โอดะ โนบุนากะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โอดะ โนบุนากะ ฟังเสียง (「織田 信長」 Oda Nobunaga?)(23 มิถุนายน พ.ศ. 2077-21 มิถุนายน พ.ศ. 2125) เป็น ไดเมียว คนสำคัญใน ยุคเซงโงกุ ใน ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
สารบัญ |
[แก้] ยุคก่อนโนบุนากะ
หากเอ่ยถึง ญี่ปุ่น ในยุค สงคราม ประวัติศาสตร์ ก่อนจะมาเป็น โตเกียว ในปัจจุบัน และถ้าเอ่ยถึงขุนพลนักรบที่เก่งกาจจนกลายมาเป็น ตำนาน ของญี่ปุ่น ที่หาผู้ใดเทียบเทียมใด้ รวมทั้งจิตใจอันเข้มแข็งอำมหิตอันเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัว คงไม่มีใครที่จะไม่นึกถึง ซามูไร ยอดนักดาบผู้นี้ โอดะ โนบุนากะ
เพียงแค่ได้ยินชื่อ "โอดะ โนบุนากะ" ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวซามูไรผู้นี้เป็นอย่างมาก แต่ทว่า โอดะ โนบุนากะ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักรบผู้มีจิตใจเหี้ยมโหดผิดมนุษย์เท่านั้น ขุนพลนักรบผู้นี้ยังมีความฉลาดเฉลียว มีสติปัญญาในการสู้รบไม่แพ้ "ซานาดะ ยูคิมูระ" แต่ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจของ โอดะ โนบุนากะ ทำให้เขาต้องจบชีวิตของตนเองด้วยน้ำมือของคนที่ไว้วางใจอย่าง "อะเดจิ มัตสึฮิเดะ" ญีปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1500 - 1700 เกิดสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ประเทศชาติมีแต่ความหายนะ หาความสงบสุขไม่ได้ และเมื่อบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย อำนาจของ โชกุน ผู้ปกครอบประเทศถูกแก่งแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ทำให้โชกุนในสมัยนั้นคือ "ตระกูล อะชิคางะ" ถูกแย่งชิงอำนาจการปกครอง ทำให้บรรดาไดเมียวทั้งหลายที่ปกครองหัวเมืองต่าง ๆ พากันกระด้างกระเดื่อง ประกาศตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับการปกครองของโชกุน ต่างทำสงครามแย่งชิงอำนาจกันเอง ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จากความบ้าอำนาจของบรรดาไดเมียวทั้งหลายนี่เองทำให้ญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นก้าวเข้าสู่สภาวะ สงครามกลางเมือง ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 200 ปี
ในยุคสมัยของ เซนโกกุ จิได ในช่วงมืดของญี่ปุ่นที่เกิดการระส่ำระสายจากการแย่งชิงอำนาจของ ไดเมียว ได้มีขุนพลนักรบผู้หนึ่งเป็นผู้ผลิกผันโฉมหน้า ประวัติศาสตร์ ของญี่ปุ่น ก้าวขึ้นมามีอำนาจเหนือสุด เป็นผู้คุมประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงระหว่างสงคราม เป็นผู้ปราบความไม่สงบเรียบร้อยในสมัยนั้น ทำการใหญ่ด้วยการรวบรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น...เขาผู้นั้นก็คือ ขุนพลในตำนาน โอดะ โนบุนากะ
[แก้] ชีวประวัติขุนพลนักรบผู้เป็นตำนาน
