วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
ชื่อ | วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (วพม. PCM.) |
ชื่อ (อังกฤษ) | Phramongkutklao College of Medicine |
ก่อตั้ง | 3 ตุลาคม พ.ศ. 2516 |
ประเภทสถาบัน | วิทยาลัยแพทย์ทหาร |
ผู้อำนวยการ | พลตรีสหชาติ พิพิธกุล |
เพลงประจำสถาบัน | แพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า |
ต้นไม้ประจำสถาบัน | ต้นอินทนิล |
สีประจำสถาบัน | สีขาบ |
ที่ตั้ง/วิทยาเขต | ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพ |
เว็บไซต์ | www.pcm.ac.th |
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เป็นวิทยาลัยแพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทยตั้งอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยทางวิทยาลัยร่วมมือกับทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพื้นที่เดียวกัน ในปัจจุบันเป็นวิทยาลัยภาคสมทบของมหาวิทยาลัยมหิดล
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
การอนุรักษ์กำลังรบถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญของแพทย์ทหาร เพื่อให้กำลังพลและครอบครัว มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญนี้ จึงอนุมัติจัดตั้งโรงเรียนผลิตแพทย์ทหารแห่งแรกชื่อ "โรงเรียนนายทหารเสนารักษ์" ในปี พ.ศ. 2482 ที่ตั้งอยู่ที่ รพ.อานันทมหิดล จ.ลพบุรี หลักสูตรแพทย์ประกาศนียบัตร ระยะเวลาศึกษา 4 ปี 6 เดือน ผลิตแพทย์รับใช้กองทัพจนถึงปี 2490 รวมทั้งหมด 4 รุ่น แล้วหยุดไป เนื่องจากขาดแคลนอาจารย์แพทย์และอุปกรณ์การสอน แต่เนื่องจากกระทรวงกลาโหม ตระหนักถึงความสำคัญ ของสุขภาพของกำลังพลในกองทัพ จึงได้หาแนวทางปฏิบัติต่างๆ เช่น การรับแพทย์ปริญญาที่จบจากมหาวิทยาลัยเข้ารับราชการในกองทัพ การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนเตรียมทหารที่เรียนดี เพื่อเลือกศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ในห้วงปีการศึกษา 2511 ถึงปีการศึกษา 2516 จึงยุติไป เนื่องจากกระแสต่อต้านที่รุนแรงจากหลายฝ่าย แนวคิดในการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ทหาร จึงเริ่มจากมีความขาดแคลนแพทย์อย่างมากในกองทัพ กรมแพทย์ทหารบกจึงได้เสนอเรื่องขอจัดตั้ง โรงเรียนแพทย์ทหารขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 และได้รับอนุมัติหลักการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 แต่การสอนขั้นเตรียมแพทย์ไม่สามารถขอรับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ จึงชะลอการจัดตั้งไว้ก่อน
อันเนื่องจากกระแสพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่นิสิตแพทย์ ณ หอประชุมราชแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2516 จึงได้เริ่มโครงการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ทหารขึ้นมาใหม่ สภาการศึกษาวิชาทหารได้ให้ความเห็นชอบ ในการจัดตั้งวิทยาลัยแพทย์ทหารเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ต่อมากรมแพทย์ทหารบกขออนุมัติเปลี่ยนชื่อเป็น "วิทยาลัยแพทยศาสตร์ พระมงกุฎเกล้า" โดยได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มาเป็นชื่อของวิทยาลัย เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. 2517 ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 กองบัญชาการทหารสูงสุดและผู้แทนสามเหล่าทัพ ได้อนุมัติให้ วพม. เป็นหน่วยในความรับผิดชอบของกองทัพบก โดยให้กรมแพทย์ทหารบกรับผิดชอบโครงการรับนักเรียนแพทย์ทหารปีละ 32 นาย ในโครงการจัดตั้ง 10 รุ่น (รุ่นที่ 1 จบปีการศึกษา 2524 ถึงรุ่นที่ 10 จบปีการศึกษา 2534
การจัดการเรียนการสอนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การเรียนการสอนชั้นเตรียมแพทย์ ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามข้อตกลงกับกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518) การเรียนการสอนระดับ ปรีคลินิก ดำเนินการ ณ สถานที่ตั้งปัจจุบัน บริเวณวังอัศวินเดิม บนเนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 90 ตารางวา (เดิมการเรียนการสอนใช้สถานที่สถาบันพยาธิวิทยา กรมแพทย์ทหารบก) และการสอนระดับ คลินิก ใช้สถานที่ของ รพ.รร.6 เข้าสมทบกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อประสาทปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ด้วยความพร้อมดังกล่าว วิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อกระทรวงกลาโหมมี คำสั่ง (เฉพาะ) ที่ 75/18 เรื่องการแก้อัตรากองทัพบก 2506 (ครั้งที่ 123) ลงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ให้ วพม. เป็นหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารบก และเปิดดำเนินการได้ ดังนั้นจึงถือเอาวันนี้เป็นวันสถาปนา วพม. โดยให้หน่วยงานต่างๆ ของ วพม. ซึ่งดำเนินการอยู่ที่ตึก ตรวจโรคย้ายเข้าตึกอำนวยการ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 วพม.ได้เปิดดำเนินการเรียนการสอนตามหลักสูตรของทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งศึกษา 7 ปี (เตรียมแพทย์ 2 ปี ปรีคลินิก 2 ปี คลินิก 2 ปี และแพทย์ฝึกหัด 1 ปี) ตั้งแต่เริ่มเปิด วพม. เมื่อปี 2518 ถึงปี 2523 และเมื่อทบวงมหาวิทยาลัย เปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาแพทย์ศาสตร์เป็น 6 ปี (เตรียมแพทย์ 1 ปี ปรีคลินิก 2 ปี คลินิก 3 ปี) ตั้งแต่ปี 2524 จึงใช้หลักสูตรนี้มาจนถึงปัจจุบัน การเรียนเตรียมแพทย์ได้เรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาตลอด ยกเว้นในปีการศึกษา 2528 และ ปีการศึกษา 2529 เท่านั้น ที่เรียนชั้นเตรียมแพทย์ที่ โรงเรียนเตรียมทหาร วพม.ได้ก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอนุมัติหลักการจากผู้บัญชาการทหารบก ให้เพิ่มนักเรียนแพทย์เป็น 65 นาย เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2530
