พระเจ้าหลุยส์ที่ 14

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 วาดโดยไฮยาซังต์ ริโกด์ เมื่อปี พ.ศ. 2244
ขยาย
พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 วาดโดยไฮยาซังต์ ริโกด์ เมื่อปี พ.ศ. 2244

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (5 กันยายน พ.ศ. 21811 กันยายน พ.ศ. 2258) ครองราชย์14 พฤษภาคม พ.ศ. 2186 เป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส และ นาแวร์ เมื่อมีพระชนมายุได้เพียง 5 ชันษา เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 3 ของราชสำนักบูร์บง แห่งราชวงศ์คาร์เปเทียง ทรงครองราชย์นานถึง 72 ปี นับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดของประเทศฝรั่งเศส และนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นในทวีปยุโรป

สารบัญ

[แก้] พระราชประวัติ

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประสูติ ณ ปราสาทชาโต-เนิฟ เดอ ซังต์ แจร์มัง ออง เลย์ นับเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์เพราะประสูติหลังจากที่พระบิดา(พระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส) และพระมารดา(สมเด็จพระราชินีอานน์ แห่งออสเตรีย)ที่ได้อภิเษกสมรสกันมาเป็นเวลานานถึง 23 ปีโดยไม่มีโอรส-ธิดา จึงได้รับพระนามว่า หลุยส์ ดิเยอดอนเน ซึ่งแปลว่าหลุยส์ที่พระเจ้าทรงประทาน เนื่องจากพระองค์ประสูติตามคำสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 13 (ด้วยการทำพิธีถวายแผ่นดินฝรั่งเศสแด่พระแม่มารี เมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2181) ซึ่งหลังจากพระองค์ประสูติแล้ว สองปีต่อมา ก็มีพระอนุชา คือเจ้าชายฟิลิปป์ (ดยุคแห่งอองจู และเป็นดยุคแห่งออร์เลออง) ประสูติตามมา

พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในนามของ "สุริยกษัตริย์" (le Roi soleil) พระเจ้าหลุยส์ทรงสถาปนาระบอบราชาธิปไตยในฝรั่งเศส ตามคำคมว่า รัฐ คือข้า ที่มีคนแอบอ้างว่าเป็นอัญพจน์ของพระองค์ ทำให้ระบอบดังกล่าวถูกมองว่าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่กษัตริย์มาปกครองประเทศตามบัญชาของสวรรค์ นักประวัติศาสตร์แสดงความเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับคำคมดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากทราบกันว่ารัชสมัยของพระองค์นั้นโดดเด่นในเรื่องความก้าวหน้าทางด้านสิทธิของสาธารณชน ทำให้คำคมดังกล่าวที่ถูกอ้างมาผิดๆ้ ว่า่องค์พระประมุขกับรัฐเป็นสิ่งเดียวกันนั้นสวนทางกับข้อเท็จจริง นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มีข้อกำหนดต่างๆเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้านนิกายโปรเตสแตนท์ และในปี พ.ศ. 2228 พระองค์ได้ทรงรื้อฟื้นพระบัญชาแห่งนองต์ อันเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาโดยพระเจ้าอ็องรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส สมเด็จพระอัยกาของพระองค์อีกด้วย

พระองค์ได้ทรงลดทอนอำนาจของชนชั้นสูงที่เชี่ยวชาญในการรบ ด้วยทรงรับสั่งให้พวกเขาเหล่านั้นรับใช้พระองค์เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกในราชสำนัก อันเป็นการถ่ายโอนอำนาจมายังระบบธุรการแบบรวมศูนย์ และทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นชนชั้นสูงที่ใช้สติปัญญา พระองค์ทรงดำริให้สร้างพระราชวังแวร์ซาย ขึ้นในอุทยาน โดยมีการจัดสวนให้เป็นรูปทรงเรขาคณิต พระราชวังแวร์ซายที่มีขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 15 กิโลเมตรทางตะวันตกของกรุงปารีส ที่เมืองแวร์ซาย ในเขตปริมณฑลของกรุงปารีส

พระองค์ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระนางมารี-เทเรส แห่งออสเตรีย ( พ.ศ. 2181 - พ.ศ. 2226) พระธิดาของพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 4 แห่งสเปน กับพระนางเอลิซาเบธ แห่งฝรั่งเศส (พ.ศ. 2145 - พ.ศ. 2187) ทรงมีโอรสธิดารวมห้าพระองค์:


พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีพระสนมมากมาย ในจำนวนนั้น รวมถึงหลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์ อองเจลลิก เดอ ฟงตองจ์ มาดาม เดอ มงต์เตสปอง และ มาดาม เดอ มังเตอนง (ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงอภิเษกสมรสด้วยอย่างลับๆ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของราชินี ในปี พ.ศ. 2227) ในวัยรุ่น พระองค์ได้ทรงรู้จักกับหลานสาวของพระคาร์ดินัลมาซารัง ชื่อมารี มองซีนี ความรักแบบเพื่อนของทั้งสองถูกขัดขวางโดยพระคาร์ดินัล ผู้ประสงค์ให้พระองค์อภิเษกสมรสกับราชนิกูลของประเทศสเปนเพื่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศส และของตัวพระคาร์ดินัลเอง คนมักจะพูดกันว่านางสาวเดอ โบเวส์โชคดีมากที่ไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนก็ยังกังขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี พระเจ้าหลุยส์ยังทรงมีสัมพันธ์เป็นเวลายาวนานอีกกับเด็กสาวพนักงานซักรีดของพระราชวังลูฟ ด้วยความเจ้าชู้ของพระองค์ ต่อมาภายหลังได้ทรงรับสั่งให้สร้างบันไดลับไว้มากมายในพระราชวังแวร์ซายเพื่อจะได้สเด็จไปหาพระสนมของพระองค์ได้สะดวก ความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้พวกเคร่งศาสนากลุ่มหนึ่งไม่พอใจ โบสซูเอต์ กับ มาดาม เดอ มังเตอนง จึงพยายามชักชวนให้พระองค์หันกลับมาสู่ความทรงคุณธรรมอีกครั้ง ซึ่งทำคนทั่วไปรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของพระราชวังแวร์ซายได้ แต่ก็ทำให้ผู้บันทึกประวัติหลายคนรู้สึกเสียดาย

ปัญหาเรื่องพระพลานามัยที่ทรุดโทรมและปัญหาการหารัชทายาท ทำให้เกิดบรรยากาศเศร้าสลดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ต้องสูญเสียพระโอรส เจ้าชายหลุยส์แห่งฝรั่งเศส (มกุฎราชกุมาร) ไปในปี พ.ศ. 2254 ในปีถัดมา ดยุคแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นพระราชนัดดา พร้อมด้วยโอรสองค์โตของดยุคพระองค์นี้ก็ได้สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วยโรคฝีดาษ องค์มกุฎราชกุมารทรงมีพระโอรสอีกสององค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้เป็นกษัตริย์ของสเปนภายใต้พระนามว่าฟิลลิปเปที่ 4 แห่งสเปน เป็นผู้ซึ่งปฏิเสธสิทธิในการขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศสที่สืบเนื่องมาจากสงครามชิงบัลลังก์ในสเปนภายใต้สนธิสัญญาอูเทรชต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2257 ดยุคแห่งแบรี โอรสอีกพระองค์หนึ่งของมกุฎราชกุมารก็สิ้นพระชนม์ลงอีกด้วย ราชนิกูลชายผู้สืบเชื้ออย่างถูกต้องจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในขณะนั้นจึงได้แก่ดยุคแห่งอองจู พระโอรสองค์รองของเจ้าชายแห่งบูกอญจ์ ผู้เป็นเหลนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ประสูิติเมื่อปี พ.ศ. 2253แต่ก็เป็นเด็กชายผู้มีพลานามัยเปราะบาง นอกเหนือจากดยุคแห่งอองจูผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมารแล้ว ก็มีเจ้าชายผู้สืบเชื้อสายโดยตรงจากพระองค์อยู่อีกไม่มากในสายมารดาอื่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ราชวงศ์ด้วยการมอบสิทธิ์การขึ้นครองบัลลังก์ให้แก่เจ้าชายอีกสองพระองค์ด้วยเช่นกัน ได้แก่เจ้าชายหลุยส์ ออกุสต์ เดอ บูร์บง ดยุคแห่งเมน และเจ้าชายหลุยส์ อเล็กซองเดรอ เคาท์แห่งตูลูส พระโอรสอันชอบธรรมสองพระองค์ที่ประสูติแต่มาดาม เดอ มงต์เตสปอง


พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2258 ด้วยโรคติดเชื้อจากแผลกดทับ พระองค์ได้ทรงประกาศก่อนสิ้นพระทัยว่า "ข้าจะไปแล้ว แต่รัฐของข้าจะคงอยู่ตลอดไป" รัชสมัยของพระองค์กินเวลา 72 ปี กับ 100 วัน พระศพถูกฝังไว้ที่บาซิลิก ซังต์ เดอนี ซึ่งหลุมพระศพนี้ถูกบุกรุกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสในกาลต่อมา ดยุคแห่งอองจู เหลนของพระองค์ผู้มีพระชนม์เพียงห้าชันษาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ต่อมา ภายใต้พระนามว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แ่ห่งฝรั่งเศส โดยมีเจ้าชายฟิลิปป์ ดยุคแห่งออร์เลอง พระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นผู้สำเร็จราชการตลอดช่วงที่กษัตริย์ยังทรงพระเยาว์


[แก้] การเมืองการปกครอง

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับองค์รัชทายาท
ขยาย
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับองค์รัชทายาท

ช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้นโดดเด่นด้วยการรังสรรค์วัฒนธรรมชั้นสูงของฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นภาษาของคนชั้นสูง และภาษาทางการทูตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ คริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศรัสเซีย

ในปี พ.ศ. 2217 รัฐบาลฝรั่งเศสได้ซื้อหมู่เกาะมาร์ตีนีก มาจากบริษัทเอกชนแ่ห่งหนึ่งที่ยึดเกาะนี้มาได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2178 ในปี พ.ศ. 2232 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทรงประกาศ"กฎดำ" ที่ให้อนุญาตให้มีทาสได้ในดินแดนอาณานิคม ผู้ที่ชื่นชมพระองค์ได้มองกฎดำนี้ว่าเป็นกฎที่ทำให้มีการค้าทาสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้จำกัดการกระทำทารุณกรรมต่อทาส และมอบสถานภาพทางสังคมให้แก่ทาส ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นได้เพียงทรัพย์สมบัติโดยตรงของเจ้าของทาส เฉกเช่นสิ่งของเครื่องใช้ และด้วยกฎนี้ พวกทาสสามารถมีสิทธิ์เป็นเจ้าของทรัพย์สินได้ในจำนวนจำกัด มีสิทธิ์เกษียณอายุเมื่อถึงวัยชรา มีสิทธิ์ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากเจ้าของ และได้รับอาหารที่ดี กฎดำจึงกลายเป็นกรอบของสนธิสัญญาทาสในสมัยนั้น

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชนชาวฝรั่งเศส จากการที่พระองค์ทำให้ประเทศเกรียงไกรและแผ่ขยายอาณาเขตไปเป็นอันมาก อย่างไรก็ดี การตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดเวลาทำให้รัฐต้องขาดดุล และต้องเก็บภาษีอากรจากชาวไร่ชาวนาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อเล็กซิส เดอ ทอกเกอวิลล์ นักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นว่า การที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เปลี่ยนพวกชนชั้นสูงให้กลายเป็นข้าราชบริพารธรรมดา รวมทั้งยังเข้าพวกกับผู้ดีใหม่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้แต่ไม่ให้มีอำนาจทางการเมือง มีส่วนผลักดันให้เกิดความไม่มั่นคงในสเถียรภาพทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในเวลาต่อมา และเป็นชนวนก่อให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในที่สุด

ในช่วงต้นของรัชสมัย ประเทศมหาอำนาจในยุโรปอีกประเทศหนึ่งคือประเทศสเปน ในขณะที่สหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอังกฤษ ได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์


พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงครองราชย์ตรงกับช่วงระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จเจ้าฟ้าชัย สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)และ สมเด็จพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ 9 (พระเจ้าท้ายสระ) แห่งสมัยอยุธยา


