเร็จ     คำถามตามมาว่า  มีแต่เพียงบทบัญญัติตามกฎหมายไม่เพียงพอหรืออย่างไร  เพราะว่าเมื่อสมาชิกของสังคมก็ต้องมีศาสนา  โดยส่วนใหญ่   คำตอบคือใช่    ในโลกแห่งความเป็นจริง  กฎหมายที่มากับบทบัญญัติของศาสนานั้น ไม่เหมือนกัน    บางศาสนามี   บางศาสนาไม่มี   และบางสังคมมี บางสังคมไม่มี      ในประวัติศาสตร์ปรัชญากฎหมายที่ผ่านมาคือ    เราต้องมีสถาบันกฎหมาย     เพราะเหตุนี้เอง  ในหัวข้อนี้นั้น  คือศาสนายูดาห์นี้เอง    ที่มีข้อยกเว้นมากกว่าศาสนาอื่น ๆ   ที่น่าศึกษา   ด้วยเหตุว่าศาสนานี้ ก่อตัวมาเมื่อ ๑๐๐๐ ก่อนคริสต์ศักราช    และก่อตัวเรื่อยมาด้วยบทบัญญัติทากฎหมายทางศาสนายิวเป็นแม่บทก่อน  แล้วจึงมีกฎหมายที่ไม่ใช่ศาสนาตามมาภายหลัง  ซึ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง  ก็คือทัลมุดอันเป็นคัมภีร์ที่ตีความกฎหมายพระบัญญัติโมเสสนั่นเอง


ในศาสนายูดาห์มี รัฐธรรมนูญตัวแรกคือบทบัญญัติ ๑๐ ประการ อันเป็นธรรมนูญแม่บทขอชาวยิว และต่อมา มีกฎหมายลูกบทอีกเป็นจำนวนมาก และกฎหมายลูกบท ในที่นี้เองก็มีการอ้างอิงกฎหมายแม่บทเป็นหลัก เมื่อกฎหมายใดที่แย้งกับกฎหมายแม่บทแสดงว่ากฎหมายนั้น ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น การศึกษาปรัชญากฎหมายยูดาห์จึงมีความแตกต่างกับกฎหมายอื่นๆ เนื่องจากว่า เราต้องสังเกตพฤติกรรมทางกฎหมาย และเจตนารมณ์ทางกฎหมายยูดาห์ให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน ในขั้นตอนต่อไป เราก็สามารถมองเห็นภาพของปรัชญากฎหมายยูดาห์ได้ง่ายยิ่งขึ้น และเข้าใจเจตนารมณ์ของศาสนานี้ได้อย่างแท้จริงของสังคมนี้


กฎหมายทุกชนิดมีเจตนารมณ์ สำหรับกฎหมายยูดาห์ก็มีเจตนารมณ์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรวมตัวของครอบครัวที่เร่ร่อน พลัดถิ่นแต่มีพันธสัญญากับพระเจ้า ชนชาตินี้พลัดถิ่นตลอดเวลา เพื่อสังคมเผ่านี้จะตั้งอยู่ได้ กฎระเบียบจึงเป็นสิ่งจำเป็น กฎหมายจึงสำคัญในความเป็นธรรมระหว่างหัวหน้าหมู่และลูกหมู่ ที่ต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด อันเป็นผลให้ชาวยิวสร้างชาติได้เป็นปึกแผ่นในที่สุด จนในที่สุดชาวยิวก็ได้กลับมาครอบครองดินแดนตามพันธสัญญาที่พระเจ้าได้มอบแก่เขาสำเร็จ เพราะกฎหมายิวมีปรัชญากฎหมายที่มีผลในระดับsanction ได้

เพราะว่าปรัชญากฎหมายหมาของเขามีลักษณะแนบนัยคือ มีชีวิตในตัวมันเอง หรือการกระทำที่เนื่องด้วยพันธกิจที่เผ่าและศาสนาคือกฎหมายเป็นสภาพนิติบุคคลในขณะเดียวกันนั้นเอง เราพบว่าอารยธรรมแบบนี้ที่ชนชาติอื่นไม่มี ที่เคยเจริญกว่าชนชาติยิวมาก่อน เช่น คาลเดียน สุมาเรียน อัสสีซีเยน อัคคาเดียน อีลาไมท์ และซีเมติกเผ่าอื่น ๆ เป็นต้นนั้นไม่มี และ ได้สูญหายไปหมดแล้ว เพราะว่าการปกครองของชนชาตินั้น เป็นไปโดยเผด็จการ ขาดความเป็นธรรม แต่ตรงกันข้ามศาสนายูดาห์สามารถปกครองเป็นไปโดยความยุติธรรมมาโดยตลอด และการปกครองที่ทำให้เขาอยู่รอดได้มาเป็นเวลากว่า 3๐๐๐ ปี นี้เองที่ทำให้ชาติยิวไม่น้อยหน้าชนชาติอื่น เพราะมีกฎหมายที่เที่ยงธรรม การรักษาสัญญาคำพูดและพันธสัญญา เป็นหลัก โดยยึดหลักการทางศาสนาสืบ ๆ กันมา


