ตำนานเกราะ คิโคเท
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตำนานเกราะคิโคเท (「鎧伝サムライトルーパー 外伝」 Yoroiden Samurai Trooper Gaiden?) เป็น OVA ตอนพิเศษของเรื่อง ซามูไรทรูปเปอร์ ตอนที่ 2 มีความยาว 4 ตอนจบ
[แก้] เนื้อเรื่อง
ในฤดูร้อนของญี่ปุ่นที่มีอากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ ดวงอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าอย่างน่าพิศวง ยางิว นาสตี้ หลานสาวของ ศาสตราจารย์ยางิว ผู้ศึกษาและค้นคว้าเรื่อง ชุดเกราะ ของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ เดินทางมาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนที่บ้านพักตากอากาศของศาสตราจารย์ยางิว ยามาโนะ จุน เด็กชายตัวน้อยที่ร่วมต่อสู้และเป็นกำลังใจแก่เหล่าซามูไรทรูปเปอร์ ได้ส่งจดหมายถึงนาสตี้ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึนในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและการไปพักร้อนที่ชายหาดคารุอิซาวะ รวมถึงการทำการบ้านช่วงปิดเทอมด้วยการสังเกตดวงดาวต่าง ๆ โดยมี ฮาชิบะ โทมะ นักรบเกราะแห่งอากาศเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงดาว
โมริ ชิน นักรบเกราะแห่งสายน้ำ และ ชู เร ฟาน นักรบเกราะแห่งปฐพี มาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนด้วยการเล่นกระดานโต้คลื่นในท้องทะเล ชูหัดเล่นกระดานโต้คลื่นครั้งแรกในชีวิตโดยมีชินเป็นครูฝึกสอน ทั้งสองต่างสนุกสนานกับการพักผ่อนจากการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ชูเอ่ยเปรียบเทียบระหว่างการต่อสู้กับเหล่าปีศาจและการเล่นกระดานโต้คลื่น ทำให้ชินอดคิดถึงการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและโหดร้ายไม่ได้ นึกถึง เกราะเกียร์ ของเหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ ว่าความหมายที่แท้จริงของเกราะเกียร์นั้นคืออะไรกันแน่ ถ้าเกราะเกียร์ทั้งห้าถูกกำหนดให้มีชะตากรรมในการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ย่อมที่จะต้องมีจิตใจแห่งเกราะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการต่อสู้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การอยากรู้ความหมายที่แท้จริงของเกราะเกียร์แห่งคุณธรรม ว่ามีความจริงอันใดแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ของชิน สร้างความงุนงงให้แก่ชูซึ่งไม่เข้าใจในความหมายที่ชินเอ่ยออกมาว่าหมายความถึงอะไร ชูแย้งว่าการปราบเหล่า ปีศาจ ทำให้ โลก มนุษย์สงบสุขเป็นเรื่องที่ดี ชินไม่โต้แย้งใด ๆ ได้แต่ภาวนาในใจขอให้เหล่านักรบเกราะทั้งห้า อย่าได้หวนกลับไปสวมเกราะนักรบและจับ อาวุธ เข้าต่อสู้อีก ถ้าโลกมนุษย์ยังสงบสุขเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งหมดก็คงจะมีชีวิตที่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่สงบสุข ไม่ต้องสวมเกราะเข้าต่อสู้กับเหล่าปีศาจ
ฤดูร้อน ของประเทศ ญี่ปุ่น ชินจุกุ กำลังเผชิญกับความร้อนอบอ้าวอันแปลกประหลาดของสภาพภูมิอากาศ ที่อุณหภูมิสูงถึง 36 องศาเซลเซียสและมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นอีกเรื่อย ๆ ผู้คนในชินจุกุแทบจะทนกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจาก ดวงอาทิตย์ ไม่ไหว จู่ ๆ ก็เกิดลมร้อนอันแปลกประหลาดพัดผ่านอย่างรุนแรงในเมืองพร้อมกับปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลด ภาพลวงตาของเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ใน ทวีปแอฟริกา ปรากฎขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ สัตว์แอฟริกาเช่น ช้างแอฟริกา ยีราฟ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมายเพ่นพ่านทั่วชินจุกุ
ภาพลวงตาของเหล่าสัตว์แอฟริกาทำให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างรุนแรง อาคารต่าง ๆ ถล่มพังทลาย ผู้คนในชินจุกุแตกตื่นพากันหลบหนีจากอาคารถล่นกันจ้าระหวั่น ซานาดะ เรียว นักรบเกราะแห่งเพลิง เป็นหนึ่งในบรรดาผู้คนที่หลบหนีจากเหตุการ์แผ่นดินไหวและอาคารถล่มในชินจุกุ เรียวแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตระหนักดีว่าจะต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นอีกแน่นอน
โทมะและจุนเดินทางมายังบ้านพักตาก อากาศ ของนาสตี้ ระหว่างทางทั้งสองพบกับ เบียคุเอ็น พยัคฆ์ขาวเพื่อนคู่ใจของเรียว จุนดีใจที่ได้เจอเบียคุเอ็น แต่มันกลับไม่สนใจจุนและโทมะ นาสตี้ที่ขับรถตามเบียคุเอ็นมา จอดรถแวะรับทั้งสองคนร่วมเดินทางไปด้วย ระหว่างทางนาสตี้เล่าให้ทั้งคู่ฟังถึงสาเหตุที่ต้องติดตามเบียคุเอ็น เรียวมาพบนาสตี้ที่บ้านพักตากอากาศด้วยท่าทางที่รีบร้อน ไม่ทันที่นาสตี้จะสอบถามก็ผลุนผลันวิ่งออกไป นาสตี้จึงให้เบียคุเอ็นติดตามเรียวไปก่อนที่จะขับรถตามไปภายหลัง จุนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเรียวจึงเป็นเช่นนั้น และสงสัยว่าเหล่า ปีศาจ จะออกอาละวาดอีก ซึ่งนาสตี้ได้แต่ภาวนาอย่างให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
เรียวถูก ลูกแก้วจิน ลูกแก้วแห่งคุณธรรมนำพามายังชินจูกุ ที่กลายเป็นเมืองร้างเพราะเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ภาพลวงตาแห่ง แอฟริกา ยังคงปรากฎให้เห็น มันเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองให้มีสภาพเป็น ป่า ในทวีปแอฟริกาพร้อมกับการปรากฎกายของเด็กหนุ่มลึกลับ ผมสีขาวที่มีตราสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์คาดบริเวณหน้าผากและมี บูมเมอแรง เป็น อาวุธ เข้าจู่โจมทำร้ายเรียว เด็กหนุ่มลึกลับมีพลังในการต่อสู้อย่างรุนแรง ทำให้เรียวไม่อาจต้านทานแรงปะทะจากเด็กหนุ่มลึกลับผู้นั้นได้ ทันใดนั้นเบียคุเอ็นก็ปรากฎกายขึ้นเข้าช่วยเหลือเรียว แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มลึกลับสามารถสยบเบียคุเอ็นให้เชื่องได้อย่างง่ายดาย
นาสตี้ จุนและโทมะ ติดตามเบียคุเอ็นที่นำทางมาหาเรียว แต่เกิดพลัดหลงกันระหว่างทางทำให้นาสตี้ไม่สามารถติดตามเบียคุเอ็นได้อีก เจ้าหน้าที่ ตำรวจ หลายนายได้กันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าไปในเมืองชินจุกุที่กลายเป็นเมืองร้างที่มี พันธุ์ไม้เขตร้อน ขึ้นเต็มไปหมด นาสตี้พยายามอธิบายว่ามีคนรู้จักของเธอติดอยู่ภายในนั้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมให้ทั้งหมดเข้าไป โทมะสังหรณ์ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ค่อยจะสู้ดี จึงตัดสินใจเปิดประตูรถและวิ่งหายเข้าไปภายในเมืองชินจุกุแต่เพียงผู้เดียว
