ฮุเซน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของ ประวัติศาสนาอิสลาม |
|
ความเชื่อและการปฎิบัติ | |
อัลลอหฺ ฮัจญ์ |
|
บุคคลสำคัญ | |
คัมภีร์และหนังสือ | |
อัลกุรอาน เตารอต อินญีล ซะบูร | |
นิกาย | |
ซุนนี · ชีอะหฺ นิกายทั้งหมด |
|
สังคมศาสนาอิสลาม | |
เมือง · ปฏิทิน · สถาปัตยกรรม ศิลปะ · บุคคล |
|
ดูเพิ่มเติม | |
ศัพท์เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม หมวดหมู่ศาสนาอิสลาม |
อิมามฮุเซน (ฮุซัยนฺ) เกิดปี ฮ.ศ. 4 เป็นบุตรของอิมามอะลีย์ (อ) กับท่านหญิงฟาฏิมะหฺ บุตรีนบีมุฮัมมัด เป็นน้องชายของอิมามฮะซัน นบีมุฮัมมัดรักหลานทั้งสองคนนี้มากและมักกล่าวเสมอว่า "เขาทั้งสองคือลูกของฉัน" "ลูกของฉันทั้งสองคือ อิมามทั้งในยามนั่งและยามยืน" ทั้งในยามนั่งและยามยืนหมายถึง การดำรงตำแหน่งผู้นำและการยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูของศาสนา และ "ฮะซันและฮุเซนเป็นหัวหน้าชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์"
หลังจากอิมามฮะซันเสียชีวิตแล้ว อิมามฮุเซน น้องชายของท่านได้ขึ้นรับตำแหน่งอิมามแทน ตามคำสั่งเสียของพี่ชาย อิมามฮุเซนได้ทำหน้าที่ในการชี้นำประชาชนและยืนหยัดต่อสู้กับความเลยร้ายของ มุอาวิยะหฺ บุตรอะบูซุฟยาน
มุอาวิยะหฺ ตาย 9 ปี 6 เดือนต่อมา เขาได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบคอลีฟะหฺเป็นระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตย โดยตั้งตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์และได้แต่งตั้งให้ ยะซีด บุตรชายเป็นมกุฏราชกุมาร ยะซีดชอบดื่มสุรา เล่นการพนัน ผิดประเวณี และมีใจคอโหดร้าย เมื่อขึ้นปกครองก็ได้มีคำสั่งให้เจ้าเมืองมะดีนะหฺไปเจรจากับอิมามฮุเซนให้ยอมใหคำ้สัตยาบันแก่ตน ถ้าอิมามฮุเซน ปฏิเสธก็ให้ฆ่าทิ้งเสีย อิมามฮุเซนขอถ่วงเวลาเรื่องสัตยาบัน และในคืนนั้นเอง อิมามฮุเซนและสมาชิกในครอบครัว พร้อมด้วยศรัทธาชนกลุ่มหนึ่ง ได้ออกเดินทางจากนครมะดีนะหฺไปยังนครมักกะหฺ อิมามฮุเซนพักอยู่ที่มักกะหฺได้ 2-3 เดือนก็ทราบข่าวว่ายะซีดไม่ยอมลดละที่จะหาทางสังหารท่านให้ได้หากไม่ยอมให้คำสัตยาบัน ในเวลานั้นประชาชนจากนครกูฟะหฺ อิรัก ได้ส่งจดหมายหลายพันฉบับถึงท่าน เพื่อเชิญชวนให้ไปเป็นอิมามในอิรัก ซึ่งในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของบิดาและพี่ชาย พวกเขาสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือท่านในการต่อสู้กับพวกอุมัยยะหฺ
[แก้] สงครามกัรบะลาอ์
อิมามฮุเซนได้ตัดสินใจปฏิเสธการให้สัตยาบันต่อยะซีดและเลือกความตายเพื่อสานต่ออุดมการณ์แห่งอิสลาม หลังจากนั้นท่านและครอบครัว พร้อมด้วยศรัทธาชนกลุ่มหนึ่งได้เดินทางออกจากมักกะหฺเพื่อมุ่งหน้าไปยังนครกูฟะหฺ ในระหว่างการเดินทาง ท่านได้อธิบายเจตนารมณ์ในการเดินทางแก่ผู้ร่วมขบวนการ และสุดท้ายท่านอิมามได้ตัดสินใจแจ้งให้ผู้ร่วมขบวนการฟังว่า การเดินทางไปครั้งนี้อาจจะไม่มีใครรอดชีวิตกลับมา เมื่อถึงกัรบะลาอ์ ซึ่งอยู่ห่างจากกูฟะหฺประมาณ 70 กม. อิมามฮุเซนได้เผชิญหน้ากับกองทัพของยะซีดที่สกัดกั้นทางไว้ กองคาราวานของอิมามฮุเซนถูกล้อมกรอบด้วยทหารยะซีดจำนวนมากมายและถูกปิดเส้นทางเอาน้ำดื่ม จนทำให้กองคาราวานของอิมามฮุเซนต้องทนกระหายน้ำท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุเป็นเวลาหลายวัน ในสภาพการเช่นนั้นอิมามมีทางเลือกอยู่สองทางคือ ยอมใหคำ้สัตยาบันหรือยอมตาย