โอดะ โนบุนากะ ถือกำเนิดขึ้นในฐานะบุตรชายของเจ้าเมืองโอวาระ โอดะ โนบุฮิเดะ ในปี ค.ศ. 1534 มีนามเดิมว่า โอดะ คิปโปชิ เป็นบุตรชายคนรองของตระกูล ต่อมาเมื่อ โอดะ โนบุนากะ มีอายุได้ 15 ปี โอดะ โนบุฮิเดะ ผู้เป็นบิดาก็มาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในปี ค.ศ. 1549 ทิ้ง โอดะ โนบุนากะ ไว้กับบรรดาเครือญาตของตระกูลโอดะ ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับ โอดะ โนบุนากะ สักเท่าใดนัก แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดเขาเอง ที่ยังคิดจะกำจัดเขาเพียงเพื่อที่จะให้น้องชายของเขาได้ครองเมืองต่อจากผู้เป็นบิดา แต่สวรรค์ได้ส่งขุนพลนักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่าง โอดะ โนบุนากะ มาเกิด ในการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจของตระกูลโอดะ เขาสามารถเอาชนะการรบระหว่างศึกสายเลือดของตระกูล ใช้อำนาจของผู้ที่ชนะในการทำศึก สั่งให้น้องชายของเขาทำการ ฮาราคีรี ตนเอง และได้ปกครองเมืองโอวาระต่อจากผู้เป็นบิดา ควบคุมและปราบบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาขึ้นครอบครองเมืองต่อจากบิดาในปี ค.ศ. 1559
เมืองโอวาริที่มีผู้ครองเมืองอย่าง โอดะ โนบุนากะ แม้จะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่องเกิดศึกสงครามขึ้นระหว่างเมืองมิคะวา ที่มี อิมากาว่า โยชิโมโตะเป็น ไดเมียว ผู้ครองเมือง นำกองกำลังทหารจำนวนมากเข้าบุกโจมตีเมืองโอวาริ เพื่อเป็นการกรุยทางการบุกตะลุยเข้าสู่กรุง เกียวโต โอวาริแม้จะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แต่มีผู้นำที่เข้มแข็งอย่าง โอดะ โนบุนากะ มีหรือที่จะยอมให้ไดเมียว อิมากาว่า โยชิโมโตะ เข้าตีเมืองของตนเองได้ โอดะ โนบุนากะสั่งกองกำลังทหารของเขาเข้าประจำยังจุดต่าง ๆ ของเมืองโอวาริ เตรียมพร้อมรับการโจมตีจากกองกำลังของอิมากาว่า โยชิโมโตะ
กองกำลังของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ เข้าโอบล้อมเมืองโอวาริ แต่ยังไม่สามารถตีเมืองโอวาริได้ ในตอนดึกของคืนหนึ่ง เกิด พายุ ใหญ่เข้าถล่มเมืองโอวาริ ทำให้กองกำลัง ทหาร ของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ หลบพายุฝนอยู่แต่ในค่าย โอดะ โนบุนากะ ฉวยโอกาสที่ข้าศึกกำลังชะล่าใจ คุมกำลังทหารม้ากว่า 500 นาย เข้าโจมตีกองกำลังทหารของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ ด้วยไหวพริบและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด เจนจัดในชั้นเชิงศึกของ โอดะ โนบุนากะ เขาสามารถนำกองกำลังของเขาตีกองกำลังทหารของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ แตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง อิมากาว่า โยชิโมโตะ แม่ทัพใหญ่ ไม่คาดคิดมาก่อนว่า โอดะ โนบุนากะ จะบุกเข้าโจมตีตน จึงไม่ทันเตรียมการตั้งรับ อีกทั้งเป็นคืนที่พายุฝนกระหน่ำ ภูมิประเทศไม่เป็นใจในการทำศึก อีกทั้ง อิมากาว่า โยชิโมโตะ ไม่เจนจัดในภูมิประเทศเทียบเท่ากับ โอดะ โนบุนากะ ที่เป็นเจ้าเมือง ทำให้กองกำลังทหารของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ แตกกระจายถอยร่นไม่เป็นท่า โอดะ โนบุนากะ คุมกำลังทหารเข้าประชิดตัว อิมากาว่า โยชิโมโตะ ใช้ดาบฟันคอของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ ขาดกระเด็น สร้างความขวัญหนีดีฟ่อให้แก่กองกำลังของ อิมากาว่า โยชิโมโตะ ยิ่งนัก ที่เห็น แม่ทัพ ของตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้ต้องถอนกำลังถอยกลับเมืองมิคะวาแทบไม่ทัน จากการเข้าประชิดข้าศึกที่โอบล้อมเมืองของตัวเองและชัยชนะในการทำศึกครั้งนั้น ทำให้ชื่อเสียงของ โอดะ โนบุนากะ ลือกระฉ่อนไปทั่วปฐพี