ชินและชูยังคงสนุกสนานกับการพักร้อนที่ชาย ทะเล โดยหารู้ไม่ว่าเพื่อน ๆ ของเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดในชินจุกุ ชินเปิด วิทยุ ฟังข่าวจึงได้รู้ว่าที่ชินจุกุเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ในขณะที่เรียวและเด็กหนุ่มลึกลับยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เรียวพลาดท่าเสียทีเด็กหนุ่มลึกลับแต่ได้โทมะเข้าช่วยเหลือและร่วมต่อสู้กับเรียว โทมะสอบถามถึงความเป็นมาของเด็กหนุ่มลึกลับ ซึ่งเรียวเองนั้นก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของและสาเหตุของการต่อสู้ของเด็กหนุ่มผิวดำจากแอฟริกา
เด็กหนุ่มลึกลับเข้าจู่โจมเรียวและโทมะอีกครั้ง แต่พลันก็มีพลังแสงสีเขียวพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มพร้อมกับการปรากฎกายของ ดาเตะ เซจิ นักรบเกราะแห่งแสงสว่าง ที่เข้ามาช่วยเหลือจากการเตือนของชุดเกราะโคริน เด็กหนุ่มลึกลับเข้าจู่โจมทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับแสดงพลังในการต่อสู้ให้ทั้งหมดได้ประจักษ์ ทั้งสามนักรบเกราะแทบไม่เชื่อสายตาของตนเองในพลังของมนุษย์ตัวเปล่า ที่มีเพียง บูมเมอแรง เป็นอาวุธ เรียวนั้นไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการปรากฎกายของเด็กหนุ่มลึกลับจากแอฟริกา ที่ดูเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายที่ตัวเขาและผองเพื่อนนักรบ ซามูไรทรูปเปอร์ เกราะเกียร์เร็กกะ เกราะเกียร์โครินและเกราะเกียร์เท็นคู จึงได้ออกมาแสดงพลังแห่งชุดเกราะตอบโต้เด็กหนุ่มลึกลับ
เรียวสวม เกราะเกียร์ เร็กกะเข้าต่อสู้พร้อมด้วย ดาบ คู่อาวุธคู่มือ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มลึกลับตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เซจิและโทมะเข้าช่วยเหลือเรียวจากเด็กหนุ่มลึกลับ การปะทะกันระหว่างนักรบเกราะและนักรบดำจากแอฟริกาส่งผลการต่อสู้ไปยังด้านนอกของเมือง ชินจุกุ นาสตี้และจุนที่ถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ กันตัวอยู่ มองเห็นเบียคุเอ็นอยู่บนอาคารที่กำลังถล่มพร้อมกับเสียงคำรามอย่างสับสนภายในใจ ชูและชินตามมาสมบทกับพวกเรียวในภายหลัง ชินนั้นเกิดความสับสนในจิตใจของตนเองเกี่ยวกับการต่อสู้ทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มลึกลับ
เมื่อเห็นเพื่อนกำลังพลาดท่าจากการต่อสู้ ชูและชินจึงสวม เกราะเกียร์ เข้าช่วยเหลือ พลังจากนักรบเกราะทั้งห้าของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์แม้จะรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มลึกลับได้ ชูโดนทำร้ายจนบาดเจ็บทำให้โทมะโกรธแค้นมาก จึงใช้ศรเท็นคูยิงใส่เด็กหนุ่มลึกลับแต่กลับถูกชินห้ามปรามด้วยเหตุผลที่คู่ต่อสู้ไม่มีอาวุธ โทมะไม่สนใจคำห้ามปรามของชินอีกทั้งยังบอกว่าชินนั้นใจอ่อนเกินไปในการต่อสู้