[แก้] บุคคลในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

  • เจ้าหญิงอานน์ แ่ห่งออสเตรีย
  • จูล มาซารัง
  • หลุยส์ที่ 2 เลอ กงเด
  • ชอง-บัพติส โคลแบร์
  • นิโคลา ฟูเก
  • โมลิแยร์ นักประพันธ์ประจำราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
  • มิเชล เลอ เตลลิเย
  • ฟร็องซัวส์ มิเชล เดอ เตลลิเย
  • มาดาม เดอ มงเตสปอง
  • ฟร็องซัวส โดบิญเน
  • เซบาสเตียง เลอ เพรสเตรอ เดอ โวบอง
  • อองรี เดอ ลา ตูร์ โดแวร์น-บุยยง
  • มารี เธเรส แห่งออสเตรีย
  • กาเบรียล นิโคลา เดอ ลา เรย์นี
  • หลุยส์ เดอ รูวรัว
  • ชาร์ล เลอ บรัง จิตรกรประจำราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
  • เจ้าชายฟิลลิปป์ แห่งฝรั่งเศส
  • ชาร์ลอต-เอลิซาเบธ เดอ บาวิแยร์
  • พระยาโกษาธิบดี(ปาน)

[แก้] เพิ่มเติม

[แก้] บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ราชวงศ์บูร์บง

[แก้] หนังสืออ้างอิง

  • François Bluche, Louis XIV, Hachette, coll. « Pluriel », 1999 (1แม่แบบ:Re édition 1986) (ISBN 2012789870) ;
  • Peter Burke, Louis XIV : les stratégies de la gloire, Seuil, 1998 (1แม่แบบ:Re édition 1995) (ISBN 2020206382) ;
  • Pierre Goubert, Louis XIV et vingt millions de français, Hachette, coll. « Pluriel », 1998 (1แม่แบบ:Re édition 1970) (ISBN 201278870X) ;
  • Ragnhild Hatton, L'Époque de Louis XIV, Flammarion, 1992 (1แม่แบบ:Re édition 1969) (ASIN 2080609904) ;
  • Jean-Christian Petitfils, Louis XIV, Perrin, 1995 (ISBN 2262018669) ;
  • Gérard Sabatier, Versailles ou la figure du roi, Albin Michel, coll. « Bibliothèque des idées », 1999 (ISBN : 2-226-10472-0).
ลำดับของกษัตริย์และจักรพรรดิที่ปกครองประเทศฝรั่งเศส
ตั้งแต่ปีค.ศ. 987 ถึง ค.ศ. 1870
987 996 1031 1060 1108 1137 1180 1223 1226
   อูก คาเปต์ โรแบร์ที่ 2 อองรีที่ 1 ฟิลิปป์ที่ 1 หลุยส์ที่ 6 หลุยส์ที่ 7 ฟิลิปป์ที่ 2 หลุยส์ที่ 8   
1226 1270 1285 1314 1316 1316 1322 1328 1350
   หลุยส์ที่ 9 ฟิลิปป์ที่ 3 ฟิลิปป์ที่ 4 หลุยส์ที่ 10 ชอง-ฟรองซัวส์ที่ 1 ฟิลิปป์ที่ 5 ชาลส์ที่ 4 ฟิลิปป์ที่ 6   
1350 1364 1380 1422 1461 1483 1498 1515 1547 1559
   ชองที่ 2 ชาลส์ที่ 5 ชาลส์ที่ 6 ชาลส์ที่ 7 หลุยส์ที่ 11 ชาลส์ที่ 8 หลุยส์ที่ 12 ฟรองซัวส์ที่ 1 อองรีที่ 2   
1559 1560 1574 1589 1610 1643 1715 1774 1792
   ฟรองซัวส์ที่ 2 ชาลส์ที่ 9 อองรีที่ 3 อองรีที่ 4 หลุยส์ที่ 13 หลุยส์ที่ 14 หลุยส์ที่ 15 หลุยส์ที่ 16   
1792 1804 1814 1824 1830 1848 1852 1870
     -   นโปเลียน โบนาปาร์ต หลุยส์ที่ 18 ชาลส์ที่ 10 หลุยส์-ฟิลิปป์ที่ 1 - นโปเลียนที่ 3   

ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส - ประเทศฝรั่งเศส
ราชวงศ์เมโรวังเจียง - ราชวงศ์คาโรลังเจียง - ราชวงศ์คาเปเทียง
ราชวงศ์วาลัวส์ - ราชวงศ์บูร์บง - ราชวงศ์โบนาปาร์ต