เยรูซาเลม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการตรวจสอบและยังไม่สมบูรณ์
บทความนี้ ต้องการการตรวจสอบหรือแก้ไขบางส่วน ซึ่งไม่แน่ใจหรือไม่ทราบในสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้
กรุงเยรูซาเล็ม
ขยาย
กรุงเยรูซาเล็ม

เยรูซาเล็ม (ฮีบรู: יְרוּשָׁלַיִם (Yerushalayim), อาหรับ: القُدس (อัลกุดสุ หรือ อัลบัยตุ อัลมักดิส), Al-Quds, กรีก: Ιεροσόλυμα) เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1949 ได้รับการประกาศให้เป็น เมืองหลวงของประเทศอิสราเอล

จาก ค.ศ. 1948-1967 เยรูซาเล็มแบ่งเป็นเยรูซาเล็มตะวันตก ปกครองโดยอิสราเอล และเยรูซาเล็มตะวันออก ปกครองโดยจอร์แดน และเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอลในส่วนที่เป็นเยรูซาเล็มตะวันตก ระหว่างสงคราม 6 วัน ใน ค.ศ. 1967 เยรูซาเล็มตะวันออกจึงตกอยู่ ภายใต้การปกครองของอิสราเอล และตามกฎหมายซึ่งออกใน ค.ศ. 1980 เยรูซาเล็มจึงเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

สารบัญ

[แก้] ข้อมูล

เมืองหลวง ของ ประเทศอิสราเอล
ชื่อ ภาษาอังกฤษ Jerusalem
ชื่อ ภาษาฮีบรู Yerushalayim]
ชื่อ ภาษาอาหรับ อัลกุดสุ
พื้นที่ 109 ตารางกิโลเมตร
ประชากร 556,000

[แก้] ศาสนา

กรุงเยรูซาเล็ม เป็นศูนย์รวมด้านจิตวิญญาณของผู้เชื่อศรัทธา ในพระเป็นเจ้าองค์เดียวกันถึง 3 ศาสนา ได้แก่ คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม และศาสนายิว จึงเป็นสถานที่แสวงบุญของ ศาสนิกชนทั้ง 3 ศาสนา

[แก้] ประชากร

กรุงเยรูซาเล็ม มีประชากรและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เมืองโบราณแห่งนี้ชุมชนนับถือศาสนายิว คริสต์ศาสนา ลัทธิอาร์เมเนียน และชาวมุสลิม ชนชาวยิวต้องทนทุกข์ทรมานระหว่าง ค.ศ.1974-48 และได้รับการบูรณะใหม่ แบบทางสถาปัตยกรรมของอาคาร ให้บรรยากาศความเป็นชนชาติตะวันออก

ชาวอาหรับแต่งกายแบบดั้งเดิมและทันสมัย คริสตชนได้รับอิทธิพลการแต่งกายทั้งจากตะวันตกและตะวันออก โรงสวด (Synagogue) วัด สุเหร่าและที่พักอาศัย มีรูปแบบต่างๆ กันซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบโมเสก (Mosaic) กลิ่นเครื่องเทศ สัญลักษณ์ของการปรุงอาหารแบบตะวันออก เสียงระฆังโบสถ์ที่กังวานและยาวนาน สัญญาณเรียกให้มาสวดมนต์ในสุเหร่ามุสลิม และท่วงทำนองเสียงสวดมนต์ของชาวยิวที่กำแพงตะวันตก หรือกำแพงร้องไห้ (Western Wal, Wailing Wall) เพิ่มเสน่ห์และชีวิตชีวาแก่เมืองนี้ บรรยากาศเหล่านี้สัมผัสได้เฉพาะในส่วนที่เป็นเมืองเก่า นอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็มเต็มไปด้วยบรรยากาศความทันสมัยทั้งถนน เส้นทางคมนาคม ตึกสูง ห้างสรรพสินค้า ย่านธุรกิจ โรงเรียน ร้านอาหารและร้านกาแฟ

[แก้] ภาษา

ภาษาที่ผู้คนตามท้องถนนใช้มีทั้งภาษาฮีบรู ภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมที่หลายหลากและการเมืองที่ซับซ้อน