ศรสายฟ้าเท็นคูถูกยิงใส่เด็กหนุ่มลึกลับ ซึ่งรับไว้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะเขวี้ยงศรสายฟ้ากลับคืนมายังเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ เซจิและโทมะถึงกับตะลึงในพลังของเด็กหนุ่มลึกลับที่เหนือกว่ามนุษย์ และนักรบเกราะทั้งหมดต่างต้องตกตะลึงอีกครั้งที่เห็นเด็กหนุ่มลึกลับ ร่ายคาถาอันแปลกประหลาด บูชาดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันแรงกล้า ก่อนที่เกราะคิโคเทสีดำจะถูกสวมอยู่บนร่างของนักรบดำจากแอฟริกา...เกราะคิโคเทสีดำที่ไม่แตกต่างไปจากเกราะคิโคเทสีขาวของเรียว ที่เกิดจากการรวมพลังจิตใจเป็นหนึ่งของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ทั้งสี่คนส่งไปให้แก่เรียว
เกราะคิโคเทสีดำที่สวมอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มลึกลับ มีปฏิกิริยาต่อเกราะเกียร์เร็กกะของเรียว เกราะเร็กกะตอบสนองการเรียกจากเกราะสีดำของเด็กหนุ่มลึกลับ ก่อนที่เรียวจะถูกดึงไปหา เกราะคิโคเทสีดำ เมื่อเห็นเรียวกำลังตกอยู่ในอันตราย โทมะ เซจิ ชูและชินที่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าต่างได้สติ เซจิ โทมะและชู รวมพลังแห่งชุดเกราะและจิตใจอันเป็นหนึ่งส่งไปให้เรียว ยกเว้นชินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเกิดการสับสนภายในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้ และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาดต่างไปจากต่อสู้ทุกครั้ง ทำให้พลังแห่งเกราะเกียร์ไม่สามารถรวมจิตใจเป็นหนึ่งและส่งไปให้แก่เรียวเพื่อสวมเกราะคิโคเทสีขาวเข้าต่อสู้ได้
เมื่อพลังแห่งชุดเกราะจากนักรบทั้งสี่ไม่สามารถส่งไปถึงเรียว ทำให้เรียวไม่สามารถสวมเกราะคิโคเทสีขาวได้ เซจิจึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตของตนเองเข้าช่วยเหลือเรียวแต่เพียงผู้เดียว ทำให้เกราะโครินถูกเกราะคิโคเทสีดำดึงเข้าหาเช่นเดียวกับเรียว ก่อนจะจางหายไปในมิติภาพลวงตาบนท้องฟ้าต่อหน้าต่อตาทุกคน...เรียวรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่รู้จักมาก่อน พบเซจินอนหมดสติอยู่ใกล้ ๆ จึงเข้าช่วยเหลือจนเซจิฟื้นคืนสติขึ้นมา ทั้งสองต่างดีใจที่ไม่เป็นอะไรมากจากการถูกพาตัวมาอย่างลึกลับ เซจิสอบถามถึงนักรบดำซึ่งเรียวเองก็หาคำตอบให้แก่เซจิไม่ได้ ทันใดนั้นเรียวและเซจิต่างสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติรอบ ๆ ตัว ก่อนที่แสงสีแดงจ้าจากนัยน์ตา หมาป่า ที่รายล้อมอยู่รอบคนทั้งสองจะปรากฎขึ้น เรียวเตรียมพร้อมในการรับมือกับหมาป่าแต่เซจิเตือนเรียวไม่ให้ประมาท การต่อสู้ยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงสว่างจาก ดวงจันทร์ นำทางเท่านั้นมีแต่เสียเปรียบ รอให้ ดวงอาทิตย์ สาดแสงสว่างเสียก่อนในวันรุ่งขึ้นแล้วค่อยคิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ชิน ชู โทมะ จุนและนาสตี้ รวมทั้งเบียคุเอ็นต่างมารวมตัวกันที่บ้านพักตากอากาศของนาสตี้ ชินแยกตัวออกมาต่างหากจากทุกคน เขาเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือเรียวและเซจิจากนักรบดำได้ จุนเป็นห่วงเรียวและเซจิ นาสตี้ได้แต่ปลอมประโลมว่าทั้งคู่ต้องปลอดภัยจากอันตรายที่กำลังเผชิญอยู่ และให้เชื่อในความเข้มแข็งของคนทั้งสอง ชูโวยวายอย่างโกรธแค้น ไม่นึกมาก่อนว่าจะมี เกราะคิโคเทสีดำ อยู่ภายใน โลก นี้ โทมะใช้ความคิดอย่างหนักก่อนจะแนะว่าต้องพยายามหาที่อยู่ของนักรบดำให้ได้เพื่อที่จะเจอตัวเรียวและเซจิ ก่อนจะนำพาไปยังปริศนาของเกราะคิโคเทสีดำ ชูและนาสตี้เห็นด้วยกับความคิดของโทมะ จึงค่อย ๆ ศึกษาข้อมูลของนักรบดำเท่าที่มีอยู่