[แก้] โครงสร้างของกฎหมาย

กฎหมายทุกชนิด มีโครงสร้าง และไม่สิ้นสุดจะมีการตีความออกไปจนกว่าจะสิ้นโลก และโครงสร้างกฎหมายยิวจึงใช้กฎหมายแม่บทจากบัญญัติ ๑๐ ประการเป็นบรรทัดฐานเป็นแม่บท เพื่อมิให้เกิดการแตกแยกแม้จะจากไปที่ไหนก็ต้องกลับมาที่วันแห่งพันธสัญญาตามพระบัญญัตินี้ โดยแบ่งเป็นพระบัญญัติ และอรรถคือคัมภีร์ทัลมุด ในรายละเอียด

การบังคับใช้กฎหมายตัวอย่าการมีประสบการณ์ของการใช้ศาสนา กฎหมายทุกชนิดในลัทธิยูดาห์ มีผลบังคับใช้กับยิวทุกคนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ชาวยิวจึงเป็นครอบครัวที่อยู่กับชนเผ่าที่ ไม่แตกแยกเพราะกฎหมายและศาสนา อนึ่งเพราะว่ากฎหมายที่บังคับใช้ก็ใช้ได้ แต่ยิวและก็ถือสิทธิเรียกร้องเอาสิทธิได้จากการถูกบังคับใช้ เช่นการเรียนร้องสิทธิแห่งบุคคลผู้ถูกขลิบ สิทธิแห่งบุคคลผู้ถูกเพื่อนยิวโดนฆ่าตายเป็นจำนวนมากจากปัญหาการเมือง และสิทธิแห่งความเป็นยิวตามพันธสัญญา ที่พระเจ้าให้ไว้กับ โมเสสและอับราฮัม


[แก้] การวิเคราะห์วิพากษ์จากข้อมูลเปรียบเทียบ

เราทราบว่ากฎหมายเพ่งพาณิชย์ กฎหมายครอบครัวนี้มาจากยิว ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น 1. กฎหมาย เรื่องการบังคับใช้หนี้ 2. การมีระบบเงินลอย 3. การใช้เช็ค 4. การใช้กฎหมายการธนาคาร 5. กฎหมายครอบครัว กฎหมายการเงินและกฎหมายนี้สินที่ยิวใช้อยู่ ได้ถูกนำมาดัดแปลเป็นกฎหมายการค้าและนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ได้ผลอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานทางกฎหมายยิว หรือทีเรียกว่าแบบยิว ที่กฎหมาย จัสตีเนียน Napol an code กฎหมาย ๑๒ โต๊ะ

กฎหมายฮัมมูราบี

ไม่มีไว้ ในโอกาสต่อมากฎหมายยิวได้ถูกนำมาใช้ จากหลักนิติธรรมเหล่านี้ และเป็นการทำสภาพเงินลอย ให้เป็นเงินทองคำขึ้นมาทันที เราทราบแล้วว่า กฎหมายคือ ข้อตกลงว่าต้องรักษาคำพูด และเพื่อการรักษาคำพูดให้มีเป็นผลบังคับใช้ จึงต้องมีสัญญาขึ้น


บทที่ ๓ ข้อเสนอแนะ

อะไรบ้างที่เป็นรื่องเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจการเงิน ที่เกี่ยวกับชาวยิวนั้นมี ส่วนใหญ่มีแบบแผนมาจากยิว แม้เประเทศลีเดียเองและประเทศ ฟินีเซียน เคยเป็นผู้ออกกฎหมายเงินตราคือผลิตเงินตราขึ้นมา ก็ได้ความคิดนี้ไปจากยิว แต่ยิวทำระบบเงินแห้งได้ดีกว่า มีประโยชน์มากกว่า คือว่าสามารถใช้กระดาษใบเดียวทำให้ค่าของกระดาษเป็นทองคำเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่ระบุไว้ในสัญญา เพราะว่ายิวมีปัญหานี้ ยิวต้องเร่ร่อน และทำการค้า หากินในทุกประเทศทั่วโลก ยิวมีพรรคพวกจากผลตัวนี้ การเงินระหว่างประเทศจึงอนุวัติเข้าตามหลักการบริหารการเงินแบบยิว