จากการบั่นคอ อิมากาว่า โยชิโมโตะ และชัยชนะในสงครามเมืองมิคะวา ทำให้ไดเมียวหลายเมือง ต่างพากันทำทีมาขอผูกความสัมพันธ์กับ โอดะ โนบุนากะ หนึ่งในนั้นมี โตคุกาว่า อิเอยาสึ ซึ่งเป็นทายาทของ ตระกูล อิมากาว่า รวมอยู่ด้วย และในปี ค.ศ. 1560 โอดะ โนบุนากะ ได้ทำการผูกความสัมพันธ์กับไดเมียวในตระกูลต่าง ๆ และยกกองกำลังของตนเข้าทำ สงคราม กับไดเมียวที่ไม่ยอมผู้สัมพันธ์ด้วย หลังจาก โอดะ โนบุนากะ ได้รับชัยชนะในการทำสงครามที่เมืองอินาบะยามะ อำนาจและบารมีของตระกูลโอดะก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น ผู้คนต่างพากันเกรงขามตระกูลโอดะ แม้แต่องค์ จักรพรรดิ์ โกะโยเซอิ ถึงกับส่งพระราชสารถึง โอดะ โนบุนากะ ในปี ค.ศ. 1567 เพื่อช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากอำนาจของตระกูลอาชิคางะ และช่วยคืนอำนาจการปกครองให้แก่พระองค์
หลังจากได้รับการร้องขอจากองค์จักรพรรดิ์ โอดะ โนบุนากะ ยอมเข้าช่วยเหลือโดยการยกกองกำลังโจมตี เมืองหลวง ขององค์จักรพรรดิ์ จับกุมตัวโชกุน อาชิคางะ โยชิอากิ และบีบบังคับให้เป็นหุ่นเชิดของตนเอง ซึ่งจากคุณงานความดีความชอบในครั้งนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิ์พระราชทานรางวัลให้แก่ โอดะ โนบุนากะ แต่งตั้งให้เขาเป็น ไนไดจิน หรือเอกอัครมหาเสนาบดี มีอำนาจเป็นอย่างมาก โอดะ โนบุนากะ เป็นไนไดจิน จนถึงปี ค.ศ. 1573 อาชิคางะ โยชิอากิ หุ่นเชิดของ โอดะ โนบุนากะ คิดกระด้างกระเดื่อง ทรยศต่อ โอดะ โนบุนากะ จึงถูกจับตัวมาลงโทษและขับไล่ออกจากเมืองหลวง เป็นอันสิ้นสุดอำนาจการปกครองภายใต้การปกครองของโชกุน อาชิคางะ โยชิอากิ ที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 200 ปี โอดะ โนบุนากะ นั้นรู้ซึ้งถึงฐานะที่แท้จริงของตน ว่าเป็นเพียงเจ้าปกครองเมืองโอวาริ เมืองเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญ จึงไม่บังอาจเทียบชั้นประกาศตนเองขึ้นเป็นโชกุนแทน อาชิคางะ โยชิอากิ แต่ในขณะนั้น อำนาจและบารมีของ โอดะ โนบุนากะ แผ่กระจายไปทั่วเทียบเท่ากับโชกุนผู้ปกครองเมือง
[แก้] สติปัญญาแหลมคมวิสัยทัศน์กว้างไกล
โอดะ โนบุนากะ เป็นขุนพลที่มีความคิดความอ่านไม่เหมือนผู้อื่น ความคิดของเขานั้นเป็นทหารโดยสายเลือด เขาเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง "กองกำลังทหารอาชิคารุ" ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นความสำคัญของกองกำลังทหารตรงจุดนี้ กองกำลังของ โอดะ โนบุนากะ จึงเป็นกองทัพที่มาจากชาวบ้านธรรมดา ไม่เหมือนกองกำลังอื่น ๆ ของไดเมียวที่มีแต่พวก ซามูไร จำนวนมาก กองกำลังของ โอดะ โนบุนากะ นั้น มาจากใจของชาวบ้านที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมือง แตกต่างจากซามูไรที่หายาก เพราะการหาซามูไรมาร่วมในกองกำลังนั้น จะต้องเสียค่าจ้างแพงและใช้ระยะเวลาในการฝึกยาวนานกว่าจะมาเป็นซามูไรที่คอยรับใช้ไดเมียว