ชินแย้งความคิดของชูที่พยายามหาที่อยู่ของนักรบดำ เหล่านักรบเกราะตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคน ถ้าต้องปะทะกับนักรบดำอาจจะทานกำลังในการต่อสู้ไม่ได้ การหาตัวนักรบดำเพื่อช่วยเหลือเรียวและเซจิเพื่อที่ต้องการให้เกราะคิโคเทสีดำปรากฎ และทำลายเกราะสีดำนั้นเป็นความคิดที่ชินไม่เห็นด้วย ทำให้ชูไม่พอใจและเข้าใจว่าชินไม่ต้องการช่วยเหลือเรียวและเซจิ ชินให้เหตุผลว่าต่อให้เรียวสวม เกราะคิโคเท สีขาวเข้าต่อสู้ ก็ไม่อาจจะรับมือกับเกราะคิโคเทสีดำได้ เพราะการเผชิญหน้ากับนักรบดำเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากคำพูดของชินทำให้ชูทะเลาะกับชินอย่างรุนแรง ชูต่อว่าชินที่ปล่อยให้เรียวและเซจิต้องตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจรู้ชะตากรรมได้ว่าทั้งคู่หายไปพร้อมกับนักรบดำไปในที่แห่งใด โดยไม่ยอมช่วยเหลือเพราะเกิดความสับสนในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้ ถ้าในตอนนั้นชินยอมส่งพลังแห่งชุดเกราะซุยโคะและสามารถรวมจิตใจเป็นหนึ่งส่งให้แก่เรียวเพื่อสวมเกราะคิโคเท ซามูไรทรูปเปอร์ ทั้งห้าก็คงจะไม่กระจัดกระจายเช่นนี้ ชินเองนั้นก็ไม่เข้าใจจิตใจของตนเองเช่นกันกันว่าทำไมถึงได้เกิดความสับสนในจิตใจจนไม่ยอมต่อสู้
ชูคาดคั้นถึงสาเหตุของการที่ชินไม่ยอมต่อสู้ ทำให้ชินตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่ต่อสู้อีก การตัดสินใจของชินนั้นส่งผลร้ายแก่เหล่า ซามูไรทรูปเปอร์ โทมะที่ฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่นานเอ่ยถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ที่รวมตัวกันเพื่อต่อสู้ ปกป้องพิทักษ์โลกจากเหล่า ปีศาจ หลังจากได้พบกับนักบวชลึกลับ คาออส และเพื่อเป็นการสานต่อคำสอนของคาออสในการปกป้องสันติภาพของโลกตราบเท่าที่ เกราะเกียร์ แห่งคุณธรรมยังคงอยู่กับทุกคนตลอดไป ชินไม่ยอมรับคำพูดของโทมะ ไม่ยอมรับชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ของแต่ละคน แม้โทมะจะเตือนให้ชินสงบจิตใจที่กำลังว้าวุ่นอยู่ในขณะนั้นก็ไม่เป็นผลกลับถูกชินชกจนล้มลง ทำให้ชูโกรธชินมากที่ตัดสินใจเช่นนั้นจึงเข้าทำร้ายชิน ทั้งสองคนทะเลาะกันถึงขั้นชกต่อยอย่างรุนแรง
จุนเข้าขวางชูที่ถูกชินต่อยจนล้มลงกับพื้นและขอร้องทั้ง น้ำตา ให้เลิกทะเลาะกัน คนเป็นเพื่อนกันจะมาทะเลาะกันเองไม่ได้ ทำให้ชินเกิดความสับสนในจิตใจอย่างรุนแรงจึงวิ่งหนีไป ไม่สนใจเสียงนาสตี้ที่ตะโกนร้องเรียกตามหลัง โทมะนั้นเข้าใจความรู้สึกของชินที่กำลังว้าวุ้นว่าเป็นเช่นไรจึงให้ปล่อยไปก่อน บางทีชินอยู่ลำพังเพียงคนเดียวอาจจะหาคำตอบให้แก่ตนเองได้ ชินร้องไห้ด้วยจิตใจที่กำลังสับสนมายังท่าเรือ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเมื่อพบกับเด็กหนุ่มลึกลับที่สวม เกราะคิโคเท สีดำ ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของ ชุดเกราะ ว่าต้องการอะไรกันแน่ในการต่อสู้ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันหลังให้แก่เกราะเกียร์ซุยโคะอย่างถาวรด้วยการทิ้งลูกแก้วแห่งความเชื่อมั่นลงแม่น้ำ เรียวและเซจิที่ถูกนำพาตัวมายังทวีปแอฟริกาพักอาศัยในระหว่างยามค่ำคืนบนต้นไม้ใหญ่ รุ่งอรุณยามเช้าต้อนรับเขาทั้งสองด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เมื่อเห็นสภาพภูมิประเทศโดยรอบ เรียวและเซจิตระหนักได้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น มันคือดินแดนที่เกราะคิโคเทสีดำนำพาคนทั้งคู่มาด้วยพลังแห่งชุดเกราะ
เมื่อเซจิรู้จุดมุ่งหมายของ เกราะคิโคเทสีดำ จากเรียว ว่าต้องการที่ที่แท้จริงคือการเผชิญหน้ากับ เกราะคิโคเท สีขาว ทั้งสองคนจึงปักหลักอยู่บนต้นไม้ใหญ่เช่นเดิม เซจิเฝ้ามองรอบ ๆ ตัวด้วยความระมัดระวังและสายตาอันเฉียบคมของเขาก็มองเห็นร่างของนักรบดำพร้อมด้วยบูมเมอแรงอาวุธคู่มือ ปรากฎกายขึ้นพร้อมกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์บนก้อนหินใหญ่ นักรบดำแห่งแอฟริกาจ้องมองคนทั้งสองด้วยสายตาราวกับพยัคฆ์เห็นเหยื่อตัวน้อย ที่ด้านหลังของนักรบดำนั้นปรากฎร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง ผมสีฟ้าและมีตราสัญลักษณ์ของ ดวงอาทิตย์ ประดับอยู่ที่บริเวณผมยืนอยู่ด้วย เด็กหนุ่มลึกลับเริ่มเข้าจู่โจมเรียวและเซจิ จากการออกตัวที่ช้าและเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นตามลำดับ เซจิเตือนเรียวให้เตรียมพร้อมในการรับมือ เด็กหนุ่มลึกลับเปิดฉากโจมตีก่อนด้วย บูมเมอแรง ที่มีความเร็วและแรงที่สามารถตัดต้นไม้ใหญ่ที่ทั้งสองคนอยู่ให้ขาดเป็นสองท่อนได้ในพริบตา เรียวและเซจิถูกความเร็วที่มองไม่เห็นตัวของนักรบดำทำร้าย ทั้งสองคนสัมผัสถึงความเร็วและแรงในการต่อสู้ด้วยตัวเปล่าของนักรบดำ และรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แอบแฝงอยู่ภายใน
หลังเอาชนะเรียวและเซจิได้ เด็กหนุ่มลึกลับกลับทำมือเป็น สัญลักษณ์ ให้ทั้งคู่สวมเกราะเกียร์เข้าต่อสู้กับเขาเหมือนเป็นการหยามฝืมือของเรียวและเซจิที่สวมเพียงเกราะอ่อน เรียวที่มีอารมณ์ร้อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วสวมเกราะเกียร์เร็กกะเข้าประจัญบานกับเด็กหนุ่มลึกลับทันที เมื่อเห็นเรียวสวมเกราะเกียร์เร็กกะเซจิจึงสวมเกราะเกียร์โครินเข้าต่อสู้เช่นกัน นักรบดำมองทั้งคู่ที่สวมเกราะเกียร์แล้วก็ส่ายศีรษะและทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้ทั้งสองคนอีกครั้ง ทำนองว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับเกราะเกียร์เร็กกะและเกราะเกียร์โคริน สิ่งที่เขาต้องการคือเกราะคิโทเคสีขาว เรียวและเซจิไม่สนใจกับสัญลักษณ์มือที่เด็กหนุ่มลึกลับทำ ทั้งสองคนพร้อมด้วย อาวุธ คู่มือบุกตะลุยเข้าหาเด็กหนุ่มลึกลับอีกครั้ง แต่ผลการต่อสู้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เรียวแห่งเร็กกะถูกบูมเมอแรงของนักรบดำเข้าอย่างจังถึงกับหมวกเหล็กที่สวมอยู่บนศีรษะแตกกระจายเป็นผุยผงและดาบคู่หลุดจากมือทั้งสอง เซจิเห็นเรียวพ่ายแพ้ให้แก่เด็กหนุ่มลึกลับก็จะเข้าช่วยเหลือเพื่อนนักรบเกราะแห่งคุณธรรม แต่ไม่ทันที่จะขยัยตัวเขาเองก็ถูกบูมเมอแรงเข้าอีกคนถึงกับล้มฟุบเช่นกัน
