หลวงพ่อแสน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้ |
ประวัติความบังเกิดขึ้นของหลวงพ่อแสน วัดหงส์รัตนาราม
ซึ่งได้จากตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์ รวม ๓ ฉบับ
คือ ฉบับพระยามหาอำมาตยาธิบดี
ฉบับหม่อมอมรวงศ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ ปฐม) และ
ฉบับเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์ กับเจ้าราชวงศ์เมืองนครจำปาศักดิ์ ว่าไว้เป็นเรื่องละม้ายคล้ายกัน ดังนี้ คือ
พระภิกษุรูปหนึ่ง ผู้มีบุญแต่ปางก่อนอุปถัมภ์ ท่านฉลาดไหวพริบดีและแตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นชาวเมืองพานเป็นศานุศิษย์พระครูลึม บองค์และพระครูยอดแก้ว ได้รับยกย่องเป็นราชาจั่วและได้รับอุปสมบทเป็นภิกษุ มีพระสงฆ์นั่งหัตถบาสถึง ๕๐๐ รูปในพระอุโบสถน้ำ โดยพระเจ้า เมืองเวียงจันทร์ถวายอุปการะ
ท่านมีผู้คนนับถือและเกียรติชื่อเสียงเลื่องลือทั่วไปแต่เมื่อยังเป็นสามเณร และทรงได้ซึ่ง อภินิหารอัศจรรย์มาก ต่อมาท่านได้รับฐานันดรศักดิ์เป็นพระครู และจำพรรษาอยู่ ณ วัดโพนเสม็ด คนทั้งหลายจึงเรียก ชื่อท่านว่า “พระครูโพนเสม็ด” ท่านผู้นี้ยังได้ปฏิบัติกรรมฐานบรรลุอภิญญาสมาบัติ มีฤทธิ์อำนาจเป็นพิเศษอีกด้วย จึงเป็นที่ทั้งเกรงทั้งเคารพนับถือและบูชาสักการะของคนทั่วไปในถิ่นนั้น
ครั้นต่อมาเจ้านครเวียงจันทร์พิราลัย พระยาเมืองแสนชิงราชสมบัติได้เป็นเจ้าเมืองแต่ประพฤติมิชอบและคิดกำจัดท่าน ท่านพร้อมด้วย ศิษยานุภาพศิษย์ชาวบ้าน และมเหสีพระโอรสเจ้าเวียงจันทน์เดิม จึงทิ้งถิ่นเดิมอพยพย้ายกันเป็นหมู่ใหญ่จำนวนนับพันมาอยู่ยังตำบลจะโรย จังวา คือตำบลบ้านแหลม ซึ่งต่อมาตำบลนี้เป็นนครพนมเปญ
ท่านประสบศุภนิมิต คือได้พระบรมธาตุจากยายเป็นผู้ถวาย จึงสร้างเจดีย์เป็นพนมขึ้นแล้วบรรจุพระบรมธาตุนั้นไว้ ณ ทีเจดีย์พนมนี้ แล้วท่านจึงหล่อพระพุทธปฏิมากรองค์หนึ่ง ได้แต่เพียงพระเศียรลงมาถึงพระกรขวา ยังไม่สำเร็จทั้งพระองค์
ก็มาเกิดเรื่องพระจ้ากรุงกัมพูชาจะเก็บส่วยเป็นเงินครัวละ ๘ บาท ท่านจึงพาญาติโยมเคลื่อนที่ขึ้นไปตามลำน้ำโขงโดยลำดับแล้วมาอธิษฐานของที่อยู่อาศัย ด้วยอำนาจกุศลธรรมของ ท่าน ก็เกิดเกาะเป็นหาดขึ้นเรียกกันว่า “หาดท่านพระครู” มาจนทุกวันนี้
ท่านและญาติโยมก็อยู่พำนัก ณ ที่นี้ และสร้าง พระพุทธปฏิมากรต่อพระอังสาพระกรเบื้องซ้ายตลอดพระแท่นรองสำเร็จแล้วให้ศิษย์ไปนำส่วนพระเศียรและพระกรเบื้อง ขวามาต่อสวมเข้าเป็นองค์บริบูรณ์ ตรงนั้นเรียกเกาะหาดเกาะทรายมาจนบัดนี้
แล้วท่านขนานนามพระปฏิมากรองค์นี้ว่า “พระแสน” และสร้างวิหารประดิษฐาน ณ ที่นี้