[แก้] ด้านภูมิศาสตร์

เยรูซาเล็มมีอาณาเขตติดกับทะเลเดดซี (Dead Sea) ทางด้านตะวันออก และข้างฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเป็นเทือกเขาโมอาบ (Moab) ที่แห้งแล้ง ทางตะวันตกติดกับที่ราบชายฝั่งและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) ห่างจากชายฝั่ง 58 กิโลเมตร ถนนหลวงเป็นเส้นทางสู่เมืองเยริโค (Jericho) ห่างประมาณ 57.6 กิโลเมตร ไปทางตะวันออกทางเหนือมุ่ง สู่จอร์แดน และทะเลสาบกาลิลี ถนนอาลอน (Allon) หรือ ยิกัล (Yigal) ตัดผ่านทะเลทรายยูเดีย นำสู่เมืองสะมาเรีย

[แก้] ประวัติศาสตร์

เยรูซาเล็มเก่าและเยรูซาเล็มใหม่รวมเป็นเมืองเดียวกันหลังสงคราม 6 วัน ใน ค.ศ. 1967 สถิติปี ค.ศ. 1993 มีประชากร 556,000 คน ในจำนวนนี้ 401,000 คน เป็นชาวยิว อาศัยในเยรูซาเล็มใหม่ และอีก 139,000 คน อาศัยทางตะวันออกและเยรูซาเล็มเก่า จำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีเพียง 16,000 คน นับถือศาสนาคริสต์

กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรรไว้ให้เป็นป้อมแห่ง ความเชื่อถึงพระเป็นเจ้าแต่เพียงองค์เดียว จากเนินเขาที่โล่งแจ้งนี้ บรรดาประกาศกและพระคริสตเจ้าเองทรงประกาศคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้า และบท บัญญัติแห่งความรัก จากดินแดนนี้ไฟแห่งความเชื่อได้แพร่ไป พร้อมกับมุ่งขจัดความมืดมนแห่งการหลงผิด และการนับถือพระเท็จเทียมต่างๆ ให้หมด สิ้นไป "บทบัญญัติของพระเป็นเจ้าจะแพร่ไปจากศิโยน และพระวาจาของพระองค์จากกรุงเยรูซาเล็ม"

เมืองนี้เป็นเมืองหลวงทางศาสนาของประชากรราวครึ่งหนึ่งของมนุษยชาติ สำหรับชาวยิวเป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคลดั้งเดิม และแห่งความหวังในอนาคต

สำหรับชาวคริสต์เป็นเมืองที่พระเยซูเจ้าทรงประกอบภารกิจในช่วงระยะเวลาสุดท้าย แห่งพระชนมชีพของพระองค์ เมืองที่ได้เป็นพยานถึงการสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์

สำหรับชาวมุสลิมเป็นเมืองที่พวกเขาเชื่อกันว่าศาสดามุฮัมมัดได้เสด็จสู่ฟากฟ้า

กรุงเยรูซาเล็มแหล่งกำเนิดความเชื่อและสันติ เมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก ยังได้เป็นเมืองแห่งความทารุณโหดร้าย แห่งสงคราม และการหลั่งเลือด ณ ประตูเมืองแห่งนี้มีการสู้รบมากกว่าที่เมืองอื่นใด ในโลก กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมมากกว่า 50 ครั้ง ถูกยึดถึง 36 ครั้ง และถูกทำลายมากกว่า 10 ครั้ง

ไม่มีผู้ใดทราบว่ากรุงเยรูซาเล็มเริ่มมีตัวตนขึ้นมาเมื่อใด ครั้งแรกที่พระคัมภีร์พูดถึง คือ สมัยของอับราฮัม โดยมีชื่อว่า "ซาเล็ม" ซึ่งแปลว่า สันติสุข

"ท่านเมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์เมืองซาเลม และปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้ (ปฐก 14:18)

"ข้าพเจ้ายกมือสาบานตัวต่อพระพักตร์ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน" (ปฐก 14:22) ในศตวรรษ ที่ 10 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ดาวิดได้ยึดเมืองนี้และตั้งเป็นเมืองหลวง โดยนำหีบแห่งพันธสัญญามาประดิษฐาน

[แก้] ช่วงเวลา

  • ปี 965-922ก่อนคริสตาล กษัตริย์ซาโลมอนได้ปรับปรุงเมืองนี้และสร้างพระวิหาร
  • ปี 587 ก่อนคริสตกาล ชาวบาบิโลนได้ยึดกรุงเยรูซาเล็ม ทำลายพระวิหารและนำ