เด็กหนุ่มลึกลับมองเซจิที่สลบอยู่ตรงหน้าก่อนจะเข้าไปคว้าปลายเท้าของเซจิและลากไปตามทางตรงไปยังเรียวที่พยายามยันกายลุกขึ้นยืน เรียวพยายามฝืนกายจะต่อสู้กับเด็กหนุ่มอีกแต่กลับถูกทำร้ายจนสลบไปอีกคน ความยินดีจากการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เด็กหนุ่มลึกลับประกาศชัยชนะด้วยการโห่ร้องราวเสียงดังคำรามราวกับสัตว์ป่า...โทมะและชูต่างเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องพักที่บ้านตากอากาศของนาสตี้ ชูเอ่ยขอโทษโทมะที่แสดงละครฝีมือไม่เอาไหนกับชินเมื่อสักครู่ ชินเป็นคนใจอ่อน การที่ชินชกโทมะและชูนั้นความจริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะชกใครกันแน่ ภายนอกห้องพักของชูและโทมะ นาสตี้พยายามค้นหาข้อมูลของเกราะคิโคเทสีดำที่พวกโทมะเห็น แต่ข้อมูลใน อินเตอร์เน็ต ไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับเกราะคิโคเทสีดำให้นาสตี้ได้ค้นคว้าเพื่อช่วยเหลือเรียวและเซจิ
จุนเป็นห่วงพวกโทมะและชูที่ทะเลาะอย่างรุนแรงกับชิน นาสตี้มองดูภาพถ่ายทุกคนที่นคร นิวยอร์ค เมื่อคราวที่เซจิถูก ชิไกเซ็น จับตัวไป ความผูกพันระหว่างเพื่อนในการร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันตลอด คงจะไม่ทำให้มิตรภาพของคนทั้งห้าสูญหายไป ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อะไร ก็คงจะฝ่าฝันไปได้เป็นแน่ ชินที่เกิดความสับสนในจิตใจเกี่ยวกับการต่อสู้จนถึงกับทำร้ายเพื่อน ยังคงเฝ้าค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองที่ท่าเรือ จุนมาหาโทมะและชูที่ห้อง ต่อว่าทั้งสองคนที่ไม่ยอมไปช่วยนาสตี้ค้นหาข้อมูลของนักรบดำ ตอนนี้นาสตี้กำลังพยายามอยู่เพียงลำพังในการค้นหาที่อยู่ของเรียวและเซจิที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชินที่ออกจากบ้านไปและไม่ยอมหวนกลับคืนมา สร้างความไม่มั่นใจให้แก่จุน ถ้าทั้งหมดยังคงความเป็นเพื่อนกันอยู่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เรียวและเซจิที่ถูกเด็กหนุ่มลึกลับทำร้ายจากการต่อสู้ ถูกลากขาไปตามทางด้วยสภาพที่หมดสติ เด็กสาวผมสีฟ้าที่ยืนมองดูการต่อสู้ระหว่างนักรบเกราะและเด็กหนุ่มลึกลับ เรียกเด็กหนุ่มลึกลับว่า "มุคาล่า" พร้อมกับต่อว่าที่ไปพาตัวเรียวและเซจิมาจากประเทศทางตะวันออก เธอถามถึงเหตุผลในการอยากต่อสู้ของมุคาล่า ชุดเกราะคิโคเทสีดำต้องการการต่อสู้จริงหรือ มุคาล่ายังคงลากเรียวและเซจิไปตามทางโดยไม่สนใจเด็กสาวผู้นั้นแม้แต่น้อย นาสตี้พยายามค้นหาเกราะคิโคเทสีดำจาก ฐานข้อมูล ที่มีอยู่แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เธอไม่มีแม้แต่เบาะแสเพียงเล็กน้อยในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ชูนึกถึงร่องรอยต่าง ๆ ของนักรบดำ จุนเอ่ยถึงคำพูดและคาถาที่แปลกประหลาดของเด็กหนุ่มลึกลับตามที่พวกโทมะได้ยิน ชูและจุนพยายามนึกถ้อยคำเหล่านั้นแต่ก็นึกไม่ออก โทมะทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดและคาถาก่อนจะท่องออกมาให้ทุกคนได้ฟัง ถึงแม้จะรู้ภาษาที่นักรบดำใช้ นาสตี้ก็ยังคงมืดแปดด้านเพราะไม่มีความรู้ในด้านนี้ โทมะแนะว่าไม่มีคนรู้จักที่มีความรู้ด้านภาษาที่พอจะให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่ทำให้นาสตี้นึกถึงศาสตราจารย์ยามางามิในห้องวิจัย ภาษาศาสตร์ ซึ่งเป็นเพื่อนของศาสตราจารย์ยางิว