โดยเฉพาะกฎหมายลูกหนี้เจ้าหนี้ และวิธีการล้มละลาย และกฎตัวนี้เองยิวได้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา จากชาติที่สูญสิ้นตัวเองจากสมัยสงคราม ยุคอัสสเซีเรีย และสงครามโรมัน จนได้กลับมามีประเทศในปี หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพราะยิวมีระบบเงินตรา และเป็นเจ้าของกฎหมายลักษณะนี้ ยิวขึ่งได้รับการตอบแทนบุญคุณจากรัฐอื่นที่ได้รับบุญคุณจากยิว เช่น สปน อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส


[แก้] เจตนารมณ์ที่มาที่ไป

เจตนารมณ์คือการที่กระทำลงไปโดยไม่มีข้อโต้แย้งจากตนอง   คือต้องการให้ทำ เหมือนผู้หญิงยินดีให้ผู้ชายนอนด้วย    ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้      ความหมายต่าง ๆ กันว่ามีปรัชญาที่มาอย่างไร     คำถามนี้มิได้ว่ามันคืออะไร   แต่ถามว่า ชนิดอะไรที่มาของคือชนิดอะไร   ที่ความหมายกฎหมายมีมา   คำตอบคือเราต้องมาวิเคราะห์บทบัญญัติ ๑๐ประการของยิวเป็นรายข้อไปดังนี้

Then God spoke all these words: saying: (1)"I am the Lord your God, who brought you out of the land of Egypt, out of the house of bondage: ”I am the Lord your God, who brought you out of the land of Egypt, out of the house of slavery; (2) you shall have no other gods before me. (3) You shall not make for yourself an idol, whether in the form of anything that is in heaven above, or that is on the earth beneath, or that is in the water under the earth. (4) You shall not bow down to them or worship them; for I the Lord your God am a jealous God, punishing children for the iniquity of parents, to the third and the fourth generation of those who reject me, (5) but showing steadfast love to the thousandth generation of those who love me and keep my commandments. (6) You shall not make wrongful use of the name of the Lord your God, for the Lord will not acquit anyone who misuses his name. (7) Remember the sabbath day, and keep it holy. (8) For six days you shall labour and do all your work. (9) But the seventh day is a sabbath to the Lord your God; you shall not do any work—you, your son or your daughter, your male or female slave, your livestock, or the alien resident in your towns. (10) For in six days the Lord made heaven and earth, the sea, and all that is in them, but rested the seventh day; therefore the Lord blessed the sabbath day and consecrated it. (11) Honour your father and your mother, so that your days may be long in the land that the Lord your God is giving you. (12) You shall not murder. (13) You shall not commit adultery. (14) You shall not steal. (15) You shall not bear false witness against your neighbour. (16) You shall not covet your neighbour’s house; you shall not covet your neighbour’s wife, or male or female slave, or ox, or donkey, or anything that belongs to your neighbour.

   หมายถึงอย่างไร   คำนี้เป็นสัญญาระหว่างพระเจ้ากับท่านว่า

1. เราเป็นคนนำพวกเธอออกมาจากอียิปต์ 2. ออกมาจากการเป็นทาส 3. ห้ามไม่ให้ไหว้รูปเคารพอะไรทั้งสิ้นนอกจากเรา 4. เรา ทุกคนไม่เคารพพระเจ้าอื่นนอกจากเรา 5. เรา ต้องเคารพพ่อแม่ 6. ไม่ฆ่าคน 7. ไม่ผิดประเวณีลูกเมียใคร 8. ห้ามมีพระเจ้าอื่นนอกจากเรา 9. ต้องหยุดทำงาน ๑ วัน ในหนึ่งสัปดาห์ 10. ห้ามออกชื่อเราโดยไม่จำเป็น


[แก้] สรุปคุณค่า คุณประโยชน์ที่มี คือยิวต้องถือบัญญัตินี้เคร่งครัด

Traditional Division and interpretation 1. "I am the LORD your God who brought you out of the land of Egypt, from the house of slavery. Thou shalt have no other gods before Me... .." This commandment is to believe in the existence of God and His influence on events in the world, and that the goal of the redemption from Egypt was to become His servants (Rashi). It prohibits belief in or worship of any additional deities. 2. "Do not make a sculpted image or any likeness of what is in the heavens above..." This prohibits the construction or fashioning of "idols" in the likeness of created things (beasts, fish, birds, people) and worshipping them. 3. "Thou shalt not swear falsely by the name of the LORD..." This commandment is to never take the name of God in a vain, pointless or insincere oath (Rashi). This includes four types of prohibited oaths: an oath affirming as true a matter one knows to be false, an oath that affirms the patently obvious, an oath denying the truth of a matter one knows to be true, and an oath to perform an act that is beyond one's capabilities[citation needed]. 4. "Remember [zachor] the Sabbath day and keep it holy" (the version in Deuteronomy reads shamor, "observe") The seventh day of the week is termed Shabbat and is holy, just as God ceased creative activity during Creation. The aspect of zachor (remember) is performed by declaring the greatness of the day (kiddush), by having three festive meals and by engaging in Torah study and pleasurable activities. The aspect of shamor is performed by abstaining from the 39 melachot (forbidden categories of activity) on the Shabbat. 5. "Thou shalt honour your father and your mother..." The obligation to honor one's parents is an obligation that one owes to God and fulfills this obligation through one's actions towards one's parents. 6. "Thou shalt not murder" Killing an innocent human being is a capital sin. 7. "Thou shalt not commit adultery." Adultery is defined as sexual intercourse with a married woman (Rashi). 8. "Thou shalt not steal." This is not understood as stealing in the conventional sense, since theft of property is forbidden elsewhere and is not a capital offense. In this context it is to be taken as "do not kidnap" (Rashi). 9. "Thou shalt not bear false witness against your neighbor" One must not bear false witness in a court of law or other proceeding. 10. "Thou shalt not covet your neighbor's house..." One is forbidden to desire and plan how one may obtain that which God has given to another. Maimonides makes a distinction in codifying the laws between the instruction given here in Exodus (You shall not covet) and that given in Deuteronomy (You shall not desire), according to which one does not violate the Exodus commandment unless there is a physical action associated with the desire, even if this is legally purchasing an envied object.


