คุยกับผู้ใช้:Mw user
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวัสดีครับ
ผมกำลังหาคำตอบ (วิจัย) ทางวิญญาณโดยใช้ตัวเองเป็นจุดยืน (ประเดิมด้วยตัวเอง) หลายข้อธรรมที่ได้เคยศึกษา ที่ยังไม่ถูกแก้ไข ให้คลายสงสัย ก็มีมาก ยังคงรบกวนหัวใจของผมอยู่ตลอด ก็ไม่พ้นเรื่องบาป บุญ ชาตินี้ ชาติหน้า ลึกเข้าไปถึงความเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณ .. และก็จุดนี้เป็นบ่อเกิดเล็ก ๆ ของผมที่ต้องลงปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้รู้เข้าใจ และสามารถควบคุมตัวเอง ให้ได้มากที่สุด (เริ่มต้น .. ) บ่อยครั้งทีผมสงสัยเกี่ยวกับความดี หลังจากที่ค้นหาจึงได้พบ
ดังจะขอยกเป็นบทเล็กน้อย เพียง 6 หัวข้อ สำหรับผม และท่านที่สนใจ ดังนี้
นโม เม อนุตฺตราภิธมฺมานํ.
สุขสฺเสตํ ภิกฺขเว อธิวจนํ ยทิทํ ปุญฺญานิ
ภิกษุทั้งหลาย ที่เรียกว่า บุญ บุญ นี้ คำว่า บุญ เป็นคำแทนเรียกความสุข
(อรรถกาสังคณี เล่ม 1 ภาค 1 หน้าที่ 156)
พึงทราบจิตดวงที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ โดยนัยที่กล่าวแล้วในจิตดวงที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั่นแหละ. ในจิตดวงที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ เหล่านี้ การเปลี่ยนไป แห่งเวทนาและการลดปีติอย่างเดียว. คำที่เหลือ กับนัยแห่งการเกิดขึ้นเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน. แม้ในการบริกรรมของกรุณาและมุทิตา ความเกิดขึ้นแห่งจิตดวงที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ เหล่านี้ ได้รับรองแล้วในมหาอรรถกถาทีเดียว. จิตเหล่านี้ ชื่อว่า กามาวจรกุศลจิต ๘ ดวง. กามาวจรกุศลจิตเหล่านั้น แม้ทั้งหมดบัณฑิตพึงแสดงด้วยบุญกิริยา- วัตถุ ๑๐ ประการ ถามว่าแสดงอย่างไร ? ตอบว่า พึงแสดง ชื่อบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เหล่านี้ คือ ๑. ทานมัย บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน ๒. สีลมัย " " ด้วยศีล ๓. ภาวนามัย " " ด้วยภาวนา ๔. อปจิติสหคตะ บุญที่สหรคตด้วยนอบน้อม ๕. เวยยาวัจจสหคตะ " ด้วยการขวนขวาย ๖. ปัตตานุปทานมัย บุญสำเร็จด้วยการแผ่ส่วนบุญ ๗. อัพภานุโมทนมัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา ๘. เทศนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม ๙. สวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม ๑๐. ทิฏฐุชุกรรม.
(อรรถกถาพระธรรมสังคณี เล่ม 1 ภาค 1 หน้าที่ 427-428)
ในฐานะนี้ ชื่อว่า การประมวลซึ่งบุญ ๖ อย่าง ที่ทรงถือเอาอีก จริงอยู่ บุญที่กระทำเอง (สยงฺการํ) ก็มี บุญที่ผู้อื่นกระทำ (ปรงฺการํ) ก็มี บุญที่ทำด้วยมือของตนก็มี บุญที่สั่งให้คนอื่นกระทำก็มี บุญที่เกิดด้วย ความไม่รู้ก็มี บรรดาบุญทั้ง ๖ เหล่านั้น บุญที่ทำตามธรรมดาของตน ชื่อว่า สยังการ. บุญที่เห็นคนอื่นกระทำก็กระทำ ชื่อว่า ปรังการ. บุญที่ทำด้วยมือของตนเอง ชื่อว่า สาหัตถิกะ. บุญที่ใช้ให้บุคคลกระทำ ชื่อว่า อาณัตติกะ. บุญที่เชื่อกรรมและผลแล้วกระทำ ชื่อว่า สัมปชานกตะ. บุญที่ไม่รู้กรรมก็ดี ผลก็ดีกระทำแล้ว ชื่อว่า อสัมปชานกตะ. บรรดาบุญทั้ง ๖ เหล่านั้น บุคคลแม้เมื่อกระทำเองก็ย่อมกระทำ ด้วยกุศลจิต ๘ ดวงเหล่านี้ ดวงใดดวงหนึ่งนั่นแหละ เมื่อจะทำอาศัยผู้อื่นก็ดี เมื่อกระทำด้วยมือของตนก็ดี เมื่อใช้ให้ผู้อื่นกระทำก็ดี ก็ย่อมการทำด้วยกุศลจิต ๘ ดวงเหล่านี้ ดวงใดดวงหนึ่งเหมือนกัน. แต่การกระทำด้วยความรู้ ย่อมประกอบด้วยญาณ ๔ ดวง. การกระทำด้วยความไม่รู้ ย่อมไม่ประกอบด้วย ญาณ ๔ ดวง
