ฉิ้น อรมุต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นายฉิ้น อรมุต หรือ หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) เมื่อพ.ศ. 2532
ฉิ้น อรมุต เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2474 ที่จังหวัดสงขลา จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดธรรมโฆษณ์ เมื่อพ.ศ. 2486 อุปสมบทและศึกษาทางธรรมอยู่หนึ่งพรรษา จนสอบได้นักธรรมตรี เมื่อพ.ศ. 2496
สารบัญ |
[แก้] ด้วยใจรัก
ฉิ้น อรมุต รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ชอบอ่านหนังสือธรรมะและวรรณกรรมชั้นเยี่ยมของไทยเป็นอย่างยิ่ง การอ่านทำให้เขามีความรู้กว้างขวางและลึกซึ้งกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน นอกจากหนังสือแล้วสิ่งที่ฉิ้น อรมุต รักนักหนา ก็คือหนังตะลุงนั่นเอง เขาเคยทำรูปหนังจากกระดาษมาเล่นให้เพื่อนดู แต่ิบิดาไม่พอใจ ห้ามไม่ให้เล่น และเผารูปหนังเหล่านั้นทิ้งทั้งหมด แต่ด้วยใจรัก ฉิ้น อรมุต ก็ยังทำรูปหนังชุดใหม่ขึ้นมา แล้วเอาไปแอบเล่นที่กุฏิพระในวัดธรรมโฆษณ์ใกล้บ้าน จนชาวบ้านไปเห็นและพากันออกปากชมว่าฉิ้น อรมุต มีความสามารถและในอนาคตคงจะได้เป็นนายหนังตะลุงเป็นแน่
เมื่อบิดาทราบว่าลูกชายแอบไปเล่นหนังตะลุงอีก และเห็นว่าคงห้ามไม่ได้ ก็หันมาสนับสนุนและเป็นคนสอนการแต่งกลอนให้ด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นผู้มีความสามารถในด้านเชิงกลอนอยู่แล้ว ฉิ้น อรมุต เรียนการแต่งกลอนจากบิดาสืบต่อมาจนบิดาเสียชีวิต
ฉิ้น อรมุต พยายามหาความรู้ด้านการแสดงหนังตะลุงเพิ่มเติม โดยติดตามไปดูหนังตะลุงคณะต่างๆ ทั้งนั่งดูอย่างคนดูทั่วไปที่หน้าโรง และขึ้นไปดูการแสดงของนายหนังที่หลังโรงด้วย เขาจดจำแบบอย่างที่ดีมาฝึกฝนด้วยตัวเองที่บ้าน จนฝีมือพัฒนาขึ้นตามลำดับ นายหนังตะลุงที่ฉิ้น อรมุต ยึดถือเป็นแบบอย่างด้วยศรัทธาในความสามารถเป็นพิเศษ มีสองท่านคือ หนังขับ บ้านดีหลวง นายหนังอาวุโสผู้มีความสามารถสูงจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนลอยฟ้า โพยมหน ซึ่งฉิ้น อรมุต ได้ไปขอให้เป็นนายหนังขึ้นครู (ฝากตัวเป็นศิษย์และอยู่เรียนวิชาการแสดงด้วย) เมื่ออายุได้ประมาณ 17 - 18 ปี อีกท่านคือ หนังกั้น ทองหล่อ (ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2529) ซึ่งฉิ้น อรมุต ก็ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เช่นกัน (ตอนอายุ 47 ปี)
[แก้] ก้าวแรก
เมื่อเริ่มต้นอาชีพนายหนังตะลุง ฉิ้น อรมุต หรือหนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้รับการสนับสนุนจากพระภิกษุสองรูปคือ พระพุ่ม และพระครูธรรมโฆษิต (คง โกกนุตโต) ซึ่งได้ช่วยจัดหาเครื่องดนตรีประกอบให้อย่างครบชุด ในระยะแรกๆ เขาแสดงเรื่องที่จดจำลอกเลียนมาจากหนังตะลุงคณะอื่นๆ ที่เคยดูมา ไม่นานก็สามารถเข้าใจวิธีผูกเรื่องได้ทะลุปรุโปร่ง จึงลองแต่งเรื่องขึ้นมาเอง และทำได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นมา หนังฉิ้นก็เขียนบทหนังตะลุงเอง จนมีผลงานที่นำออกแสดงซึ่งแต่งขึ้นเองจำนวนมากมาย ในระยะหลัง หนังฉิ้นฝึกฝนการแกะรูปหนังเองด้วย เรียกว่าเป็นนายหนังที่มีความสามารถด้านหนังตะลุงอย่างรอบด้านคนหนึ่งเลยทีเดียว
หนังฉิ้นยึดถือแนวการเขียนบทหนังตะลุงตามแบบอย่างโบราณ คือเน้นการเปิดเรื่องและดำเนินเรื่อง (บรรยายเรื่อง) ด้วยการ "ว่าบท" (ร้องเป็นกลอนตะลุง) ซึ่งแตกต่างจากนักเขียนบทรุ่นใหม่ที่นิยมดำเนินเรื่องด้วยการพูดบรรยาย นอกจากนี้ หนังฉิ้นยังฝึกร้องกลอนสดจนเชี่ยวชาญ จนสามารถว่าบทพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์หน้าโรง หรือสถานการณ์เฉพาะของสถานที่ที่ไปแสดงได้อย่างสดๆ นับว่ามีไหวพริบปฏิภาณอันเป็นเลิศ