ในวันที่ 10 มุฮัรรอม ปี ฮ.ศ. 61 ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 1223 อิมามฮุเซนและครอบครัวได้ร่วมกันต่อสู้กับกองทหารตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาบ่าย ซึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ชีวิตของท่าน ลูกชาย น้องชาย หลานชาย อา และสาวกบางคนของท่าน รวมแล้วประมาณ 132 คนได้เสียชีวิตจนหมดสิ้น ยกเว้นอิมามซัยนุลอาบิดีน บุตรชายคนหนึ่งของท่านที่ไม่สามารถออกรบได้ เพราะป่วยอยู่ในขณะนั้น จึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่เหตการณ์ในครั้งนั้นก็ได้ทำให้ศาสนาอิสลามคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เมื่อกล่าวถึงท่านอิมามฮุเซนเราก็ต้องกล่าวถึง ท่าน อับบาส บุตรของ อิมามอะลี(อ) ท่านอับบาสได้ขอ อนุญาติครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่ออาสาออกไปรบแต่ท่านอิมามฮุเซนก็มิให้ออกรบเพราะท่านรักน้องชายของท่านยมาก แต่ท่านอิมาม(อ)ก็อนุญาตให้ออกไปนำเอานำจากฝั่งกองทัพยะซีดได้ ท่านอับบาสควบม้าออกไปและท่านก็ไปถึงยังแม่น้ำฟุรอต หรือแม่น้ำ ยูเฟรติสนั่นเอง ท่านสามารถฝ่ากองทัพกว่า 30,000 คนได้ และท่านอับบาสก็ได้วักน้ำขึ้นมาเพื่อดื่มแต่พอท่านจะดื่มท่านก็ได้นึกถึงรอยฝีปากของท่านอิมามฮุเซนท่านก็เทน้ำลง และรีบวักน้ำใส่งเพื่อนำกลับขณะท่านเดินทางกลับ ท่านอับบาส ก็ถูกทหารปิดบังไว้หมดแล้วท่านได้ต่อสู้ด้วยมือเพียงข้างเดียวกับบรรดากองทหารกว่า 30,000 คน และท่านอับบาสก็ถูก ดาบฟันเข้า แขนซ้าย และท่านก็ถูกดาบฟันเเขนข้างขวาซึ่งเป็นมือที่ท่านอับบาสใช้ถือ ธง รบหรือธงชัย แห่งอิสลามนั่นเอง ท่านอับบาสกระเสือกกระสนอย่างมากและท่านก็ตกลงจากหลังม้า ใบหน้าอันขาวสะอาดของท่านกระทบกับผืนอันร้อนระอุอย่าง แรง ทำให้ท่านอับบาสผู้ที่เป็นสุดที่รักของท่านอิมามอะลี อิมามฮุเซน เป็นชะฮีด (เสียชีวิตในหนทางศาสนา)ในทันทีและท่านก็ทรมานมากเมื่อม้าของกองทหารมาย่ำบนตัวท่าน
หลังจากเหล่าบุรุษในกองคาราวานอิมามฮุเซนถูกสังหาร กองทหารของยะซีดได้ยึดทรัพย์สินและจับกุมลูกหลานของอิมามฮุเซน ซึ่งส่วนมากเป็นเด็กและสตรีไปเป็นเชลยร่วมเดินทางไปพร้อมกับศีรษะของท่านอิมามฮุเซนไปยังกูฟะหฺ และจากกูฟะหฺมุ่งหน้าไปยังนครดามัสคัส ซีเรีย
ในบรรดาเชลยเหล่านั้นมีท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน และซัยนับ น้องสาวของอิมามฮุเซน ร่วมอยู่ด้วย ซัยนับได้กล่าวคำปราศรัยท่ามกลางผู้คนที่เนีองแน่นในกูฟะหฺและในห้องประชุมของ อิบนุซิยาด ผู้ปกครองกูฟะหฺในเวลานั้น เมื่อไปถึงซีเรียทั้งสองได้กล่าวคำปราศรัยตอบโต้ยะซีดและพรรคพวก เป็นคำปราศรัยที่ได้รับการบันทึกไว้จนถึงวันนี้
ชาวชีอะหฺไว้อาลัยฮุเซนและรำลึกโศกนาฏกรรมดังกล่าว ทุก ๆ วันที่ 10 มุฮัรรอม ที่เรียกว่า วันอาชูรออ์
ชนมุสลิมในประเทศไทยมีการทำขนมวันอาชูรออ์ ซึ่งจากการศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมา พบว่าขนมวันอาชูรออ์ (บูโบร์ซูรอ) เป็นประเพณีชีอะหฺที่ผู้คนในภูมิภาคนี้รับและสืบทอดมาจากบรรพชนในอดีต
การไว้อาลัยวันมุฮัรรอมของแขกเจ้าเซ็นในประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ได้รับอนุญาตจาก สยามิค