(อรรถกถาสังคณี เล่ม 1 ภาค 1 หน้าที่ 436-7)
สภาวะที่ชื่อว่า บุญ เพราะอรรถว่า ย่อมชำระ กรรมอันเป็นการทำของตน คือ ย่อมยังอัชฌาศัยของผู้กระทำตนนั้นให้บริบูรณ์ และยังภพอันน่าบูชาให้เกิดขึ้น
(อรรถกถาวิภังค์ เล่ม 2 ภาค 1 หน้า 466)
เจตนา สัญเจตนา (ความตั้งใจ) ความคิดปรารภทาน ทำทานให้เป็น ใหญ่ อันใด ย่อมเกิดขึ้น นี้เรียกว่า ปุญญาภิสังขารสำเร็จด้วยทาน
(อรรถกถาวิภังค์ เล่ม 2 ภาค 1 หน้า 468)
(เฉพาะดวงที่ 1) [๑๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน กามาวจรกุศลจิต สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ มีรูปเป็นอารมณ์ หรือ มีเสียง เป็นอารมณ์ มีกลิ่นเป็นอารมณ์ มีรสเป็นอารมณ์ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ มีธรรมเป็นอารมณ์ หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้นในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ อโลภ อโทสะ อโมหะ อนภิชฌา อัพยาปาทะ (สัมมาทิฏฐิ หิริ โอตตัปปะ) กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา สติ สัมปชัญญะ สมถะ วิปัสสนา ปัคคาหะ อวิกเขปะ
มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น. สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล ฯลฯ
(พระธรรมสังคณีปกรณ์ หน้า 28)
(ฟังเสียง - กำลังขออับโหลด แต่ก็ไม่รู้จุด Href .. ไม่ต้องกลัวลิขสิทธ์ เพราะเป็นเสียงผมเอง.. )
ผมสังสัย ตั้งแต่เริ่มเรียนศาสนา ส่วนลึกไม่สามารถมองเห็นภาพได้ เกี่ยวกับเรื่องบุญ บาป อยู่ที่ไหน ดับสูญได้หรือ ! สำแดงเมื่อใด ! .. ที่ตามติดจิตนั้นดังเงาตัว ทำไม ถึงต้องว้าเหว่ ทำไมต้องการเพื่อน ?? !!!! พอดีมาพบข้อความ อันทำให้พอจะเข้าใจว่า ทำไมถึงต้องหมั่นในธรรมขาว (ครั้งละนิด ช่วยเหลือทีละหน่อย) และอย่าข้อง
แวะกับธรรมอันดำ (แม้นิด) ...
[๒๑] จิต มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑร มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า จิตมีในสมัยนั้น.
(พระอภิธรรมปิฎก เล่ม ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์ - หน้าที่ 29)
พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า จิตฺตํ สภาวะที่ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า ย่อมคิด คือว่า ย่อมรู้แจ้งซึ่งอารมณ์ อีกอย่างหนึ่ง
ศัพท์ว่า จิต นี้ ทั่วไปแก่จิตทั้งปวง
เพราะฉะนั้น ในบทว่า จิตฺตํ นี้ จิตใดที่เป็นกุศล อกุศล และมหากิริยาจิตฝ่ายโลกียะ
จิตนั้นชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า ย่อมสั่งสมสันดาน ของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี.
ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า เป็นธรรมชาติ อันกรรมและกิเลสทั้งหลายสั่งสมวิบาก.
อีกอย่างหนึ่ง แม้ทั้งหมด ชื่อว่า จิต เพราะความเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร. ชื่อว่า จิต เพราะการทำให้วิจิตร
พึงทราบเนื้อความในบทว่า จิตฺตํ นี้ ดังพรรณนามาฉะนี้.
(อรรถกถา พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 228)
//.