กองกำลังอาชิคารุ แม้จะมาจากชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าพวกเขามาด้วยใจที่รักบ้านเมือง แตกต่างจากซามูไรที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง โอดะ โนบุนากะ มองเห็นตรงจุดนี้จึงจัดกองกำลังอาชิคารุขึ้น และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า กองกำลังอาชิคารุของเขานั้น ก็มีศักยภาพในการทำสงครามไม่แพ้พวกซามูไร กองกำลังนั้นจะต้องมีแม่ทัพที่ดีและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กองกำลัง นับว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงจิตใจอันเข้มแข็ง แน่วแน่ในการทำสงครามด้วยกองกำลังอาชิคารุขนาดใหญ่ แต่ปัญหาก็มักจะตามมาเสมอ ด้วยเหตุที่ว่าอาชิคารุนั้นมาจากชาวบ้านที่มีจิตใจฮึกเฮิม แต่เมื่อมาเจอกับสงครามของจริง มีการฆ่าฟันล้มตายกันต่อหน้า ความฮึกเฮิมเหล่านั้นก็มลายหายไป กลายเป็นความกลัวตายเข้าแทนที่ ทำให้อาชิคารุทั้งหลาย พากันทิ้งกองกำลังทหารหนีเอาตัวรอดเสมอ ช่างแตกต่างกับพวกซามูไร ขุนพลนักรบผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ที่ยอมพลีชีพในสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ถ้าถูกจับตัวได้จะไม่มีการซัดถอดโดยเด็ดขาด ยอมแม้แต่จะ ฮาราคีรี ตัวเองเพื่อไม่ต้องตายโดยน้ำมือผู้อื่น
กองกำลังอาชิคารุอาจจะพ่ายแพ้ สงคราม บ้างในครั้งคราวเพราะความกลัวตาย ทำให้ โอดะ โนบุนากะ ต้องวางแผนในการทำสงครามใหญ่ ในระหว่างนั้นมีชาว โปรตุเกส เข้ามาติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่น และเผยแผ่ ศาสนาคริสต์ สร้างความสนใจให้แก่ โอดะ โนบุนากะ เป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะสิ่งของของพวกโปรตุเกสที่นำติดตัวมาด้วย คือ ปืน และศาสนาคริสต์ โอดะ โนบุนากะ นั้นมีความสนอกสนใจปืนเป็นอย่างมาก เพียงเพื่อที่จะได้สัมผัสกับปืนของชาวโปรตุเกสทำให้เขาถึงกับยอมเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์
หลังจากได้ศึกษาปืนของชาวโปรตุเกสแล้ว โอดะ โนบุนากะ มองเห็นว่าอาวุธชนิดนี้สามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งให้แก่ตนได้ ในปี ค.ศ. 1544 โอดะ โนบุนากะ ก็สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นแกะและสร้างปืนตามแบบฉบับของชาวโปรตุเกส โดยก่อตั้งโรงงานผลิตอาวุธขึ้น ปืนอาจจะเป็นของแปลกใหม่ของ โอดะ โนบุนากะ เขาสั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นผลิตปืนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทำให้กองกำลังของเขามีอาวุธชนิดนี้อยู่เป็นจำนวนมาก โอดะ โนบุนากะ ใช้กองกำลังอาวุธปืนที่มีกำลังทหารมากกว่า 1,200 นายในการโจมตีศัตรู ต่อมาเมื่อไดเมียวทั้งหลาย เห็นศักยภาพอาวุธปืนของ โอดะ โนบุนากะ ต่างพากันหันมาเปลี่ยนอาวุธจากเดิมคือ ดาบ หรือ ธนู, ธนูเพลิง มาเป็นอาวุธปืนเช่นเดียวกับ โอดะ โนบุนากะ แทบทั้งสิ้น เพราะอาวุธปืนนั้นสามารถฝึกฝนการใช้งานได้อย่างง่าย ไม่เหมือนกับดาบหรือธนูที่ต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนอย่างยาวนาน
แม้นศัตรูอย่าง อาชิคางะ โยชิอากิ อดีตโชกุนผู้เป็นหุ่นเชิดของ โอดะ โนบุนากะ จะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ โอดะ โนบุนากะ กลับยังมีศัตรูจำนวนมากที่เป็นปรปักษ์กับเขา หนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของ โอดะ โนบุนากะ คือ พระ นักพรต และ นักรบ ขุนพลพระนักรบผู้หนึ่งคือ อิคโค อิกิ ซึ่งมีบทบทสำคัญในสงครามกลางเมือง พระผู้ผันเปลี่ยนตนเองมาเป็นนักรบเช่นนี้ มีอำนาจการปกครองเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระนักรบพวกนี้เป็นนักพรตในพระพุทธศาสนาที่มีความชำนิชำนาญในการใช้อาวุธ เฉกเช่นเดียวกับนักรบซามูไรของไดเมียว
พระนักรบและนักพรตจำนวนมาก ต่อต้านและท้าทายอำนาจของ โอดะ โนบุนากะ สาเหตุมาจากอาวุธปืนของชาวโปรตุเกส ที่ถึงกับทำให้ โอดะ โนบุนากะ ถึงกับยอมเปลี่ยนศาสนามาเป็นศาสนาคริสต์ ถึงแม้จะถูกท้าทายอำนาจจากพระนักรบ แต่คนอย่าง โอดะ โนบุนากะ ไม่ยอมให้ใครมาท้าทายอำนาจได้ เขาทำ สงคราม กวาดล้างพระนักรบหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการรบกันระหว่างพระนักรบและ โอดะ โนบุนากะ ครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การบุกเข้าทำลายล้าง สำนักสงฆ์ ของพระนักรบบนเทือกเขาฮิเออัน ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธสถานที่เก่าแก่ มีอายุหลายพันปี โอดะ โนบุนากะ ทำลายล้างสำนักสงฆ์เพราะมองว่าเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของพระนักรบ อิคโค อิกิ แต่การทำลายล้างสำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะสำนักสงฆ์แห่งนี้มีปราการด่านหลายชั้นในการป้องกันสำนักสงฆ์ และวางกำลังพระนักรบไว้ตามจุดสำคัญ อีกทั้งมีกำลังพระนักรบที่เข้มแข็งและชำนาญการต่อสู้นับหมื่นคน
ในการทำสงครามทำลายล้างสำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ ให้ราบคาบชนิดถอนรากถอนโคน โอดะ โนบุนากะ สั่งการให้กองกำลังทหารจำนวนมากกว่า 30,000 นาย เข้าโอบล้อมเทือกเขาฮิเออันก่อนจะตีโอบตะลุยขึ้นไปยังวัดซากาโมโตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ และเป็นจุดศูนย์กลางของพระนักรบ ถึงแม้ว่าพระนักรบและผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในสำนักสงฆ์ อิคโค อิกิ จะเตรียมการตั้งรับกองกำลังทหารของ โอดะ โนบุนากะ แต่ด้วยกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่า โอดะ โนบุนากะ สามารถตีฝ่าปราการด่านอันแข็งแกร่งของพระนักรบได้สำเร็จ และการทำลายล้างพระนักรบในครั้งนี้เองที่ โอดะ โนบุนากะ ได้แสดงความโหดร้ายออกมาอย่างชัดเจน เขาออกคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาฮิเออันให้หมดทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็กทารก สั่งให้กองกำลังทหารของเขา เผาทำลายบ้านเรือนทุกหลังให้วอดวายกลายเป็นเถ้าถ่าน...