ต่อมาประกอบกับรัฐบาลมี โครงการผลิตแพทย์เพิ่มให้พอกับความต้องการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ วพม. จึงเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการนี้ด้วย ปัจจุบัน วพม. (2546) ได้ผลิตบัณฑิตแพทย์มาแล้ว 23 รุ่น ซึ่งได้จัดสรรให้เหล่าทัพต่างๆ กระจายไปตามหน่วยทหารต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อช่วยเหลือกำลังพล ครอบครัว และประชาชนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งเป็นการบรรเทา การขาดแคลนแพทย์ในกองทัพและในชนบทของประเทศได้เป็นอย่างดี
[แก้] สัญลักษณ์ประจำ
- พระมหาพิชัยมงกุฎพร้อมรัศมี พร้อมเลข ๖ (หมายถึง รัชกาลที่ ๖)ผู้ทรงสร้างวังพญาไท สัญลักษณ์ รร ซึ่งเป็นพระนามาภิไธยย่อ 'รามราชาธิบดี และ พญานาค ซึ่งหมายถึงวิชาแพทย์
- ดอกอินทนิล เป็นดอกไม้ประจำวิทยาลัย
- สีขาบ หรือ น้ำเงินเข้ม เป็นสีประจำวิทยาลัย
- วันสถาปนา วพม. 16 มิถุนายน ของทุกปี
[แก้] ภารกิจ
มีหน้าที่ให้การศึกษา อบรม และฝึกนักเรียนแพทย์ทหารดำเนินการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการศึกษาทางการแพทย์ รวมทั้งให้การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน และให้บริการทางการแพทย์ร่วมกับโรงพยาบาทพระมงกุฎเกล้า
[แก้] ปณิธาน
ให้ความรู้ความชำนาญสร้างสรรค์กิจ จริยธรรมนำอุทิศมุ่งผลิตผล เป็นแพทย์ดีทหารกล้าพัฒนาตน พร้อมเพื่อชาติประชาชนปฐพี
[แก้] สิทธิที่จะได้รับขณะกำลังศึกษาและเมื่อจบการศึกษา
มีสภาพเป็นนักเรียนทหารกองทัพบก มีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า นักเรียนแพทย์ทหารชายจะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการตามพระราชบัญญัติรับราชการ ทหาร ตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 ได้รับการจัดสถานที่พัก เครื่องนอน เครื่องแต่งกาย เบี้ยเลี้ยง อุปกรณ์การเรียน การรักษาพยาบาลฟรี และสิทธิอื่นๆ ตามที่ทางราชการกำหนด เข้าศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียน และค่าหน่วยกิตใดๆทั้งสิ้นตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 จนจบการศึกษา มีทุนการศึกษาให้กับผู้ที่มีผลการเรียนดี และผู้ที่มีปัญหาทางด้านการเงิน ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนหนึ่งได้รับยศเป็นนายทหารสัญญาบัตร( ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี ) และบรรจุเข้ารับราชการ เป็นแพทย์ทหารในกองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศ อีกส่วนหนึ่งได้รับยศว่าที่ร้อยตรี และบรรจุเข้ารับราชการเป็นแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่นเดียวกับแพทย์ที่จบจากสถาบันอื่น ผู้ที่มีผลการเรียนดีตลอดหลักสูตร มีทุนกองทัพบกสนับสนุนให้ไปศึกษาต่อเพิ่มเติม ณ ต่างประเทศ
[แก้] ดูเพิ่มเติม
คณะแพทยศาสตร์ ใน ประเทศไทย | ||
---|---|---|
|
![]() |
หน่วยงานใน มหาวิทยาลัยมหิดล |
หน่วยงาน | |
---|---|
คณะ |
กายภาพบำบัด · ทันตแพทยศาสตร์ · เทคนิคการแพทย์ · พยาบาลศาสตร์ · แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี · แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล · เภสัชศาสตร์ · วิทยาศาสตร์ · ศิลปศาสตร์ · วิศวกรรมศาสตร์ · เวชศาสตร์เขตร้อน · สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ · สัตวแพทยศาสตร์ · สาธารณสุขศาสตร์ · สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ · บัณฑิตวิทยาลัย |
วิทยาลัย |
วิทยาลัยการจัดการ · วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา · วิทยาลัยนานาชาติ · วิทยาลัยศาสนศึกษา · วิทยาลัยราชสุดา · วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ |
สถาบันสมทบ |
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า · วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ · วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล · วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก · วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ · วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ · วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี (วิทยาเขตกรุงเทพ จักรีรัช ชัยนาท พระพุทธบาท ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ศรีธัญญา จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี) |
![]() |
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เป็นบทความเกี่ยวกับ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือ สถานศึกษา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |