ยก ชูบัว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการตรวจสอบและยังไม่สมบูรณ์
บทความนี้ ต้องการการตรวจสอบหรือแก้ไขบางส่วน ซึ่งไม่แน่ใจหรือไม่ทราบในสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้

นายยก ชูบัว หรือ โนรายก เป็นโนราที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เป็นบุตรนายเลิศ นางเอี่ยม ชูบัว เกิดเมื่อ พ.ศ.2465 ที่บ้านทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัดทะเลน้อย อุปสมบท 1 พรรษา มีฉายาว่า ธมฺมทินฺโน สอบได้นักตรีธรรม จากสนามสอบวัดสุวรรณวิชัย อำเภอควนขนุน เมื่อลาสิกขาได้รับคัดเลือกให้รับราชการตำรวจอยู่ 2 ปี ณ สถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองพัทลุง และระยะดังกล่าวได้แต่งงานกับนางสาวกล่ำ พงค์ชนะ ไม่มีบุตร พออกจากราชการได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา

โนรายกหัดรำโนรามาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยกัดกับโนราเลื่อน พงค์ชนะ บ้านทะเลน้อย และอยู่ประจำคณะโนราเลื่อนมาจนอายุ 16 ปี จึงแยกมาตั้งคณะเอง ในระยะที่แยกโรงใหม่ๆ เมื่อถึงหน้าแล้งโนรายกจะนำคณะไปแสดงอยู่ประจำในเขตจังหวัดภูเก็ตและพังงา ครั้งถึงหน้าฝนก็นำคณะกลับพัทลุง ช่วงที่ว่างจากการแสดงในระยะดังกล่าว โนรายกได้ไปฝึกรำทำบทกับโนราวัน (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ซึ่งเป็นโนราที่มีชื่อเสียงมากในการรำทำบทในสมัยนั้น ฝึกอยู่ประมาณ 6 เดือนก็ชำนาญ กลับมาทำพิธีผูกผ้าแล้วเข้าอุปสมบทและรับราชการตำรวจตามลำดับดังกล่าวแล้ว ออกจากตำรวจก็มารำโนราหาเลี้ยงชีพเพียงอย่างเดียว

         ด้วยโนรายกมีความสามารถทั้งการรำ  ร้องกลอนและตลกจึงมีผู้เรียกหาไปแสดงมิได้ขาด  ได้ประชันกับโนราดีๆ ในภาคใต้เกือบทุกคณะ  ได้แสดงทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้  และบางจังหวัดในภาคกลาง  การแสดงครั้งสำคัญที่นับเป็นเกียรติประวัติ  ได้แก่  รำให้ทูตวัฒนธรรมของ 25 ประเทศชมที่กรุงเทพฯ  รำออกรายการโทรทัศน์  ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช  จัดขึ้นเป็นพิเศษ  รำถวายพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  ที่เกาะอาดัง  จังหวัดสตูล  ครั้งนี้ได้รับพระราชทานเหรียญที่ระลึกด้วย  ได้รับเชิญจากกรมศิลปากรให้ไปรำที่โรงละครแห่งชาติพร้อมกับขุนอุปถัมภ์นรากร  เมื่อ พ.ศ.2518  ในครั้งนี้ได้รับเกียรติบัตรจากกรมศิลปากร  และพระบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพรได้ประทานเทริดให้ 1 ยอด  และในปี พ.ศ.2526  สถานบันทักษิณคดีศึกษา  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ได้เชิญพร้อมด้วยโนราอีก 7 คณะไปรำในรายการ "มหกรรมโนรา"  ที่โรงละครแห่งชาติและที่ศูนย์สังคีต  ธนาคารกรุงเทพ  เป็นต้น

โนรายกยังได้รับเกียรติให้เป็นครูสอนโนราแก่นักเรียนนักศึกษาและผู้สนใจในสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ได้แก่ สถาบันราชภัฎนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โรงเรียนธัญเจริญ และโรงเรียนเกษตรชลธี อำเภอระโนด สำหรับที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์นั้น สามารถตั้งคณะโนราของมหาวิทยาลัยขึ้นได้สำเร็จ และได้เผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักันอย่างกว้างขวาง เคยได้รับเชิญไปสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช ที่สถาบันราบภัฎสงขลา และสถานศึกษาอื่นๆ อีกหลายแห่ง

นอกจากรำโนราอละเป็นครูสอนโนราแล้ว โนรายกยังเคยรับราชการเป็นประโยชน์แก่ท้องถิ่นหลายหน้าที่ด้วยกันนอกจากเคยเป็นตำรวจดังกล่าวแล้ว ยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยกำนัน นายทะเบียนประจำตำบล และเป็นผู้สื่อข่าวประจำตำบล

จากการที่โนรายกได้ใช้ชีวิตการเป็นศิลปินมาร่วม 50 ปี (จนถึง พ.ศ.2529) ตลอดระยะเวลาดังกล่าว ได้พยายามรักษาแบบแผนของโนราแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างมั่นคง พยายามแทรกความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องโนราให้แก่ผู้ชม ได้สอนลูกศิษย์ลูกหาเอาไว้มากมาย และได้ช่วยเหลือสังคมดังกล่าวมาแล้ว สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจึงได้มีมติยกย่องให้เป็นศิลปินพื้นเมืองดีเด่นประจำปี พ.ศ.2528 และต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2530 ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (โนรา) ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติอันสูงส่งแก่ชีวิตและวงศ์ตระกูล

[แก้] อ้างอิง

  • (อุดม หนูทอง) สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้