ยามค่ำคืนแห่งแอฟริกา เหล่านักรบดำที่มี มุคาล่า เด็กหนุ่มลึกลับที่สวมเกราะคิโคเทสีดำเข้าต่อสู้กับเหล่าซามูไรทรูปเปอร์ และเป็นผู้นำพาตัวเรียวและเซจิมาจาก ญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นผู้นำเผ่าในแอฟริกา ร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองในชัยชนะของเด็กหนุ่ม เด็กสาวที่มีผมสีฟ้าที่เฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างมุคาล่าและนักรบเกราะทั้งสองจนกระทั่งพ่ายแพ้ถูกนำตัวมาขังไว้ในถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มียามเฝ้าอย่างแน่นหนา เธออุ้มคนโฑเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขนมองดูการเลี้ยงเฉลิมฉลองของผู้นำเผ่าก่อนจะตรงไปยังถ้ำที่ขังเรียวและเซจิ สั่งยามที่เฝ้าบริเวณหน้าถ้ำให้เปิดประตูก่อนจะเข้าไปยังภายในถ้ำและมาหยุดตรงหน้าเรียวและเซจิที่ถูกทำร้ายจนสลบไม่ได้สติ
ศาสตราจารย์ยามางามิแจ้งผลการตรวจสอบด้านภาษาศาสตร์ที่นาสตี้ขอร้องให้ช่วย พบว่าภาษาที่โทมะทวนให้ฟังนั้นเป็นภาษามายาที่สืบทอดกันมาในแทบแทนซาเนีย จุนและชูต่างพากันงงว่าแทนซาเนียตั้งอยู่ที่ใด โทมะใช้ความคิดสักครู่ก็รู้ว่าอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร นาสตี้ดีใจมากที่ได้เบาะแสเกี่ยวกับเรียวและเซจิและอีกไม่นานข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษามายาในแทนซาเนียก็ถูกส่งมายังนาสตี้เพื่อใช้ในการค้นหาเรียวและเซจิ ซึ่งบุคคลทั้งสองที่ทุกคนต่างเป็นห่วงโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยังคงไม่ได้สติอยู่ภายในถ้ำที่ถูกขังอยู่ เด็กสาวผมสีฟ้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ที่บริเวณผมและเข้ามาหยุดยืนมองทั้งสองคนภายในถ้ำ ใช้ฝ่ามือทั้งสองรองน้ำใสสะอาดจากคนโฑที่เธออุ้มมาด้วยแล้วค่อย ๆ หยดน้ำใส่ใบหน้าของเรียวเพื่อเป็นการเรียกสติให้กลับคืนมา
หยดน้ำใสสะอาดจากฝ่ามือของเด็กสาว ร่วงหล่นลงกระทบใบหน้าของเรียว เด็กสาวช้อนใบหน้าของเรียวขึ้นมาและใช้ฝ่ามือตบสองสามครั้ง เปลือกตาของเรียวที่ปิดอยู่จึงเริ่มขยับก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น ทันทีที่นัยน์ตามองเห็นเด็กสาวผมสีฟ้าอยู่ตรงหน้า เรียวถึงกับผงะเล็กน้อยและนึกถึงเซจิ เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาทันที เซจินอนไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลนักและฟื้นคืนสติได้เองในไม่ช้า เซจิได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเรียว ร่างกายของเขาผ่านการต่อสู้มาอย่างสาหัสจนแทบขยับไม่ได้ เด็กสาวแสดงตนเป็นมิตรแก่คนทั้งสองและแจ้งว่าต้องการมาช่วยเหลือทั้งสองคน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้แก่เรียวและเซจิเป็นอย่างมาก เธอแนะนำตัวว่าชื่อ "นาเลีย" และขอร้องให้ทั้งสองคนรับฟังสิ่งที่เธออยากให้ช่วยเหลือ