[แก้] หนังสืออ้างอิง

ภาคภาษาไทย

วารีญา ภวภูตานนทน์ ณ มหาสารคาม ปรัชญาบูราการ เคน วิลเบอร์ เอกสารคำสอน

                 ปรัชญาเบื้องต้น    มนุษย์ศาสตร์บูรณาการ   มหาวิทาลัยมหิดล

วิชาประวัติศาสนา / สมนน 504”

สมยศ เชื้อไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิติปรัชญาเบื้อต้น ๒๕๔๕ สำนักพิมพ์วิญญูชน กรุงเทพฯ มาติณ ถินิติ พระ ศาสโนบายและศาสนนิตินิเทศวิธี เรื่อง พรบ, คณะสงฆ์๒๕๐๕ครู คู่มือครูสอน

                                           พรบ .  น ธ เอก”

............................................,รพ พิทักษ์อักษร กรุงเทพฯ ๒๕๒๔(มีบรรณานุกรมสากลแต่สูญหาย) มาติณ ถีนิติ พระ สารนิพนธ์ การทำสมาธิวิปัสสนาและการเปลี่ยนแปลง ปี ๒๕๔๘ วิทยาลัยศาสน

                 ศึกษา  มหิดล.
             ภาคภาษาอังกฤษ

Judaism for Beginner Social Studies Series Writing and Publishing Inc New York 1984 wikipedia.org/wiki/Ten_Commandments palis - Columbia Encyclopedia article about palis Notre Dame Cathedral, Paris - Picture - MSN Encarta Lynch, Indo-European Language Family Tree palis - Columbia Encyclopedia article about palis_files My writings and images_files www.mylocalbands.com/profile.asp?id=73932 - 31k - Cached - Similar pages My China News Digest - [ Translate this page ] In John 10:3,4,9,16, the Lord shows us that He led His Jewish believers out of the sheepfold of Jewish religion (the commendaments), and join them together ... my.cnd.org/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=41497&forum= 1&start=4050&4054 - 114k - Cached - Similar pages The Heather Nova Network - Forums - Throwing Fire at the Sun ... Posted on : 2005 / 8 / 10 20 : 40 ... do even know non –

religious people who say " well , most of the Ten Commendaments are a good thing " , for example . ...

www.heathernova.net/modules/newbb/viewtopic.php? viewmode=threaded&order=DESC&topic_id=1821&fo...

- 97k - Supplemental Result - Cached - Similar pages top dvd musicaux Forums DVDRAMA Le Premier Quotidien du DVD - [ Translate this page ] 

Posté le : Lun Juil 19 , 2004 10 : 28 am Sujet du message : . .. un dire straits , 2 cabrel , notre dame . . . , les 10 commendaments , un bruel , un doors . ... www.dvdrama.com/forums/sutra807444.php - 59k - Supplemental Result - Cached - Similar pages Doo-wop 50 two - [ Translate this page ] 10.For your precious love・Jerry Butler ... Sincerely・Ten commendaments of love www.eonet.ne.jp/~pelican-studio/films/data/dw50-2.html - 11k - Cached - Similar pages SikhiToTheMAX - Enabling Gurmat Knowledge Mrs. Inderjit Kaur Khalsa-Sidhu, 03/03/2005 21:22:10 ... where can i find a complete document or bible with all of God s commendaments for free if possible ... www.sikhitothemax.com/Rehat.asp?ID=44 - 25k - Cached - Similar pages Did you mean to search for: 10 commandments


 ปรัชญาศาสนา เป็นบทความเกี่ยวกับ ความเชื่อ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ ปรัชญาศาสนา ในภาษาอื่น สามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ๆ ด้านซ้ายมือ