ชั่วระยะเวลาไม่นาน สำนักสงฆ์ของ อิคโค อิกิ พระนักรบที่เคยต่อต้านและท้าทายอำนาจของ โอดะ โนบุนากะ ก็เหลือเพียงแต่ชื่อ ไม่เหลือสิ่งก่อสร้างและสิ่งมีชีวิตใด ๆ หลงเหลืออยู่อีก และหลังจากที่เอาชนะพระนักรบได้แล้ว โอดะ โนบุนากะ ยังออกคำสั่งให้กองกำลังทหารของเขาบุกโจมตีพระพุทธสถานแห่งอื่น ๆ ที่มีทีท่าว่าจะก่อการกบฎต่อเขา การกวาดทำลายล้างพระพุทธศาสนาครั้งใหญ่นี่เอง ทำให้อำนาจของพระนักรบ ที่เคยมีอิทธิพลต่ออำนาจของ โอดะ โนบุนากะ สูญสิ้นไปหมด อีกทั้งบาทหลวงจากประเทศโปรตุเกส ยังให้การสนับสนุน โอดะ โนบุนากะ ที่ยอมเปลี่ยนศาสนามาเป็นศาสนาคริสต์ และเป็นการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ให้แก่ชาวบ้านชาวเมืองอีกด้วย เพื่อเป็นการยื่นหมูยื่นแมวระหว่างอาวุธปืนของชาวโปรตุเกสกับศาสนาคริสต์
จากการทำสงครามกับสำนักสงฆ์ อิคโค อิกิ จนราบคาบ โอดะ โนบุนากะได้แสงความเหี้ยมโหดออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่ว แต่ถึงแม้ว่าจะโหดร้ายเพียงใด แต่โอดะ โนบุนากะก็ยังเป็นขุนพลนักรบที่มีวัสัยทัศน์กว้างไกลเช่นเดิม เขาไม่ทำลายเมืองซาไก ซึ่งเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นอกจากไม่ทำลายแล้วยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือแก่บรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ประกอบการค้าขายรายใหญ่ ๆ ของเมืองซาไก เขาวางรากฐานของการค้าและเศรษฐกิจอย่างดี โดยให้สิทธิพิเศษแก่พ่อค้าแม่ค้าในด้านภาษีอากร ควบคุมการชั่ว ตวง และวัดสิ่งของให้ได้ตามระบบมาตรฐานของประเทศ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นในขณะนั้นไม่ได้มีแต่ด้านมืดด้านเดียวอย่างที่ควรจะเป็น
[แก้] ปีศาจกับจิตใจอันเป็นศิลป์
ด้วยบุคลิกภายนอกเป็นขุนพลนักรบซามูไรที่เข้มแข็ง ดุดันและโหดร้าย เป็นที่น่าเกรงขามอย่างยิ่งในบรรดาซามูไรด้วยกัน อีกทั้งท่วงท่าการรบที่คล่องแคล่วและสง่างาม ส่งผลให้ชื่อของ โอดะ โนบุนากะ ลือกระฉ่อนไปทั่วปฐพี บรรดาไดเมียวทั้งหลายต่างพากันก้มหัวสวามิภักดิ์ต่อ โอดะ โนบุนากะ...แต่ถึงแม้จะเป็นนักรบซามูไรที่แข็งแกร่ง มีพละกำลังในการต่อสู้เป็นเลิศ แต่ภายใต้จิตใจของ โอดะ โนบุนากะ ยังคงแฝงไว้ด้วยความเป็นศิลปะที่ละเอียดอ่อน หลังจากทำสงครามหลายต่อหลายครั้งจนสามารถรวบรวมญี่ปุ่นมาอยู่ภายใต้การปกครองแล้ว แม้นว่าอำนาจเด็ดขาดจะอยู่ในมือ ก็ยังไม่ทิ้งความสวยงามของศิลปะแบบญี่ปุ่น เขาสั่งการให้กองกำลังทหารของเขา ทำการก่อสร้างปราสาท อชิซึ ขึ้นที่บริเวณริมทะเลสาป บิวะ ซึ่งมีความสวยงามด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ ปลูกสร้างตามหลักของสิ่งก่อสร้างในสมัยโบราณ ปราสาทอชิซึ มีปราการด่านป้องกันการโจมตีของข้าศึกหลายด่าน มีกำแพงหินที่แข็งแรงและคงทนต่อการรุกรานของศัตรู ตามช่องปืนมีป้อมปราการสำหรับปืนใหญ่ในการตั้งรับศึกสงคราม อีกทั้งยังได้ก่อสร้างพระราชวังแห่งใหม่ขึ้นในเมืองเกียวโตอีด้วย
โอดะ โนบุนากะ อาจจะดูโหดร้าย สร้างศัตรูไว้มากมาย แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชน จวบจนวาระสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนสนิทของเขาเอง อะเดจิ มัตสึฮิเดะ
[แก้] ลมหายใจสุดท้าย การไว้ใจของคนสนิท
