พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

รูปสลักนูนพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ในปราสาทนครวัด
ขยาย
รูปสลักนูนพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ในปราสาทนครวัด

พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 (หรือ สุริยวรรมันที่ 2 ) กษัตริย์เขมร ครองราชย์ ในช่วง พ.ศ. 1656 - พ.ศ. 1693 เป็นพระโอรสของพระเจ้ากษิตินทราทิตย์ และพระนางนเรนทราลักษมี ทรงมีชื่อเสียงในฐานะผู้สร้างศาสนสถานและปฏิรูปศาสนา ในรัชสมัยของพระองค์ยังได้ทรงสร้างปราสาทนครวัด อันเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

[แก้] ขึ้นครองราชย์

พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงเอาชนะผู้อ้างสิทธิในพระราชบัลลังก์ นั่นคือ พระเจ้าหรรษวรมันที่ 3 และพระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 และเสด็จขึ้นครองราชย์ ผนวกดินแดนต่างๆ หลังจากแตกแยกกันไปกว่า 50 ปี ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 1656 โดยมีพระมหาราชครูผู้ทรงอำนาจ คือ ทิวกรปัณฑิต เป็นพราหมณ์ผู้ทำพิธี พระเจ้าสูรยวรมันทรงเป็นกษัตริย์ผู้ปฏิรูปศาสนา โดยผสมผสานลัทธิบูชาพระวิษณุและพระศิวะเข้าด้วยกัน และบังเกิดเป็นไวษณพนิกายขึ้น แทนที่จะเป็นพุทธศาสนามหายาน ซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนหน้านี้ไม่นานนัก

[แก้] นครวัด

ปราสาทนครวัดนั้น ก็สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระวิษณุ โดยเริ่มสร้างขึ้นในช่วงต้นของรัชสมัยของพระองค์ และก่อสร้างต่อไปกระทั่งเสด็จสวรรคต แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ ปราสาทนครวัดนั้นมีกำแพงและบารายล้อมรอบ ตัวอาคารเองยังประดับประดาด้วยพระรูปของพระเจ้าสูรยวรมัน ในภาคของพระวิษณุ เป็นภาพพระองค์กำลังทอดพระเนตรกองทัพ ออกว่าราชการ และกระทำพิธีต่างๆ พระเจ้าสูรยวรมันยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างปราสาทหินอื่นๆ อีกหลายแห่ง ในลักษณะคล้ายนครวัด ในรัชสมัยของพระองค์ ยังได้ทรงสร้างปราสาทวัดภู (ปัจจุบันอยู่ในแขวงจำปาศักดิ์ ของ ส.ป.ป. ลาว) ต่อจากรัชสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 (แต่ก็ไม่สำเร็จสมบูรณ์)

[แก้] ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

ในปี พ.ศ. 1659 พระเจ้าสูรยวรมันได้ทรงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ซึ่งความสัมพันธ์ร้าวฉานลงในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 โดยได้ส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังราชสำนักจีน

นับแต่ พ.ศ. 1666 ถึง พ.ศ. 1679 พระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ได้ทรงยกทัพไปโจมตีไดเวียต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาณาจักรเวียดนามในเวลานั้นได้ประกาศเอกราชจากจีน เมื่อ พ.ศ. 1482 และในปี พ.ศ. 1671 พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ได้ส่งกองกำลังราว 20,000 คนไปรบไดเวียด ที่เมืองเญอัน แต่ก็ถูกต่อต้านพ่ายแพ้กลับมา ไม่กี่เดือนต่อมา กองทัพเรือกว่า 700 ลำก็เริ่มเดินทางไปตลอดชายฝั่งเลียบอ่าวตังเกี๋ย พระเจ้าสูรยวรมันทรงบังคับให้อาณาจักรจามปาสนับสนุน ครั้นเมื่อ พ.ศ. 1675 ทรงรวบกำลังของกัมพูชาและจามปาเข้าด้วยกัน เพื่อบุกเมืองเญอัน แต่ก็พ่ายแพ้ ครั้นใน พ.ศ. 1679 กษัตริย์จามปา ทรงพระนามว่า ชัยอินทรวรมันที่ 3 ได้ผูกความสัมพันธ์กับอาณาจักรไดเวียต และไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าสุริยวรมันอีกต่อไป

เมื่อปี พ.ศ. 1687 พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ได้โจมตีและครอบครองอาณาจักรจามปาสำเร็จ เพราะเห็นว่าจามปาทรยศหักหลัง ในปีต่อมาจึงได้ผนวกจามปาเข้ากับอาณาจักรกัมพูชา และให้พระเจ้าหริเทว ซึ่งเป็นพระชามาดา (ลูกเขย) ขึ้นครองบัลลังก์จาม ที่เมืองวิชัย ครั้นเมื่อ พ.ศ. 1690 จามปาได้สถาปนากษัตริย์ของตนขึ้น คือ พระเจ้าชัยหริวรมันที่ 1 เมื่อพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ทรงทราบข่าว ก็ส่งกองทัพจามและกัมพูชาจากเมืองวิชัยไปปราบ พระเจ้าชัยหริวรมันที่ 1 ออกมาตั้งรับ ครั้นได้รับชัยชนะ ก็ส่งกองทัพเคลื่อนขึ้นทางเหนือไปยึดเมืองวิชัย และสังหารทหารทั้งหมดของจามและกัมพูชา ที่เมืองมหิส หริเทวและทหารทั้งหมดถูกสังหารเช่นกัน

พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 1693 ขณะกำลังยกทัพไปโจมตีจามปา ในภายหลัง ได้รับการสถาปนาพระนามาภิไธยเป็น พระเจ้าปรมวิษณุโลก และยังได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของเขมร ในฐานะที่ได้สถาปนาและปฏิรูปศาสนาขึ้น สำหรับสงครามกับต่างประเทศนั้น ไม่ประสบความสำเร็จเลยในรัชสมัยของพระองค์ กษัตริย์ผู้ครองราชเป็นองค์ต่อไปคือ พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 (ธรณินทรวรรมันที่ 2)

ภาษาอื่น