อนึ่งพระครูโพนเสม็ดรูปนี้เป็นผู้ให้กำเนิดเมืองเชียงแตงและนครจำปาศักดิ์พร้อมทั้งเจ้าท้าวพระยาอีกด้วย และท่านยังได้สร้างพระพุทธปฏิมากรองค์ อื่น ๆ อีกภายหลังพระแสนองค์นี้
เมื่อพิจารณาตามประวัตินี้หลวงพ่อแสนได้กำเนิดจากการกระทำของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ คือพระครูโพนเสม็ดในเนื้อที่สองแห่งคือที่บ้านแหลมอันต่อมา กลายเป็นราชธานีนครพนมเปญ และเกาะหาดเกาะทรายซึ่งต่อมาในบริเวณที่แถบนี้กลายเป็นนครจำปาศักดิ์
และศิษย์ท่านผู้เป็นเชื้อสายเจ้านคร เวียงจันทร์เดิม พระนามว่าเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกรู โดยท่านเป็นผู้สถาปนาขึ้น และพระโอรสเจ้าสร้อยศรีสมุทร องค์สุดท้อง ทรงพระนามว่า พระไชยเชษฐ์ ครองเมืองเชียงแตง คือบ้านหางโค ปากน้ำเซกอง ฝั่งโขงตะวันออกบัดนี้นับว่า หลวงพ่อแสนเป็นพระฤกษ์อันสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพระต้นสกุลองค์หนึ่งของพระแคล้วลานช้าง
เรื่องนามของหลวงพ่อแสน ตามนัยแห่งตำนานนี้ว่า พระครูโพนเสม็ดกับครอบครัว ได้อพยพมาจากเมืองเขมรมาตั้ง อยู่ที่ตำบลเชียงแตง จึงได้เรี่ยไร พวกครอบครัวที่อพยพมานั้น ประมวญทองแดงทองเหลืองเป็นอันมากหนักได้ ๑๖๐ ชั่งเศษ
แล้วหล่อขึ้นเป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่งเนื้อหนาดี ขัดสีเกลี้ยงเกลางาม พระครูโพนเสม็ดถวายพระนามว่า “พระแสน” เพราะคิดน้ำหนักได้กว่าแสนเฟื้อง และตั้งไว้ในวัดซึ่งเป็นที่อยู่ของพระครูโพนเสม็ด ณ เมืองเชียงแตง ดังนั้น “แสน” หมายเอาคำว่า “กว่าแสนเฟื้อง” ประการหนึ่ง
และ “แสน” หมายเอาทองแดงทองเหลืองมากมาย หนักตั้ง ๑๖๐ ชั่งเศษ
เพราะ “แสน” คำนี้พจนานุกรมให้ความหมายไว้ว่า “มากยิ่ง” ประการหนึ่งแต่ “แสน”
คำนี้จะหมายเอาถิ่นที่เกิดของพระและช่างผู้หล่อเป็นชาวถิ่นนั้น คือ แคว้นลานช้าง เลยขนานนามตามนัยนี้ว่า พระแสนล้านช้าง แต่ตัดคำหลังเพื่อกะทัดรัดเข้าเพียงเรียกว่า “พระแสน”
ดังนี้ประการหนึ่งก็เป็นได้ แม้ในหนังสือโบราณคดีกล่าวไว้ว่า “อาศัยเหตุที่เชียงแสนได้เคยเป็นชื่อราชธานี มานมนานตั้งแต่สมัยเมื่อชนชาติไทย ได้เข้ามาปกครองมณฑลลานช้างราว พ.ศ. ๑๖๐๐ นักปราชญ์ทางโบราณคดีจึงสมมติชื่อโบราณวัตถุสถานอันเป็นฝีมือ ช่างไทยได้ทำไว้แต่ครั้งนั้นและต่อมาในอาณาจักรลานนาและลานช้างว่า “สมัยเชียงแสน”
และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชนุภาพ ทรงให้เหตุผลไว้ในหนังสือพุทธเจดีย์ว่า “พุทธเจดีย์แบบเชียงแสนเป็นต้นแบบต่อไปถึง ประเทศลานช้าง คือ เมืองหลวงพระบาง เวียงจันทร์ ลงมาจนถึงเมืองจำปาศักดิ์” ดังนี้ นัยนี้คำว่า “พระแสน” ก็หมายเอา “พระสมัยฝีมือเชียงแสน” นั่นเอง แต่เรียกสั้นก็ว่า “พระแสน” ฉะนั้นหลวงพ่อแสนองค์นี้ นับเข้าเป็นพระงามยิ่งองค์หนึ่งในบรรดาพระพุทธรูปลานช้างที่งามด้วยกันคือพระแสนวัดหงส์ ฯ นี้องค์หนึ่งและ พระแสนกับพระเสริม วัดปทุมวรารามอีก ๒ องค์ด้วยกัน