โอดะ โนบุนากะ ครองอำนาจในสมัยเอโดะยาวนานกว่า 48 ปี ก็ถึงคราวสูญสิ้นอำนาจ วาระสุดท้ายในชีวิตของเขาก็มาถึงเร็วเกินคาด ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนกว่า ขุนพลนักรบผู้ทรงอำนาจและบารมีเกรียงไกรอย่าง โอดะ โนบุนากะ จะมาจบชีวิตด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในคืนหนึ่งภายใต้การปกครองของ โอดะ โนบุนากะ เขาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตามปกติ แต่ในระหว่างที่งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ความคึกคะนองจากการดื่มสุรา ทำให้อารมณ์ของ โอดะ โนบุนากะ ครึกครื้นเป็นพิเศษ หนึ่งในแขกของงานเลี้ยงยามค่ำคืนนี้ก็คือ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ นายทหารแม่ทัพคนสนิทของ โอดะ โนบุนากะ
อะเคจิ มิตสึฮิเดะ นั่งดื่มสุราอยู่ไม่ไกลจาก โอดะ โนบุนากะ มากนัก ในขณะที่ โอดะ โนบุนากะ ร่ำสุราเข้าไปอย่างเต็มที่ ได้หันไปใช้แขนอันทรงพลังล็อคศรีษะของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ไว้อยู่ภายใต้วงแขนอันแข็งแรง ทำให้ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ดิ้นขลุกขลักขยับตัวไม่ได้ จากนั้น โอดะ โนบุนากะ ได้ใช้ด้ามพัดไม้ของตนเอง ตีเข้าที่ศีรษะของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ เป็นการสัพยอกนายทหารคนสนิทอย่างไม่ถือสา เป็นการกระทำของนายต่อบ่าวผู้รับใช้ แต่การกระทำของ โอดะ โนบุนากะ เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล มีนายทหารมากมายอยู่ในงานเลี้ยงยามค่ำคืนนั้น และตำแหน่งของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ เป็นถึงแม่ทัพคนสำคัญ สร้างความอับอายและโกรธแค้นต่อ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ เป็นอย่างมาก
ในปี ค.ศ. 1582 ภายใต้การปกครองของ โอดะ โนบุนากะ ที่ยาวนานมาเกือบ 48 ปี เกิดสงครามที่คิวชู โอดะ โนบุนากะ จึงส่งกองกำลังทหารของตนจาก เกียวโต ไปทำ สงคราม กองกำลังทหารจากเกียวโตไปทำศึกสงครามที่คิวชูนับหมื่นคน ทำให้กองกำลังที่เหลืออยู่ในเกียวโตมีไม่ถึงพันคน ทุกคนในปราสาทอชิซึ ต่างใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุร้ายแก่ตนเอง อะเคจิ มิตสิฮิเดะ เป็นหนึ่งในแม่ทัพที่คุมกำลังไปทำศึกที่คิวชู แต่ระหว่างทาง อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ได้ตลบหลัง โอดะ โนบุนากะ นำกำลังทหารของตนเองย้อนกลับมายังปราสาทอชิซึ เพื่อล้างแค้นความอับอายขายหน้าที่ โอดะ โนบุนากะ ได้สร้างไว้แก่ตน
อะเคจิ มิตสึฮิเดะ คุมกองกำลังทหารจำนวนมาก เข้าตีโอบล้อม โอดะ โนบุนากะ ที่เดินทางออกจากปราสาทอชิซึ ไปพักอยู่ที่วัดฮอนโน จากการถูกตลบย้อนหลังด้วยนายทหารคนสนิท ทำให้ โอดะ โนบุนากะ โกรธแค้นเป็นอย่างมาก อะเคจิ มิตสึฮิเดะ บุกตะลุยเข้าไปหมายเอาชีวิตของ โอดะ โนบุนากะ เพื่อเป็นการล้างแค้น แต่คนอย่าง โอดะ โนบุนากะ ต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตของตนอย่างขุนพลนักรบซามูไร ผู้หยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี ไม่ยอมก้มหัวให้กับคนทรยศอย่าง อะเคจิ มิตสึฮิเดะ เขาต้องธนูของกองกำลังทหารจนบาดเจ็บสาหัส และเนื่องจาก อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ฉวยโอกาสที่กองกำลังทหารของ โอดะ โนบุนากะ ไปทำศึกที่คิวชู เหลือกำลังทหารอยู่ไม่มาก ทำให้กองกำลังทหารของ โอดะ โนบุนากะ แตกร่นถอยหนีไม่เป็นกระบวน โอดะ โนบุนากะ ที่ต้องธนูเต็มตัว หนีกระเซอะกระเซิงเข้าไปภายในห้องของวัดฮอนโน
จากการโจมตีเพื่อล้างแค้นของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ทำให้ โอดะ โนบุนากะ ต้องหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดภายในวัดฮอนโน อะเคจิ มิตสึฮิเดะ สั่งกองกำลังทหารพลธนูเพลิง ระดมยิงธนูเพลิงเข้าไปภายในวัดฮอนโน เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็โหมกระหน่ำไหม้วัดฮอนโน เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ โอดะ โนบุนากะ สั่งให้กองกำลังทหารของตน เผาทำลายสำนักสงฆ์ อิคโค อิกิ...โอดะ โนบุนากะ ที่ต้องธนูหนีตายอยู่ภายในวัดฮอนโน เจ็บแค้นการกระทำของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ เป็นอย่างมาก ผลจากการไว้เนื้อเชื่อใจนายทหารคนสนิท ไม่คิดว่าจะย้อนกลับมาตลบหลังเพื่อล้างแค้นเขา เพียงเพราะการกระทำด้วยความคึกคะนองจากการดื่มสุราจากงานเลี้ยงยามค่ำคืนในคืนนั้น ด้วยศักดิ์ศรีของชายชาตินักรบ ขุนพลซามูไร โอดะ โนบุนากะ ยอมพลีชีพของตนเองด้วยการทำ ฮาราคีรี หรือการคว้านท้องตนเองเพื่อไม่ให้ชีวิตของตนต้องถูกผู้อื่นประหาร เป็นการปิดฉากนักรบผู้เป็นตำนานของญี่ปุ่นอย่างสมศักดิ์ศรี
หลังจากเปลวเพลิงโหมกระหน่ำมอดไหม้วัดฮอนโนให้กลายเป็นเถ้าถ่าน และเป็นการจบชีวิตของนักรบขุนพลผู้เป็นตำนาน โอดะ โนบุนากะ ด้วยวัยเพียง 48 ปี อะเคจิ มิตสึฮิเดะ จ้องมองซากปรักหักพักของวัดฮอนโนด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ก่อนจะนำกองกำลังทหารย้อนกลับไปยังปราสาทนิโจซึ่ง โอดะ โนบุทาดะ ผู้เป็นบุตรชายของ โอดะ โนบุนากะ และบุกทำลายล้างปราสาทนิโจก่อนจะสังหาร โอดะ โนบุทาดะ เสียชีวิต สิ้นสุดการปกครองอำนาจของตระกูล โอดะ ที่ยังไม่สามารถปฏิบัติภารกิจสำคัญในการรวบรวมประเทศญี่ปุ่น หลังจากล้มล้างทำลายตระกูโอดะ สำเร็จแล้ว อะเคจิ มิตสึฮิเดะ มีชีวิตอยู่ชื่นชมความสามารถของตนเองได้ไม่นาน ก็ถูกลอบสังหารเช่นเดียวกันจากกองกำลังทหารและนักรบซามูไรของตระกูลโอดะ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ นายทหารคนสนิทของ โอดะ โนบุนากะ อีกคนที่นำกองกำลัง ทหาร มาล้างแค้นให้แก่นายของเขา โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ สังหาร อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ด้วยการบั่นคอแล้วนำศีรษะไปประจานความชั่วร้ายของ อะเคจิ มิตสึฮิเดะ ในการทำ สงคราม ที่เมืองยามาซากิ ก่อนจะเป็นผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นต่อจากนายของเขา โอดะ โนบุนากะ
[แก้] โอดะ โนบุนากะ ในสมัยนิยม
โอดะ โนบุนากะ ใน วัฒนธรรมสมัยนิยม จะมีการถูกอ้างอิงในการ์ตูนหลายเรื่อง ทั้งในลักษณะเฉพาะของตัว โอดะ โนบุนากะ เองหรือแม้แต่เป็นแบบตัวละครที่อ้างมาจากลักษณะของ โอดะ โนบุนากะ อีกทีหนึ่ง ตัวอย่างเช่นใน ซามูไรทรูปเปอร์ ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน หรือแม้แต่ในวีดีโอเกม ซามูไรวอร์ริเออร์