ชาวยิวไปเป็นทาสในบาบิโลน

  • ปี 538 ก่อนคริสตกาล ชาวยิวได้กลับสู่กรุงเยรูซาเล็มและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่
  • ปี 168ก่อนคริสตกาล กษัตริย์อันติโอกุส เอปีฟาเนส ได้ทำลายกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม
  • ปี 63ก่อนคริสตกาล ชาวโรมยึดเมือง
  • ปี 37 ก่อนคริสตกาล เฮโรดได้แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ของชาวยิว พระองค์เป็นนัก

ก่อสร้างและปรับปรุงกรุงเยรูซาเล็มให้สวยงาม ได้สร้างกำแพงและพระวิหาร ขึ้นมาใหม่ให้สวยงามกว่าในสมัยของกษัตริย์ของเฮโรดนี้เป็นกรุงเยรูซาเล็ม ที่พระเยซูเจ้าทรงรู้จัก

  • ปี ค.ศ.70 กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายโดยจักรพรรดิตีตัส
  • ปี ค.ศ.132-135 จักรพรรดิเอเดรียนได้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่

ตามแบบของเมืองโรมัน ตั้งชื่อว่า "เอลีอา กาปีโตลียา" และสร้างสักการสถานแด่พระเท็จเทียม บนซากของสักการสถานของชาวยิว และของชาวคริสต์ และพวกยิวถูกห้ามเข้าเมืองเด็ดขาด หากจับได้จะมีโทษมีประหารชีวิต

  • ปี พ.ศ. 873(ค.ศ.330) จักรพรรดิคอนสแตนติน ที่ 1 มหาราชผู้กลับใจ

ได้เปลี่ยนกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองคริสต์

  • ปี พ.ศ. 1157(ค.ศ.614) ชาวเปอร์เชียยึดกรุงเยรูซาเล็มและทำลายวัดวาอารามต่างๆ
  • ปี พ.ศ. 1179(ค.ศ.636) กรุงเยรูซาเล็มตกอยู่ภายในอำนาจของชาวอาหรับ

ซึ่งได้รักษาอำนาจนี้ตลอดมาเป็นเวลา 500 ปี

  • ปี พ.ศ. 1642(ค.ศ.1099) กรุงเยรูซาเล็มถูกยึดโดยครูเสดและกลับเป็นที่ตั้งของอาณาจักรละติน
  • ปี พ.ศ. 1730 (ค.ศ.1187) กรุงเยรูซาเล็มถูกยึดโดยชาวมุสลิมภายใต้การนำของซาลาดิน
  • ปี พ.ศ. 2060 (ค.ศ.1517) เมืองตกอยู่ในเงื้อมมือของชาวเติร์ก และอยู่ในการปกครองของพวกเขาตลอด 400 ปี
  • ปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ.1917) พันธมิตรได้ยึดกรุงเยรูซาเล็มและให้อยู่ใต้การปกครองของทหารอังกฤษ
  • ปี พ.ศ. 2491(ค.ศ.1948) สงครามระหว่างยิวและชาวอาหรับ กรุงเยรูซาเล็มถูกแบ่งดินแดน ส่วนหนึ่งเป็นของรัฐอิสราเอล อีกส่วนเป็นของจอร์แดน
  • ปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ.1967) ระหว่างสงคราม 6 วัน ชาวอิสราเอลได้ยึดกรุงเยรูซาเล็มเก่า

ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจอร์แดน สถานการณ์ปัจจุบันยังยืดเยื้ออยู่ และชาวอาหรับรับไม่ค่อยได้ด้านประวัติศาสตร์ของคริสตชน เริ่มตั้งแต่ปีที่ 33 ของสมัยปกครองของกษัตริย์เฮโรด ประมาณศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล (5 B.C.) เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิด ประมาณ 8 กิโลเมตรห่างจากกรุงเยรูซาเล็ม เหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตในกรุงเยรูซาเล็ม ตามบันทึกในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เมื่อแม่พระและนักบุญยอแซฟ ถวายพระเยซูในพระวิหาร


พวกครูเสด(Crusader)ตามความเชื่อเป็นอัศวินของพระเจ้า ตามความเชื่อนี้ พวกนี้ไม่ใช่ แคธอลิก แต่เป็น โปร์แลด์น บางชื่อเรียกว่า อัศวิน แทมพร่า การแต่งกายตามแบบอัศวิน แต่จะแตกต่างตรงที่ ตามโล่ จะมีรูปไม้กางเขน

  เยรูซาเลม เป็นบทความเกี่ยวกับ ประเทศ เมือง หรือเขตการปกครองต่าง ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ เยรูซาเลม ในภาษาอื่น สามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ๆ ด้านซ้ายมือ