เวลา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บทความนี้ต้องการตรวจสอบและยังไม่สมบูรณ์
บทความนี้ ต้องการการตรวจสอบหรือแก้ไขบางส่วน ซึ่งไม่แน่ใจหรือไม่ทราบในสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นช่วยกันตรวจสอบและแก้ไขบทความให้มีลักษณะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป
กรุณาเปลี่ยนไปใช้ป้ายข้อความอื่น เพื่อระบุสิ่งที่ต้องการตรวจสอบ หรือแก้ไข
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการแก้ไขหน้าพื้นฐาน คู่มือ และ นโยบายวิกิพีเดีย - เมื่อแก้ไขตามนโยบายแล้ว สามารถนำป้ายนี้ออกได้
บทความนี้มีลักษณะที่ไม่เป็นสารานุกรม
บทความนี้ได้รับแจ้งว่ามีลักษณะไม่เป็นสารานุกรม อาจมีลักษณะคล้ายพจนานุกรม คู่มือ หรือเอกสารต้นฉบับ ซึ่งไม่ตรงตามนโยบายของวิกิพีเดีย
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้! โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นแก้ไขเนื้อหาให้มีลักษณะเป็นบทความสารานุกรม
หรือย้ายบทความนี้ไปยังโครงการพี่น้องที่เหมาะสม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เงื่อนไขในการนับว่าเป็นสารานุกรม อะไรที่ไม่ใช่วิกิพีเดีย โครงการพี่น้อง และ นโยบายวิกิพีเดีย

คำจำกัดความของ "เวลา" มี ๒ มิติ มิติแรก คือการดำเนินไปทีละช่วงๆ เท่าๆกันและ ติดต่อกันไปไม่มีวันสิ้นสุด เช่น นาที ชั่วโมง มิติที่สองคือ เวลาที่เป็นจุดอ้างอิง ณ จุดใด จุดหนึ่งในอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต เช่น เวลา ๑๑.๓๖ น. ของวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ซึ่งเวลาในความหมายนี้เป็นสิ่งสมมุติที่ตกลงให้เหมือนกันในสังคมมนุษย์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน

เวลาในมิติแรกดำเนินไป คงที่ แน่นอน และตลอดไป ผูกพันกับจักรวาล ทั้งยังเป็นส่วนประกอบในระบบเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มนุษย์เราใช้เวลาในมิตินี้ในเกือบทุกกิจกรรม เช่น จังหวะจะโคลน, สูตรการปรุงอาหาร, การตัดสินการแข่งขัน, เป็นต้น

เวลาในมิติที่สองเป็นการกำหนดจุดอ้างอิงเดียวกัน ถูกกำหนดตามหลักความเชื่อในศาสนา เช่นพุทธศักราช, คริสต์ศักราช เป็นต้น เราใช้เวลาในมิตินี้ในการวางแผนเวลาร่วมกันของคนในสังคม รวมถึงการบันทึกลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอดีต

// เวลาในอีกมุมมอง โดย alivecode

// เวลา ที่มองเห็นและเคลื่อนที่ผ่านไป ผ่านไป มีคำถามกันว่าคืออะไร แน่นอนสำหรับผมเวลาคือ สิ่งที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นเพื่อ บอกถึงการเปลี่ยนเปลง นั่นเองที่เวลาเป็น

// แต่ถึงแม้ ความเปลี่ยนเปลงนั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงเวลา เพราะความเปลี่ยนเปลงไม่ไช่เวลา มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

// ในทาง physics แล้วเวลา หาได้เป็นเช่นนั้น มันมองเป็น การดำเนินไปและจุดอ้างอิง ดังที่ท่านแรกได้เขียนเอาไว้ มีการทดลองเพื่อหานิยามของเวลา อันหนึ่งที่น่าสนใจ

// มีการสั่นเรือดำน้ำขนาดหลายตัน และค้นพบที่พื้นผิวของเรือดำน้ำว่ามีความเปลี่ยนเเปลงของเวลาที่แตกต่างจากภายนอกเหมือนที่ไอสไตล์กล่าวไว้ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ

// หากมีฝาเเฝดคู่หนึ่งคนหนึ่งนั้งยานอวกาศออกไปนอกโลก(ด้วยยานที่มีความเร็วใกล้แสง)และกลับมาพบกว่าแฝดผู้พี่ได้แก่ลงไปเยอะแต่เขากลับยังไม่แก่เลย

// เราเลยอาจมองได้ดังนี้ เวลานั้นสัมพันธไปกับมวลและความเร็วเช่นหากมีมวลมากพอก็เปลี่ยนแปลง(เบี่ยงเบน)เวลาได้หรือในอีกทางหนึ่งหากมีความเร็วมากพอ

// ก็เปลี่ยนแปลงเวลาได้ เหมือนกันไหมกับ ความคิดที่ว่าเวลาคือ ความเปลี่ยนเเปลง(changed) คู่แฝดพิศวงนั้นแฝดผู้น้องนั้นได้เดินทางผ่าน(เวลา)ไปอย่างรวดเร็ว