หลวงพ่อแสนเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ อำนวยความสำเร็จให้แก่ผู้ปรารถนาได้นานาประการ
หลวงพ่อแสนองค์นี้จะลอยน้ำมามีคนอัญเชิญขึ้นหลายแห่ง ถึงกับใช้แรงคนดึงลากขึ้นเป็นจำนวนแสนคนก็ไม่เสด็จขึ้น เมื่อลอยมาถึงวัดหงส์ ฯ นี้ แล้ว เพียงอาราธนาอัญเชิญก็เสด็จขึ้นด้วยกำลัง ๔ – ๕ คนเท่านั้น ดังนั้นหลวงพ่อองค์นี้จึงมีนามว่า “หลวงพ่อแสน” คือคนเป็นแสนแสนดึงไม่ขึ้นนั่นเอง ก็อัศจรรย์อยู่ถึงกับมีเรื่องอัศจรรย์ปรัมปราเป็นนิยายประจำพระพุทธรูปองค์นี้ ทั้งนี้เห็นจะเนื่องด้วยหลวงพ่อแสนองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธาศักดานุภาพเป็นที่ประจักษ์ทั่วไปนั่นเอง ตามตำนานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงจัดไว้ในประเภทพระพุทธรูปสำคัญทรงพระนิพนธ์ประวัติไว้ในตำนานจองพระองค์ท่านดังนี้ “พระแสน” (เมืองเชียงแตง) พระพุทธรูปองค์นี้ เชิญมาแต่เมืองเชียงแตงเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๑ ประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดหงส์รัตนาราม” คิดเป็นเวลาขวบปีได้ ๑๐๐ ปี แล้วจนบัดนี้
ประชาชนที่อาศัยอยู่ในวัดหงส์รัตนาราม โดยรอบบริเวณเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดใหญ่จำนวน 237 หลังคาเรือน ได้ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ และดูแลสถานที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้ไว้ โดยได้รับความร่วมมือจากทางวัดและสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ ในการปรับปรุงบูรณะปฏิขังณ์วัดหงส์รัตนารามกันเป็นเนืองนิจ เช่น การรวมตัวกันทาสีกำแพงโบสถ์โดยนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ ได้จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อสนับสนุนและประชาชนชาววัดหงส์รัตนารามได้ร่วมมือกันพัฒนาท้องถิ่นวัดหงส์รัตนาราม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่อไป มีการขุดลอกและเก็บจขยะสระน้ำมนต์นอกจานั้นยังได้จัดตั้งกลุ่มอาสาพัฒนาถิ่นฐาน เพื่อจัดวิทยากรท้องถิ่นบรรยายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวและนำชมสถานที่ ในการพัฒนาวัดหงส์รัตนารามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ยั่งยืนต่อไป ไม่ต้องลบทิ้งก่อนจะทำในวิกิพีเดียล่ะ หาข้อความนี้ยากมาก ใช้เวลาสองอาทิตย์ กำลังรอเขียนใหม่ให้เป็นบทความเดียวกัน
รูปพระ