ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา หรือ อุชเชนี เกิดในปี พ.ศ. 2462 ที่กรุงเทพมหานคร สมรสกับหม่อมหลวงจิตรสาน ชุมสาย ณ อยุธยา พ.ศ. 2536 เรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ จบชั้นมัธยม 8 ทางภาษาฝรั่งเศส เมื่ออายุ 16 ปี และเรียนซ้ำมัธยม 8 ทางภาษาอังกฤษ เรียนมหาวิทยาลัยที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโทเกียรตินิยม ภาษาฝรั่งเศส พ.ศ. 2488 และได้ทุนไปศึกษาต่อที่ปารีส 1 ปี

เริ่มเขียนกลอนตั้งแต่เข้าเรียนจุฬาฯ โดยมีรุ่นพี่ตั้งนามปากกาให้ว่า “อุชเชนี”. พ.ศ. 2489 เริ่มเขียนกลอนสั้น ๆ “มะลิแรกแย้ม” ลงพิมพ์ในหนังสือ “บ้าน- กับโรงเรียน” ในนาม “มลิสด”. พ.ศ. 2491 เปลี่ยนแนวการแต่งจากรักเป็นเรื่องของคนทุกข์ยากคือ “ใต้- โค้งสะพาน” ลงในหนังสือ “การเมือง”. พ.ศ. 2499 มีการรวมพิมพ์เป็นเล่มระหว่าง “อุชเชนี” และ “นิด นรารักษ์” ชื่อ “ขอบฟ้าขลิบทอง” บอกเล่าเรื่องราวเพื่อเสริมสร้างการมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะเคียงความรู้สึกของชนชั้นกลาง ที่เห็นคุณค่าของชนชั้นที่ต่ำกว่า ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ระหว่างความรวยและความจน

กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมรสกับหม่อมหลวงจิตรสาน ชุมสาย ณ อยุธยา พ.ศ. 2536

ระหว่างศึกษาที่ฝรั่งเศส ได้อ่านหนังสือวรรณคดีชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศสจำนวนมาก ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดที่จะสร้างสรรค์งานที่มีค่าต่อสังคม เมื่อกลับมาเป็นอาจารย์มีโอกาสได้ติดตามนายแพทย์และบาทหลวงเข้าไปทำงานที่แหล่งเสื่อมโทรม และมีจิตสำนึกแบบชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดว่าควรจะต้องทำอะไรเพื่อคนจน ทำให้เธอเขียนบทกวีที่สะท้อนภาพสังคมในเชิงมนุษยธรรม

ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พร้อมกับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในปี พ.ศ. 2536


หนังสือเรื่อง ขอบฟ้าขลิบทอง เป็นหนังสือที่ได้รับการคัดเลือกว่าเป็นงานวรรณกรรมที่น่าอ่าน มีคุณค่าทางศิลปวรรณกรรม ครบถ้วนตามแนวทางของวรรณกรรมโลกหรือวรรณกรรมสากลมีเนื้อหาสาระที่แสดงออกถึงความริเริ่มสร้างสรรค์ ช่วยให้ผู้อ่านมีทัศนะต่อชีวิตและต่อโลกกว้างขึ้น ได้รับความรู้ ความคิดอ่าน ความบันเทิงทางศิลปะวัฒนธรรม ปรากฏแจ้งใน หนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน

[แก้] ตัวอย่างงานประพันธ์

     มิ่งมิตร       เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน       ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม
ที่จะร่ำเพลงเกี่ยวโลมเรียวข้าว       ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม
ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำตาพรม       ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน
ที่จะแล่นเริงเล่นเช่นหงษ์ร่อน       ที่จะถอนใจทอดกับยอดสน
ที่จะหว่านสุขไว้กลางใจคน       ที่จะทนทุกข์เข้มเต็มหัวใจ
ที่จะเกลาทางกู้สู่คนยาก       ที่จะจากผมนิ่มปิ้มเส้นไหม
ที่จะหาญผสานท้านัยน์ตาใคร       ที่จะให้สิ่งสิ้นเธอจินต์จง
ที่จะอยู่เพื่อคนที่เธอรัก       ที่จะหักพาลแพรกแหลกเป็นผง
ที่จะมุ่งจุดหมายประกายทะนง       ที่จะคงธรรมเที่ยงเคียงโลกา
เพื่อโค้งเคียวเรียวเดือนและเพื่อนโพ้น       เพื่อไผ่โอนพลิ้วพ้อล้อภูผา
เพื่อเรืองข้าวพราวแพร้วทั่วแนวนา       เพื่อขอบฟ้าขลิบทองรองอรุณ

[แก้] อ้างอิง