[แก้] ความสำเร็จและรางวัล
หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้รับการต้อนรับจากผู้ชมเป็นอย่า่งดี จนมีชื่อเสียงโ่ด่งดังไปทั่วภาคใต้ ด้วยความสามารถในการแสดงที่จัดเจนรอบด้าน ตั้งแต่การวางโครงเรื่องที่สนุกน่าติดตาม บทกลอนที่ลื่นไหลงดงาม บทเจรจาที่น่าประทับใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอเรื่องราวที่ส่งเสริมศีลธรรมและคุณธรรมอันดีงาม ซึ่่งสอดแทรกไว้อย่างแนบเนียน แม้กระทั่งบทตลก ซึ่งเป็นบทสำคัญมากอย่างหนึ่งของหนังตะลุง หนังฉิ้นก็สามารถสร้างความขบขันและสนุกสนานให้กับผู้ชมได้โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำสกปรกหรือหยาบคายเลย
นามพระราชทาน
หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้ออกตระเวนเล่นหนังทั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ได้แสดงแพร่ภาพทางโทรทัศน์อยู่เสมอ และเทปบันทึกเสียงการแสดงก็ได้มีการเผยแพร่ออกอากาศทางวิทยุมาโดยตลอด เมื่อพ.ศ. 2517 หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้เล่นหนังตะลุงถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตร ที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ และเป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงได้พระราชทานนามคณะหนังตะลุงของหนังฉิ้นว่า "หนังอรรถโฆษิต" อันหมายถึงคณะหนังตะลุงที่ประกาศความดี ยังความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจแก่หนังฉิ้นเป็นล้นพ้น
เมื่อประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดในวิชาชีพแล้ว หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ก็ได้ใช้ความสามารถและศักยภาพของความเป็นนายหนังตะลุงยอดนิยม ช่วยเหลืองานทางสังคมต่างๆ ฐานะสื่อที่ช่วยเผยแพร่ข่าวสารและเสริมสร้างศีลธรรมอันดีงามในสังคม ส่วนในด้านการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงหนังตะลุงนั้น หนังฉิ้นได้ทำการบันทึกการแสดงเอาไว้ทั้งที่เป็นภาพถ่าย เทปบันทึกเสียง และเทปบันทึกภาพ ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด แล้วนำไปมอบให้เป็นสมบัติของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา สถาบันราชภัฎสงขลา สถาบันทักษิณคดีศึกษา เพื่อให้เป็นข้อมูลและหลักฐานสำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาค้นคว้าได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ที่สนใจและเป็นวิทยากรรับเชิญในหลายโอกาส
ศิลปินแ่ห่งชาติ
ในปีพ.ศ. 2532 หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ ได้รับการประกาศให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) และ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ในปีเดียวกัน นับเป็นนายหนังตะลุงคนที่สองที่ได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ท่านแรกคือหนังกั้น ทองหล่อ ครูผู้ล่วงลับไปแล้วของหนังฉิ้นนั่นเอง
[แก้] วาทะ
"หนังตะลุงตั้งแต่อดีตกาลมา นอกจากจะให้ความบันเทิงกับท่านผู้ชมแล้ว ก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้อบรมจริยธรรมให้กับชาวบ้าน โดยการสอดแทรกธรรมะเข้าไปในบทบาทของการแสดง หนังตะลุงยังทำหน้าที่เหมือนอย่างกับสื่อมวลชน ที่เราจะให้ทั้งข่าวสาร ทั้งความรู้ ความคิด มีทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการสังคม ตลอดจนขนบประเพณีต่างๆ..." --- หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์