// เขาได้ผ่านเวลานั้นไปแล้วจริงๆ ส่วนแฝดผู้พี่นั้นก็เดินทางผ่านเวลา ณ อีกจุดอ้างอิงหนึ่งคือโลก เพราะมนุษย์อยู่บนโลกเรื่องจุดอ้างอิงจึงมักไม่ไช่ประเด็นที่เขาสนใจ

// เขาจึงมักจะพูดถึงเวลาของเขาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างพรุ่งนี้เขาจะไปไหนหรือสัปดาห์ต่อไปเขาจะทำอะไร และเขามักจะไม่พูดว่าเวลาของเขาจะสิ้นสุดตรงไหน

// เขาทำเหมือนกับว่า มันไม่สิ้นสุดอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ 365.25 ตามที่มนุษย์เขากำหนดกัน (ทุกสี่ปีจะมีวันหายไปหนึ่งวัน (กุมภาพันธ์))ให้เท่ากับ 1 ปี

// แล้วถ้าเขาคิดต่ออีกสักนิด 365.25 คูณด้วย 100 และหากเขาโชคดี เขาจะอยู่ได้ถึง 100 ปีแล้วละก็ 36525 วัน ที่เขามี

// ตอนนี้ผมอายุ 25 ปี และคิดว่าอยู่ไม่ถึง 100 ปีแน่ และคิดต่ออีกนิด ว่าผมไม่ชอบความแก่ และแก่แล้วคงทำอะไรได้ไม่มาก และไม่สนุกด้วย

// ฉะนั้น 45 ปีผมคิดว่าผมเริ่มไม่หนุ่มแล้ว เอาเป็นว่า 47 ก็แล้วกัน ดังนั้นผมมีเวลาใช้ชีวิตที่มีความสุขได้อีกสัก 22 ปี หรือ 8035 วัน กับอีกครึ่งวัน

// และ ลบด้วยเวลาที่เขียนบทความนี้ไปอีก และไม่รวมเวลาที่ผมหลับ

// มนุษย์นั้นมีเวลาอยู่บนโลกเป็นเวลาไม่นาน(ไม่กี่วัน) หากคุณเชื่อในพระเจ้าไม่ว่าจะ ยิว คริสต์ หรือมุสลิม โอเค คุณมีชีวิตหลังความตายบนสวรรค์หรือในนรก

// และชาวพุทธ คุณก็มีชาติหน้า ตามผลส่วนที่คุณได้ทำไว้ ส่วน คนที่ไม่เชื่อในอะไร คุณจบแล้วและทุกอย่างจบกันเมื่อคุณตาย

// มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวความตายเพราะ เรามักจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ ดูเหมือนว่าในส่วนท้ายๆ นี้ไม่ค่อยจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องเวลา แต่หากมองสักนิด เมื่อเวลาของคุณหมดลง

// เวลาของคนอื่นก็ไม่มีความสำคัญใดๆกับคุณแล้วไม่อีกต่อไป แล้วเราควรจะใช้เวลาเช่นไร ข้อนี้ผมบอกคุณไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นของคุณและผมเอามันมาจากคุณไม่ได้

// และถึงคุณจะอยากให้ใครก็ตามเขาก็ไม่สามารถรับไปได้ หากชีวิตนั้นมีความสุขก็ดีไปสำหรับเวลาที่เหลืออยู่และความสุขนั้นผ่านไป แต่หากว่าไม่ มันก็คงจะแย่หน่อย

// ที่มีเวลาเหลืออยู่ มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้เวลาเพื่อแสวงหาความสุข หรือเพื่อให้ได้รับความสุขในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือเลว หรือไม่ดีไม่เลว ทุกเชื้อชาติและศาสนา

// อีกบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยหาได้สนใจความสุขไม่เขาจึงไม่ใช้เวลาเพื่อความสุขของเขา มนุษย์พวกนี้มักจะค้นหาคำตอบสำหรับชีวิต และแสวงหามัน

// บางคนนั้นถามว่าเราเกิดมาทำไม คุณลองคิดต่ออีกหน่อยคุณละว่าเกิดมาทำไม ถ้าคิดออก ลองอ่านต่อ ถ้าคุณมีเวลา




.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.



// ผมว่ามันไม่สำคัญหรอก ไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่า คุณ เกิด มา เพื่อ อะไร คำถามนี้สำคัญตรงที่ มันจะกำหนดการใช้เวลาที่เหลือของคุณ

// เพื่ออะไร เพื่อใคร เพื่อค้นหาสิ่งใด เพื่อเรียนรู้และเข้าใจสิ่งใด เพื่อที่จะเป็นหรือทำอะไร และการค้นหาคำตอบของสิ่งนี้คุณก็ต้องใช้เวลาที่เหลือของคุณ

// และคำตอบของคำถามนี้มันสำคัญที่จะค้นหาเพราะว่าถ้าคุณค้นพบมัน คำตอบของคำถามนี้ จะเปลี่ยนสิ่งที่คุณคิดว่าคุณเป็น เพราะเวลาและชีวิตคุณที่เหลือของคุณ

// จะไม่ไร้สาระไปกับสิ่งที่ไร้สาระอีกต่อไป